ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 268
“ไปถ่วงเทียนคุนเฟิงเดียว ฉันจัดการทางนี้เสร็จแล้วจะรีบไปช่วย”เยว่ตงหมิงสั่ง
ลูกน้องของเยว่ตงหมิงทั้ง 15 คนเข้าล้อมรอบเทียนคุนเฟิงทันที
เยว่ตงหมิงมองด้วยสายตาเย็นชา
เขารู้ตัวว่าแพ้ทางเทียนคุนเฟิง เขาไม่มั่นใจว่าจะหลบการโจมตีได้ทุกครั้ง ดังนั้นเขาเลือกที่จะต่อสู้กับ อ้าวจินหลงดีกว่า
เขามีกฎแห่งธาตุดิน พลังของเขาเต็มเปรี่ยม เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะอ้าวจินหลงได้
การต่อสู้เริ่มอีกครั้ง
ผู้คนที่เห็นอยากจะเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่มีใครกล้า เพราะไม่อยากไปมีเรื่องกับตระกูลอันยิ่งใหญ่
แม้พวกเขาจะมีพื้นหลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็เทียบกับตระกูลเยว่ไม่ได้
อ้าวจินหลงและเยว่ตงหมิงต่อสู้กันอย่างดูเดือด ฝ่ายอ้าวจินหลงมีบาดแผลปรากฎขึ้นตั้วร่างส่วนใหญ่เป็นของเก่าที่โดยเยว่ตงหมิงโจมตีซ้ำจุดเดิม
การโจมตีอ่อนหัดของเยว่ตงหมิง มันยิ่งทำให้อ้าวจินหลงโกรธยิ่งขึ้น
เยว่ตงหมิงไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรนักวิชาต่อสู้ก็อ่อนหัด แต่เพราะระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 6 โลหิต ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่สามารถประมาทได้
ถ้าไม่ใช้เพราะการบาดเจ็บ เขาสามารถเอาชนะเยว่ตงหมิงในหมัดเดียว
เทียนคุนเฟิงรับมือกับคนทั้ง 15 คนอย่างยากลำบาก พวกเขาไม่เข้าใกล้ เอาแต่ล้อมให้เขาอยู่ตรงกลาง และค่อยๆโจมตีลดความแข็งแกร่งไปเรื่อยๆ และพวกเขาไม่ลงมือเต็มกำลัง ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีได้ทัน ปละถอยกลับ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ารอให้เยว่ตงหมิงจบจากอ้าวจินหลง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ กำลังของเทียนคงเฟินและอ้าวจินหลงกำลังจะหมด
พลองเหล็กจากฟากฟ้า ก็พุ่งทะลวงเข้ามากระแทกร่างของชายสองคนจนกระเด็นออกไปและสลบไปในทันที ก่อนที่จิวโมไป๋จะใช้ท่าร่างทะยานเข้ามามาจับพลองเหล็กและฟาดไปอีก 3 คนที่อยู่ใกล้ๆ ชั่วพริบตากำจัดไปได้ 5 คน
ถ้าไม่ใช้เพราะสมาธิของทุกคนจดจ่ออยู่ที่เทียนคุนเฟิง เขาที่ซ่อนพลังไม่สามารถจัดการได้ง่ายขนาดนี้
“นาย…”เทียนคุนเฟิงตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้ายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขา
จิวโมไป๋ส่งสัญญาณมือ
เทียนคุนเฟิงที่มองสัญญาณมือก็ประหลาดใจ เพราะมันเป็นสัญญาณมือที่ใช้ในกองทัพ แต่เขาก็เก็บความประหลาดใจเอาไว้ และร่วมมือกับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ฟาดพลองผ่านฟ้าใส่ชายคนหนึ่งพละกำลังอันแข็งแกร่งกระแทกร่างของชายคนนั้นออกไป
ลดลงไปอีก 1 คน
ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว ในความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋
ในตอนนั้นเอง เทียนคุนเฟิงก็เริ่มลงมือ
