ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 256
พื้นที่ภายในกำแพงแห่งนี้ถูกเรียกว่าเขตเพาะพันธุ์หมายเลข 2 นอกจากเขตนี้แล้ว ยังมีอีก 4 เขต ตั้งอยู่ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตกของประเทศมังกร เขตเพาะพันธุ์หมายเลข 2 อยู่ทางทิศใต้
เขตเพาะพันธุ์ทั้ง 4 ถูกสร้างเอาไว้เพื่อการทดลองที่ไม่สามารถประกาศให้คนทั่วไปรู้ได้ และยังเลี้ยงสัตว์กลายพันธิ์ ปลูกพืชล้ำค่าเพื่อศึกษาการเติบโตของพวกมัน
พื้นทั้งหมดมีอาณาเขตกว่า 1.4 ล้านตารางกิโลเมตร ศูนย์กลางของเขตมีสำนักงานตั้งอยู่ และสำนักงานเหล่านี้ยังเป็นสำนักงานสาขาของหน่วยลับที่คอยดูแลเขตรับผิดชอบ 4 ภูมิภาคของประเทศ
ยกเว้นเมืองหลวงที่จะมีสำนักงานหลักของหน่วยลับตั้งอยู่
เขตเพาะพันธุ์ไม่มีประตูทางเข้า วิธีทางเข้าเพียงสองวิธีคือ เข้าทางจุดส่งตัวนอกกำแพงเพื่อเข้ามาในเขตเพาะพันธุ์ แต่วิธีนี้จะต้องเดินเท้ากว่า 500 กิโลเมตรเพื่อเดินไปยังสำนักงาน
วิธีที่สองคือ ใช้ยานบิน การใช้งานบินจะต้องได้รับอนุญาติจากรัฐและจะต้องเป็นยานบินเฉพาะของรัฐบาลเท่านั้น ยานบินพลเรือนไม่สามารถผ่านน่านฟ้าแห่งนี้ได้
นอกจากสำนักงานพื้นที่ของเขตเพาะพันธุ์ยังแบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 จะเป็นพื้นที่นอกสุด พื้นที่ทั้งหมดจะเป็นทะเลทราย มีอาณาเขตกว่า 7 แสน ตารางกิโลเมตร ระยะทางเดินเท้าไปไปส่วนที่ 2 ประมาณ 200 กิโลเมตร
ถ้าผู้บ่มเพาพลังเดินทางด้วยเท้า อย่างน้อยจะต้องใช้เวลาเวลา 2 วัน เพื่อไปส่วนที่ 2
ด้วยความร้อนระอุกว่า 70 องศา และสภาพอากาศที่เลวร้าย นอกจากนั้นยังมีสัตว์ดุร้ายที่ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์มีพิษ ทำให้ความเร็วในการเดินทางลดลงอย่างมาก ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแออาจต้องใช้เวลากว่า 4 ถึง 5 วันถึงจะสามารถผ่านไปได้
ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ป่าภูเขาสูงใหญ่ ต้นไม้หนาทึบ มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านสลับซับซ้อน และมีสัตว์ดุร้ายขนาดเล็กและกลางที่มีความรวดเร็วสูงจำนวนมากอาศัยอย่างชุกชุม และต้นไม้มีพิษหลายชนิดที่แค่สัมผัสถูกอาจเกิดอาการผิดปกติ
พื้นที่ส่วนที่ 2 มีอาณาเขต 3 แสนตารางกิโลเมตร ระยะทางไปส่วนที่ 3 ประมาณ 100 กิโลเมตร สั่นกว่าเขตทะเลทรายชั้น 1 เท่าตัว
แม้จะไม่มีสภาพอากาศที่โหดร้าย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อน สัตว์ดุร้ายที่อาจจะโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ต้องระมัดระวังอย่างมาก
ส่วนที่ 3 เป็นภูเขาสูงและทุ่งราบ มีสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะสัตว์ยักษ์ที่ดุร้ายทรงพลัง และสัตว์บางชนิดจะอยู่เป็นฝูง สัตว์เหล่านี้มักจะโจมตีพร้อมกันเสมอ เมื่อมีสิ่งมีชีวิตอื่นบุกรุกเข้าไปในอาณาเขต หรือจะโจมตีคนที่ทำร้ายพวกพ้องของมัน
