ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 302
จิวโมไป๋นั่งเครื่องบินล่องหนออกจากสำนักงานหน่วยลับ เพื่อกลับไปยังเกาะโดดเดี่ยว แต่ในระหว่างที่กำลังบินอยู่ กำไลข้อมือของเขาก็สั่นเบาๆ เขามองดูชื่อผู้ติดต่อ ก็กดรับสายทันที
“นายน้อย ขอโทษที่ติดต่อไปนะครับ”เสียงปลายสายกล่าวดังออกมาอย่างสุภาพ
“สวัดดี พี่หนิง บริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”จิวโมไป๋ถาม
“บริษัทไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมติดต่อเพื่อแจ้งให้นายน้อยทราบว่า สินค้าชิ้นแรกของบริษัทผ่านการทดสอบและจดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้ว นายน้อยจะเข้ามาดูก่อนที่สินค้า ก่อนที่จะออกขายไหมครับ?”หนิงหานเป่ยกล่าว
จิวโมไป๋ขยับตัวเล็กน้อย
“โครงการที่พี่หนิงกำลังพัฒนา สร้างเสร็จแล้วเหรอ?”จิวโมไป๋ถามย้ำ
“ใช่ครับ”หนิงหานเป่ยตอบอย่างมั่นใจ
“อีก 10 นาที ผมจะไปถึงบริษัท”จิวโมไป๋พูดจบก็วางสายและเปลี่ยนเส้นทางเครื่องบินทันที
ไม่นานเขาก็มาถึงเมืองเทียนซู เขาจอดเครื่องบินที่อาคารหน่วยมังกรซ่อน ที่อยู่ใกล้กับบริษัทเนบิวลาที่สุด เดินออกจากอาคารเขาโบกรถโดยสาร ใช้เวลาไม่ถึง2 นาทีก็อยู่หน้าบริษัท
ในตอนนี้บริษัท 6 ชั้นถูกทำความสะอาจจนเหมือนใหม่และมีการตกแต่งบริเวณโดยรอบให้น่าทำงานมากขึ้น ประตูทางเข้าบริษัทมียามรักษาความปลอดภัย 4 คนยืนเฝ้าตรวจสอบคนเข้าออก นอกจากนั้นเขายังเห็นยามรักษาความปลอดภัยอีก 10 กว่าคน เดินตรวจตรารอบๆบริษัท
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบก็พบคนคุ้นเคยหลายคน เขาเดินไปที่ทางเข้าบริษัท เขาก็สังเกต 1 ในยามรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่
เป็นชายหัวล้าน ติงซ่งหลี่ เจ้าของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาเคยช่วยเหลือ
“คุณจิงโมไป๋!”ชายหัวล้านและยามรักษาความปลอดภัย เดิมเข้ามาเคารพอย่างนอบน้อม สีหน้าของพวกเขาตื่นเต้นแฝงไปด้วยความประหม่า
จิวโมไป๋มองทั้ง 4 คน ทุกคนเป็นคนของแก๊งชายหัวล้าน
“พวกคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ชายหัวล้านและคนอื่นๆลูบหัวด้วยความรู้สึกอาย
ชายหัวล้านเดินมาข้างหน้าท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะสูกหายใจลึกๆและตอบ
“หลังจากวันที่คุณจิวโมไป๋และหัวหน้าหนิง ช่วยเหลือพวกเรา หัวหน้าหนิงรู้ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของผมกำลังประสบปัญหา เขาให้โอกาสจ้างพวกเรามาทำงานที่นี่ครับ”
จิวโมไป๋พยักหน้าเข้าใจ พลางลอบชื่นชมหนิงหานเป่ย ที่สามารถปล่อยวางความแค้นที่เคยถูกชายหัวล้านทำร้ายได้
“คุณจิวโมไป๋เชิญทางนี้เลยครับ หัวหน้าหนิงแจ้งว่าคุณจะเข้าบริษัทก่อนแล้ว”ชายหัวล้านผายมือไปที่ประตูไม้ปิดสนิท อีกด้านของทางเข้าบริษัท หน้าประตูมีป้ายไม้เขียนระบุอย่างชัดเจน
“เฉพาะเจ้าหน้าที่ชั้นสูง”
จิวโมไป๋มองประตูไม้ เขาสังเกตเห็นพลังวิญญาณสีเงินบางเบาห่อหุ้มประตูอยู่
เขาก็เข้าใจ เขาพยักหน้าและเอ่ยลาชายหัวล้าน ก่อนจะเดินไปที่ประตูและเปิดประตูเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ภาพเบื้องหน้าของเขาเป็นห้องทำงานที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย กลางห้องหนิงหานเป่ยที่มีใบหน้าซูมผอม ตาสองข้างดำคล้ำกำลังรัวนิ้วมือพิมพ์โค้ดที่หน้าจอโฮโลแกรม
เมื่อสังเกตเห็นว่าจิวโมไป๋เดินผ่านประตูวิญญาณเข้ามา หนิงหานเป่ยก็หยุดมือ เขาลุกขึ้นและเดินมาแสดงความเคารพจิวโมไป๋อย่างสุภาพนอบน้อมเช่นเคย
“ขอบคุณนายน้อยที่มาครับ”หนิงหานเป่ยพาจิวโมไป๋ไปที่โซฟารับแขก
“ผมบอกแล้วว่าให้เรียกผมว่าโมไป๋ พี่หนิงไม่ต้องสุภาพกับผมก็ได้”จิวโมไป๋ส่ายหน้า แกล้งทำเป็นไม่พอใจ
“เมื่อครู่นี้เป็นความสามารถพิเศษของพี่หนิงเหรอ?”จิวโมไป๋ถาม