ร่างของเขากระพริบก่อนที่เขาจะใช้ดาบฟันไป 2 คน เขาลดความแหลมคม ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักแต่ก็ทำให้สลบลงไปทันที
“แก จิวโมไป๋”เยว่ตงหมิงจำผู้ใช้พลองเหล็กได้ มีไม่เพียงคนเดียวที่เขารู้จัก เขารู้ได้ทันทีว่าใคร
“นายรู้ได้ไงว่าฉันเป็นใคร”จิวโมไป๋แกล้งถาม เขารู้ตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว แต่เขาต้องแกล้งไม่รู้
“ดีๆ ครั้งที่แล้วแก้ทำให้ฉันอับอายครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”เยว่ตงหมิงที่กำลังต่อสู้กับอ้าวจินหลงก็ยกมือส่งสัญญาณ
ก่อนที่จะมีคนอีกกลุ่มเดินเข้ามาพวกเขาซ่อนตัวในฝูงชนอย่างแนบเนียน หนึ่งในนั้นมีหยางจูหลง ผู้ใช้กฎแห่งธาตุไฟ
พวกเขาทั้ง 5 แผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา แม้จะไม่ถึงขั้นที่ 6 โลหิต แต่ทุกคนอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลายทุกคน และทุกคนน่าจะใช้กฎแห่งธาตุได้
เทียนคุนเฟิงและอ้าวจินหลงสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะเทียนคุนเฟิง เขารู้ประวัติของตระกูลดี เขารู้ว่าตระกูลของตัวเองแพ้ทางพวกเล่นสกปรก ทำให้เขารังเกียจการเล่นสกปรกแบบนี้
แม้จะไม่ตาย แต่ศักดิ์ศรีของเขาจะต้องเสียหาย มันอาจกลายเป็นมารในใจ ทำให้เขาไม่สามารถเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังไประดับต่อไปได้
“ลดจำนวน”จิวโมไป๋ร้องตะโกนเสียงและใช้มือตบลงที่พื้น ก่อนที่เถาวัลย์นับไม่ถ้วนจะพุดขึ้นจากพื้นดิน เข้าพัวพันทุกคนยกเว้นเทียนคุนเฟิงและอ้าวจินหลง
เขาใช้พลังกฎแห่งธาตุไม้ไปครึ่งหนึ่งทำให้ใบหน้าของเขาขาวซีดทันที
เยว่ตงหมิงรีบฟันเถาวัลย์จนขาดออก มันไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นักเขาทำลายได้ในเวลาไม่นาน
อ้าวจินหลงไม่โจมตีเยว่ตงหมิงแต่กระโดดผ่านเข้าไปคนที่อ่อนแอที่สุด เขารู้ดีว่าหนีไม่ได้ วิธีที่เร็วที่สุดคือกำจัดคนที่อ่อนแอให้หมด เพื่อลดภาระ
เทียนคุนเฟิงก็ใช้ดาบโจมตีไม่ยั้ง
ด้วยกฎแห่งธาตุไม้มากกว่าครึ่ง คนที่ระดับการบ่มเพาะพลังต่ำกว่าขั้นที่ 6 จะต้องใช้เวลาในการทำลายเล็กน้อย ทำให้พวกเขาไม่สามารถป้องกันตัวได้เลย
พรึบ!
หยางจูหลงใช้กฎแห่งธาตุไฟเผาเถาวัลย์ และพุ่งตัวออกมา จิวโมไป๋เห็นดังนั้นไม่รอช้าเข้าไปโจมตีอีกฝ่ายทันที เขาไม่ปล่อยให้ไปช่วยคนอื่นได้
ในระหว่างนั้นคนของเยว่ตงหมิงเหลือเพียง 4 คน หนึ่งคือหยางจูหลงที่จิวโมไป๋ต่อสู้อยู่
อ้าวจินหลงและเทียนคุนเฟิงกำลังร่วมมือต่อสู้กับผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำ ดิน ทอง
เยว่ตงหมิงที่ตามมาเขาพุ่งไปที่อ้าวจินหลงและเทียนคุนเฟิง
เขาไม่ปล่อยให้ทั้ง 2 ได้พัก และเขามั่นใจว่าหยางจูหลงไม่มีทางแพ้
จิวโมไป๋รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้เขาถึงเลือกหยางจูหลง
ในชั่วเวลาที่เยว่ตงหมิงละสายตาจิวโมไป๋หลอกล่อไปด้านหลัง เมื่อพ้นสายตา
จิวโมไป๋ใช้พลังมังกรทันที เขาไม่อาจรอให้การต่อสู้ยืดเยื้อได้
พลองเหล็กฟาดอย่างรุนแรง พลองนับไม่ถ้วนกระหน่ำโจมตีจนหยางจูหลงไม่สามารถรับไว้ได้อีก เขาไม่แม้แต่จะได้ใช้ดาบที่ตัวเองถนัด เขาถูกพลองฟาดจนสลบ