อาณาเขตส่วนที่ 3 มีพื้นที่กว่า 3 แสน ตารางกิโลเมตร ระยะทางไปที่สำนักงาน ประมาณ 200 กิโลเมตร
ทั้ง 3 ส่วนของเขตเพาะพันธุ์เป็นพื้นที่อันตราย คนธรรมดาไม่สามารถผ่านไปได้ง่ายๆ ทำให้การเดินทางผ่านเขตเพาะพันธุ์ภายใน 7 วัน เป็นเรื่องยากลำบาก แม้แต่อัจฉริยะก็ยากที่จะผ่านไปได้
ในการที่จะผ่านการทดสอบผ่านเขตเพาะพันธุ์ จะต้องมีพรสวรรค์ในการต่อสู้และความสามารถในการปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก
ใครไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ จะถูกตัดสิทธิ์ทันที เพราะเมื่อเข้าหน่วยลับแล้ว อาจจะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้อีก ถ้าแค่นี้ไม่สามารถผ่านไปได้ จะเป็นตัวถ่วงคนอื่น ทำให้ภารกิจเสียหายได้…
จิวโมไป๋รู้ถึงอันตรายของภารกิจเป็นอย่างดี
แต่ที่เขายอมเสียเวลาไปเส้นทางอื่น ก็เพราะว่าในการทดสอบรายงานตัว มีกฎที่ไม่พูดอยู่ คือถ้าผู้เข้าทดสอบ บังเอิญไปพบสมุนไพรล้ำค่าหรือสามารถจับสัตว์ดุร้ายมาเป็นสัตว์เลี้ยง ในระหว่างการทดสอบ สิ่งๆนั้นจะตกเป็นของผู้ได้รับทันที
ทางหน่วยจะไม่ยึดสิ่งๆนั้นกลับ เพราะถือว่าเป็นของที่ได้รับจากการผจญภัย
ปกติแล้วเมื่อเข้าหน่วยลับ จะไม่สามารถเอาสิ่งของจากเขตเพาะพันธุ์มาเป็นของตัวเองได้ แต่ในการทดสอบรายงานตัวถือเป็นข้อยกเว้นพิเศษ
แต่ถ้าไม่สามารถไปถึงสำนักงานได้ทันเวลาที่กำหนด จะถูกตัดสิทธิ์จากการทดสอบและจะยึดสิ่งที่รับกลับทันที
การเดินทางภายในเวลา 7 วัน ก็ยากแล้ว การที่จะได้รับอะไรจากเขตเพาะพันธุ์ถือว่าเป็นรางวัลพิเศษจริงๆ เพราะการได้รับอะไรจากเขตเพาะพันธุ์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
สัตว์ดุร้ายในเขตเพาะพันธุ์ ถูกเลี้ยงแบบปล่อยพวกมันมีสัญชาตญาณสัตว์ป่า ทำให้การสยบพวกมันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก มีน้อยคนที่จะทำได้สำเร็จ
ในระหว่างสยบสัตว์ดุร้าย มันไม่ใช่มีเพียงแค่สัตว์ร้ายที่กำลังถูกสยบเท่านั้น อันตรายอื่นๆก็มีไม่น้อย ถ้าพลาดอาจบาดเจ็บสาหัส และถูกตัดสิทธิ์ทันที
ทำให้ส่วนมากสมุนไพรล้ำค่า จะเป็นสิ่งที่ได้รับง่ายกว่า
แต่สมุนไพรที่ปลูกในเขตเพาะพันธุ์ จะถูกปลูกแบบปล่อยเช่นกัน สมุนไพรจะถูกปลูกในสถานที่ต่างๆ ที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปถึงได้ง่ายๆ บริเวณที่ปลูกสมุนไพร บริเวณนั้นจะดึงดูดสัตว์ดุร้ายมากมาย มาเป็นผู้คุ้มครอง เพื่อรอเวลาที่พวกมันจะได้กินสมุนไพรเหล่านั้น
ทำให้การได้รับสมุนไพรล้ำค่า แม้จะได้รับง่ายกว่าการสยบสัตว์ดุร้าย แต่การจะได้รับจะต้องต่อสู้แย่งชิงกับสุตว์ดุร้ายมาด้วยพลังและฝีมือของตัวเอง
ในอดีตเมื่อจิวโมไป๋เข้าไปอยู่หน่วยวิจัย และเขาก็ประจำอยู่ที่นี่ ทำให้เขารู้ตำแหน่งที่ปลูกสมุนไพรที่กระจายอยู่ทั่วเขตเพาะพันธุ์
เมื่อเขามีโอกาสได้เข้ามาแล้ว เขาจะปล่อยโอกาสให้ไม่เสียไป
น่าเสียดายที่เวลามีน้อยเกินไป เขาเลือกสมุนไพรได้เพียง 3 ชนิดที่เขาสามารถเอามันมาได้โดยไม่ทำให้เสียเวลามากนัก
สายลมอันรุนแรงในยามเที่ยงวันพัดพาคลื่นทรายอันหนักและร้อนเข้าปะทะร่าง จิวโมไป๋เดินฝ่าไปโดยที่ความเร็วไม่ตก อุณหภูมิที่สูงกว่า 70 องศา ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกร้อนได้เลย
เคล็ดบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยันร้อนกว่านี้หลายเท่า ความร้อนเพียงแค่นี้เขากลับรู้สึกสะบายเสียด้วยซ้ำ ทำให้การเดินผ่านทะเลทรายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
ในระหว่างเดิน จิตสัมผัสก็ตรวจจับคนของหมายเลข 5 ที่ตามมาด้านหลัง ในตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างไป 4 กิโลเมตร เกือบจะหลุดออกจากระยะตรวจจับแล้ว แต่พวกเขาตามไม่ยอมปล่อย
จิวโมไป๋ก็ไม่สนใจเดินไปเรื่อยๆ จนคนในที่สุดกลุ่มคนที่ตามก็หลุดไปจากจิตสัมผัส
เขาเดินไปอีก 4 ชั่วโมง จนมาถึงหน้าผาหินสูงชันสีน้ำตาลแดงหลายร้อยลูกเรียงกันสลับซับซ้อน จิตสัมผัสแผ่ขยายขึ้นไปตรวจสอบด้านบนของหน้าผาเหล่านั้น นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย บนหน้าผาเหน่านี้มีถ้ำนับไม่ถ้วนที่ภายในปลูกสมุนไพรที่เขาต้องการ
ไม่รอช้าเขา ใช้จิตสัมผัสเลือกสมุนไพรที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เขาก็พบว่าบางถ้ำว่างเปล่าและมีเศษซากกระดูกสัตว์นาๆชนิด เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีสัตว์ดุร้ายที่แข็งแกร่งเฝ้าอยู่ที่นี่
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสค้นหาแต่ก็ไม่พบ ไม่มีร่องรอยใดๆอยู่เลย ตรวจสอบอยู่นานในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขึ้นไป เขาก็เดินไปใต้หน้าผาที่มีสมุนไพรที่ต้องการ และเขาวางพลองเหล็กบนพื้นก่อนจะค่อยๆปีนขึ้นไป
ปีนไปได้ครึ่งทาง ในเวลานั้นเองเสียงบางอย่างก็ดังขึ้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ตื่นตัวทันที
ฟุ่บ! เสียงแหวกอากาสพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จิวโมไป๋ก็พุ่งตัวหลบ ไปหน้าผาอีกด้านและเกาะอย่างมั่นคง
เงาสีแดงเลือดพุ่งผ่านไปเพียงพริบตา ยังไม่ทันได้สำรวจว่ามันเป็นตัวอะไร เงาสีแดงก็หมุนตัวอย่างฉับไวก่อนที่มันจะกระทบเข้ากับหน้าผา และหันกลับมาและพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
จิวโมไป๋เห็นรูปร่างของเงาสีแดงเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นตัวอะไร
งูโลหิตเดือดพล่าน!
มันเป็น งูที่มีพิษน่าสะพรึงกลัวที่สุดติดอันดับต้นๆของงูพิษทั่วโลก
พิษโลหิตเดือดพล่าน แค่เพียงโดนกัดก็ทำให้เลือดของผู้ที่โดนพิษ ถูกต้มจากภายในร่างจนแห้งเหือด ตายอย่างน่าสยดสยอง
ผู้บ่มเพาะพลังชั้นสูงก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับมัน แม้จะสามารถจัดการมันได้ พวกเขาก็ไม่เสี่ยงที่ถูกพิษโลหิตเดือดพล่าน
แต่ที่จิวโมไป๋ต้องประหลาดใจก็คือ งูโลหิตเดือดพล่านที่กำลังพุ่งเข้ามา มันเป็นมีความยาว 1.5 เมตร และมีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน!