จิวโมไป๋เกี่ยวร่างของหยางจูหลงและใช้พลังกายโยนร่างออกไปไกล และแอบใช้พลังวิญญาณไม่ทำให้เครื่องส่งสัญญาณฉุกเฉินทำงาน เขาสามารถฟื้นและทดสอบต่อได้
เขารู้ว่าหยางจูหลงไม่ได้ร้ายกาจ แค่สถานะการบังคับ การเข้าหน่วยลับอาจปลดปล่อยให้เขาข้ามผ่านอุปสรรคได้
หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาเล็ง พลองผ่านฟ้าและโยนอย่างรุนแรงไปที่หลังของเยว่ตงหมิง
เยว่ตงหมิงสัมผัสได้ถึงอันตรายเขารีบหันมา เมื่อเห็นพลองกำลังพุ่งมาเขาโยกหลบทันที
แต่ที่จริงแล้วเขาคิดผิด พลองพุ่งไปที่ผู้ใช้กฎแห่งธาตุดินที่กำลังต่อสู้กับเทียนคุนเฟิงอยู่
อีกฝ่ายโดนพลองเหล็กไม่ทันตั้งตัวสลบไปทันที
เยว่ตงหมิงที่เห็นดังนั้นก็โกรธ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรจิวโมไป๋ก็พุ่งมาด้วยความเร็วสูงและชกหมัดนับไม่ถ้วนเข้าโจมตี
ในเวลาเดียวกันอ้าวจินหลงก็แยกตัวจากคนที่เขากำลังต่อสู้ และพุ่งมาอีกด้านใช้หมัดนับไม่ถ้วนชกออกเช่นกัน
ผลัะ ผลัะ ผลัะ ผลัะ
เยว่ตงหมิงถูกหมัดจากทั้งสองด้านชกจนสลบไป เครื่องส่งสัญญาณดังขึ้น
อีกสองคนที่เหลือสั่นด้วยความกลัว สุดท้ายพวกเขาก็ถูกจัดการจนสงบ
การต่อสู้จบลงพวกเขาก็ถอนหายใจ
“ข้าขอบใจเจ้ามาก ที่ช่วยเหลือข้า ไม่อย่างนั้นเกียรติของข้าจะต้องถูกสวะชิงไป”อ้าวจินหลงมองไปยังร่างของเยว่ตงหมิงด้วยความไม่พอใจ
จิวโมไป๋ไม่พูดอะไร ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเขามีสายเลือกมังกร ไม่มีทางพูดดีกับเขาแน่
เทียนคุนเฟิงก้มหัวให้เล็กน้อยด้วยท่าทางสุภาพ จิวโมไป๋ไม่พูดอะไรเดินไปหาอ้าวจินหลงและวางมือลงกฎแห่งธาตุไม้ค่อยๆหยุดเลือด แม้จะไม่ทำให้แผลสมานตัว แต่ก็ช่วยลดความเจ็บปวดไปได้บ้าง
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปยังเทียนคุนเฟิง
เวลาผ่านไปเล็กน้อยก็มีผู้ตรวจสอบออกมาและหยิบร่างของผู้บาดเจ็บกลับ ผู้ตรวจสอบเสื้อคลุมแดงลอบมองมายังจิวโมไป๋ จิตสังหารบางเบา ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาดี จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสจดจำใบหน้าอีกฝ่ายไว้ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนในชุดคลุมแดง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายจ้องจะเล่นงานเขา เพราะใบหน้าของคนในชุดคลุมสีแดงคล้ายกับเยว่ตงหมิงประมาณ 80%
ไม่ใช้พี่น้อง ก็เป็นญาติใกล้ชิด
“ระดับชายคนนั้นเอาไว้”เทียนคุนเฟิงกล่าวเสียงเบา
“ขอบคุณที่เตือน”จิวโมไป๋พยักหน้า
พวกเขาพักสักครู่หนึ่งจนฟื้นตัว
ก่อนจะลุกขึ้น ผู้คนที่ดูอยู่ต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้
อ้าวจินหลงเป็นคนที่ใจร้อนเขาเดินไปริมฝั่งมองไปยังเจียวกู่หลานม่วง ดวงตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็นนัยน์ตามังกร
“สารเลว! ใครแอบมาถอนเจียวกู่หลานม่วงของข้าไป!”
ทุกคนที่ได้ยินรีบมาดู ดวงตาของพวกเขาก็ต้องเบิดกว้าง เพราะตอนนี้ต้นเจียวกู่หลานม่วงหายไปแล้ว
—-
คอมเม้นต์