ความสามารถในการซ่อนตัวของมันสามารถหลบรอดจากจิตสัมผัสได้ และการตอบสนอง ความเร็ว พลังการโจมตีของมันก็ไม่ธรรมดา แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกปลายธรรมดา อาจจะไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ถูกโจมตีในชั่วพริบตาได้เลย
งูโลหิตเดือดพล่านพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แสงแดดสะท้อนเกล็ดงูสีแดงสดทำให้สีแดงเลือดดูน่ากลัวยิ่งขึ้น เขี้ยวงูสีเหลืองเป็นประกายดุร้าย
จิวโมไป๋หมุนตัวกลับก่อนจะยันหน้าผา กระโดดเข้าปะทะโดยตรงเกล็ดมังกรทองปกคลุมทั่วร่างอย่างไม่ประมาท
หมัดเกล็ดมังกรชกไปที่หัวของงูโลหิตเดือดพล่านอย่างรุนแรง เสียงแหวกอากาศกรีดร้องอย่างน่ากลัว
แต่ก่อนที่หมัดของเขาจะเข้าปะทะ งูโลหิตเดือดพล่านก็บิดตัวในอากาศอย่างแยบยล หลบหมัดไปได้ก่อนที่มันจะม้วนตัวฟาดห่างใส่อกของจิวโมไป๋อย่างรุนแรง
จิวโมไป๋ก็ไม่ประมาทใช้มืออีกข้างฟาดผ่ามือเข้าปะทะ
ปัง! ร่างของทั้งสองสลับตำหน่งกัน จิวโมไป๋พุ่งไปที่หน้าผาอีกด้าน ก่อนจะใช้ท่าร่างอันรวดเร็วหันกลับมาและพุ่งเข้าต่อสู้
งูโลหิตเดือดพล่านก็ไม่น้อยหน้า มันใช่ร่างยาวบิดร่างเหมือนไร้กระดูกไต่ไปตามหน้าผาก่อนจะพุ่งเข้าโจมตี ร่างของมันบิดไปมากลางอากาศโจมตีอย่างไร้ทิศทางยากคาดเดา
จิวโมไป๋และงูโลหิตเดือดพล่านต่อสู่กันอย่างดุเดือด เงาร่างของพวกเขาวูบวาบสลับไปมาตามหน้าผา แต่ด้วยสภาพแววล้อม จิวโมไป๋ไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เขาใช้หน้าผาเป็นฐานส่งตัว เพื่อกระโจนต่อสู้กับงูโลหิตเดือดพล่าน มันทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดลง แต่ก็ไม่ทั้งหมด
ที่เขาก็ไม่ลงไปสู้ด้านล่างที่ได้เปรียบกว่า ก็เพราะเขาสังเกตได้ว่า งูโลหิตเดือดพล่านได้เปิดสติปัญญาแล้ว
มันฉลาดพอที่จะรู้ว่าด้านบนเป็นสถานที่ ที่มันได้เปรียบ มันไม่มีทางลงมาสู้ด้านล่างแน่ ถ้าเขาลงไปจะทำให้งูโลหิตเดือดพล่านสามารถตั้งตัวได้ ทำให้การต่อสู้ยากขึ้นไปอีก
และในตอนนี้เขาไม่ได้ต่อสู้เต็มกำลัง เพราะเขาไม่ฆ่าสัตว์ที่สามารถเปิดสติปัญญาได้ นอกจากว่าสัตว์ตัวนั้นจะเป็นสัตว์ชั่วร้ายที่เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างไร้เหตุผล
เขาสังเกตได้ว่างูโลหิตเดือดพล่านตัวนี้ ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้กับมนุษย์มาก่อน และการโจมตีของมันมีแต่สัญชาตญาณการต่อสู้อันดุร้าย ไม่มีจิตสังหารชั่วร้าย
แสดงว่ามันฆ่าเพื่ออาหารเท่านั้น ไม่ได้โหดเหี้ยมโดยสันดาน
ปัง! หมัดของเขาชกไปที่ลำตัวของงูโลหิตเดือดพล่านอย่างรุนแรง จนร่างของมันไปกระแทกกับหน้าผา แต่มันก็พลิกตัวตั้งหลักเกาะหน้าผาเอาไว้
มันแลบลิ้นสองแฉกอ้าปากขู่ฟ้อ ดวงตาอสรพิษส่องประกายดุร้าย
จิวโมไป๋เกาะที่หน้าผาอีกเสื้อคลุมไม่มีรอยถูกการโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว
งูโลหิตเดือดพล่านสังเกตเห็นถึงความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ แต่มันไม่ถอยหนี ให้เสียศักดิ์ศรี มันม้วนตัวเตรียมโจมตีอีกครั้ง กลิ่นอายดุร้ายแผ่พุ่งออกจากร่างของมัน เกล็ดงูสีแดงเลือดเหมืิอนมีไอขมุกขมัวสีเลือดปกคลุม ถ้าเป็นผู้บ่มเพาะพลังธรรมดาอาจถูกกลิ่นอาจสยบถูกแช่แข็ง เหมือนงูจ้องกบ
ฟุ่บ! ร่างของงูโลหิตเดือดพล่านเหมือนสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวก็เข้าประชิดร่างของจิวโมไป๋ คมเขี้ยวอันดุร้ายเล็งไปที่คออย่างโหดเหี้ยม
ในชั่วเวลานั้นเอง จิวโมไป๋ก็ชกหมัด ทั้งๆที่มืออีกข้างเกาะหน้าผา
พลังกดดันอันมหาศาลหลอมรวมกับหมัด เกิดเป็นคลื่นพลังหมัดพุ่งออกไปปะทะเข้ากับร่างของงูโลหิตเดือดพล่านอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
คลื่นพลังระเบิดออกอย่างรุนแรง สายลมอันบ้าคลั่งกระจายออกโดยรอบพัดทรายด้านล่างปลิวไปทั่ว
ร่างของงูโลหิตเดือดพล่านตกลงไปเบื้องล่าง ร่างของมันกระแทกกับทรายจนยุบลงไปเป็นหลุม ก่อนที่มันจะค่อยๆยกตัวขึ้นอย่างช้าๆ ตรงจมูกแหลมของมันเกิดรอยแตก เลือดสีแดงไหลออกมา มันขยับหัวเล็กน้อยก่อนจะไอเลือดสีแดงคล้ำออกจากลำคอ มันเงยหน้ามองไปยังจิวโมไป๋ด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ก่อนจะลุกขึ้นมากลิ่นอายทั่วร่างแผ่ขยายออกมาพร้อมสู้อีกครั้ง แต่พลังของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จิวโมไป๋กระโดดลงมาเหยียบพื้นทรายยุบลงไปเล็กน้อย ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอีกครั้ง
“แกจะตามฉันออกไปข้างนอกไหม”อยู่ๆจิวโมไป๋ก็ถามงูโลหิตเดือดพล่าน เขาถูกใจความกล้าหาญของมันอย่างมาก งูโลหิตเดือดพล่านตัวนี้แตกต่างจาก งูโลหิตเดือดพล่านตัวอื่นๆที่เขาเคยพบ งูโลหิตเดือดพล่านจะเป็นสัตว์ที่มีความระแวงสูง พวกมันจะหลบหนีทันทีเมื่อพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกมันจะซุ้มโจมตีไม่ปะทะตรงๆ ถ้าโจมตีพลาดจะหลบหนีทันที
แต่งูโลหิตเดือดพล่านตัวนี้ เลือกที่จะสู้ตรงๆ ไม่หลบหนี ผิดกับเผ่าพันธิ์เดียวกัน
งูโลหิตเดือดพล่านได้ยิน แม้ว่ามันจะฟังไม่เอาใจ แต่มันก็สัมผัสได้ถึงเจตนาของจิวโมไป๋ มันอ้าปากแยกเขี้ยวสองซีขู่ฟ่อ มันไม่ยอมก้มหัวให้คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็เข้าใจ เขาใช้ท่าร่างอันรวดเร็วพุ่งเข้าไปต่อสู้กับมัน
งูโลหิตเดือดพล่านพุ่งไปมาด้วยความเร็วสูงเหมือนสายฟ้าฟาด
แม้จะต่อสู้ที่พื้น พลังการต่อสู้ของมันไม่ได้ลดลง แต่ยังเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น การโจมตีอันพลิกแพลงยากคาดเดาของมัน โจมตีจากทั่วทิศทาง ถ้ามันเห็นโอกาสโจมตี มันจะโจมตีทันที ไม่สนใจว่าจะถูกโจมตีสวนกลับ ความเหี้ยมหาญบ้าดีเดือดของมัน ทำให้จิวโมไป๋ ต้องใช้ท่าร่างหลบไปมาอย่างยากลำบาก เขาไม่ลงมือเต็มแรงเพราะกลัวมันบาดเจ็บเสียก่อน
ยิ่งต่อสู้เขายิ่งถูกใจ อยากจะรับมันมาอยู่ด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไป 20 นาที
จิวโมไป๋หอบเล็กน้อยร่างกายของเขายังลงไม่มีการบาดเจ็บใดๆ
แต่งูโลหิตเดือดพล่าน ตอนนี้หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้วมันขดตัวเป็นวงกลมหัวอยู่ด้านในชูคอไม่ยอมล้ม
จิวโมไป๋สูกลมหายใจ ก่อนจะเดินไปใกล้ๆร่างของมัน งูโลหิตเดือดพล่านพยายามจะสู้แต่ตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว หัวของมันสั่นระริก เห็นได้ชัดว่าหมดแรงไปนานแล้ว แต่ที่ยังประคองตัวอยู่ได้เพราะพลังใจ
“เราหยุดการต่อสู้กันแค่นี้ดีกว่า การต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าพวกเราเสมอกัน ถ้าฉันมีโอกาสเข้ามาที่นี่อีก ฉันจะมาต่อสู้กับแกอีกเพื่อตัดสินว่าใครจะผู้ชนะ”จิวโมไป๋กล่าว เขามองงูโลหิตเดือดด้วยความเสียใจ ที่ไม่สามารถพามันไปได้ เขาไม่ฝืนใจจับมัน เพราะถ้าเขาทำอย่างนั้น มันจะเป็นการบังคับ ไม่ได้เป็นการยินยอมติดตามด้วยตัวเอง
จิวโมไป๋ถอนหายใจ เกล็ดมังกรทองค่อยๆหายไป ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับจะปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหน้าผา
งูโลหิตเดือดมองหลังจิวโมไป๋อย่างลังเล ก่อนที่มันจะฝืนตัวเองพุ่งไปขวางหน้าของจิวโมไป๋ และยกหัวขึ้นสูง
จิวโมไป๋แปลกใจ เขาคิดว่ามันจะมาสู้ต่อเพื่อตัดสิน แต่เขาเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยสติปัญญาของงูโลหิตเดือดกำลังสื่อสารอะไรบางอย่าง
เขาก็ยิ้มและกล่าว
“แกจะติดตามฉันออกไปใช่ไหม?”
งูโลหิตเดือดพยักหัวขึ้นลงอย่างไม่ลังเล
“ฮ่าๆ ดีๆ จากนี้ไปแกจะติดตามฉันออกไปข้างนอก และเราจะต่อสู้ผจญภัยไปด้วยกัน”จิวโมไป๋ยิ้มก่อนจะยื่นมืออกมา
งูโลหิตเดือดพล่านพุ่งตัวพันไปที่แขนของจิวโมไป๋และยึดเป็นที่มั่น
จิวโมไป๋ยิ้มและลูบเกล็ดบนลำตัวของมันเบาๆ งูโลหิตเดือดสั่นหัวเบาๆอย่างพอใจ
จิวโมไป๋เห็นมันอ่อนแรงอยากจะหยิบโอสถพื้นพลังออกมา แต่ก็หยุดไว้ เพราะจะทำให้ผู้คุมที่ดูการทดสอบผ่านดาวเทียมเห็น เขาปล่อยให้งูโลหิตเดือดพักที่แขนของเขาไปก่อน
“จากนี้ไปฉันจะเรียกแกว่าเสี่ยวหง(แดงน้อย)“
งูโลหิตเดือดได้ยินมันรู้ได้ทันทีว่ามันได้รับชื่อแล้ว มันสั่นหัวเบาๆที่แขนของจิวโมไป๋อย่างดีใจ ก่อนที่มันจะหลับไปเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ปล่อยให้มันพัก เดินไปใต้หน้าผาที่เลือกไว้และปีนขึ้นไปอีกครั้งจนไปถึงถ้ำด้านบน
เขาก็พบดอกไม้สีแดงเลือด กลิ่นสมุนไพรล้ำค่าอบอวลไปทั่วถ้ำ
ดอกคามิเลียสีเลือด สมุนไพรระดับ 3
คอมเม้นต์