“ใช้ครับ ผมได้ความสามารถนี้มา หลังจากทำสัญญากับวิญญาณที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ”หนิงหานเป่ยตอบโดยไม่ปิดบัง”คู่มือที่นายน้อยให้ผม มีส่วนช่วยได้มากเลยครับ ตอนนี้ผมเข้าสู้ ระดับเงินปลาย ระยะจิตสัมผัส 500 เมตร ความสามารถพิเศษของผมสามารถสร้างประตูวิญญาณได้ในระยะ 500 เมตรเท่ากับจิตสัมผัส
ประตูวิญญาณ สามารถเชื่อมต่อประตูสองแห่งขึ้นไป เมื่อทำการเชื่อมต่อแล้วจะสามารถเดินเข้าออกผ่านประตูที่เชื่อมต่อเพื่อไปที่ประตูอีกแห่งได้ โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ”
จิวโมไป๋พยักหน้ารับฟัง ในใจรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ความสามารถนี้โกงอย่างมาก สามารถใช้ในการบุกและหลบหนีได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าสถานที่นั้นจะอยู่ที่ไหน ถ้าจิตสัมผัสสามารถส่งไปถึง ก็สามารถสร้างประตูวิญญาณบุกเข้าไปได้
หนิงหานเป่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกดกำไลข้อมือ ไม่นานหลิวมี่เอินในชุดสูทสีดำก็เดินเข้าในห้อง ในมือของเธอมีกล่องสีเหลี่ยมขนาดเล็ก
“คุณจิวโมไป๋”เธอทักทายจิวโมไป๋อย่างสุภาพไม่ต่างจากหนิงหานเป่ย และเดินไปนั่งข้างๆหนิงหานเป่ยอย่างคุ้นเคย
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อยให้กับคู่รักทั้งสอง
หนิงหานเป่ยหน้าแดงขัดเขินเล็กน้อย หลิวมี่เอินยังมีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
พวกเขาเข้าเรื่องทันที
หลิวมี่เอินเปิดกล่องออกมาเป็นกำไลข้อมือสีดำ รูปลักษน์ของมันเหมือนกับกำไลข้อมือปกติ แต่ลักษณะที่เด่นสะดุดตาของมันคือ ลวดลายสีเงินของกำไลข้อมือถูกออกแบบให้มีเส้นสายที่มีสีตัดกับสีดำอย่างลงตัว ทำให้มันดูเป็นเครื่องประดับชั้นสูงไม่เหมือนกำไลข้อมือทั่วๆไป
จิวโมไป๋ไม่สนใจรูปลักษน์ของมันเขาสนใจสิ่งที่หลิวมี่เอินกำลังบอก
ปรากฏว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หนิงหานเป่ยเข้าควบคุมหน่วยวิจัยของบริษัทอย่างสมบูรณ์ แต่เขายังไม่เริ่มโครงการโลกเสมือนจริงทันที
แต่เขาคัดเลือกพนักงานที่มีพรสวรรค์นับร้อยคนเข้าร่วมบริษัท จากนั้นเขาและพนักงานหน่วยวิจัยทุกคนก็เริ่มลงมือวิจัยเทคโนโลยี่สั่งการคลื่นสมอง
โดยเริ่มจากการดัดแปลงเทคโนโลยี่สั่งการคลื่นสมองลงไปในสิ่งง่ายๆในชีวิตประจำวันก่อน เพื่อฝึกฝีมือพนักงาน
พวกเขาใช้เวลา 1 เดือน พวกเขาก็สามารถสร้าง กำไลข้อมือสั่งการด้วยความคิดสำเร็จ
กำไลข้อมือสั่งการด้วยความคิด จะแตกต่างจากกำไลข้อมือทั่วไปที่ต้องใช้นิ้วลากผ่านโฮโลแกรมเพื่อใช้งานเสมอ กำไลข้อมือสั่งการด้วยความคิด เพียงแค่เพ่งความคิดเพียงเล็กน้อย ก็สามารถใช้งานโฮโลแกรม หรือโปรแกรมต่างๆในกำไลข้อมือได้
ข้อดีอีกอย่างคือเมื่อตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ไม่สามารถใช้มือหรืออวัยวะภายในร่างกายได้ การสั่งการด้วยความคิดจะช่วยแก้ไขสถานการณ์นั้นได้
พูดได้ว่ากำไลข้อมือสั่งการด้วยความคิด เป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้งานกำไลข้อมือไปตลอดกาล
“พวกเราตั้งชื่อกำไลข้อมือรุ่นใหม่นี่ว่า กำไลข้อมือNL1 เป็นตัวย่อจากชื่อบริษัทของเรา เมื่อกำไลข้อมือรุ่นนี้ถูกขาย แบรนด์บริษัทของเราจะเริ่มพัฒนาชื่อเสียง…”หลิวมี่เอินอธิบายแผนที่เธอวางไว้
จิวโมไป๋พยักหน้าพอใจ และลอบประหลาดใจเล็กน้อย หนิงหานเป่ยในอดีตก็เริ่มจากการสร้างกำไลข้อมือสั่งการด้วยความคิดเช่นกัน และกำไลข้อมือที่วางจำหน่ายก็ขายดีจนสามารถยึดส่วนแบ่งกำไลข้อมือของประเทศมังกรได้ 40% ภายในเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น 3 ปี กว่า 70% ของคนในโลกต่างใช้กำไลข้อมือรุ่นนี้
“ดีมาก”จิวโมไป๋พยักหน้าชื่นชม
“กำไลข้อมือNL จะวางขายในอีก 15 วัน ก่อนวันคริสมาสต์ นายน้อยคิดว่าเวลาเหมาะสมหรือไม่”หนิงหานเป่ยถาม
จิวโมไป๋พยักหน้าเห็นด้วย
หนิงหานเป่ยหันไปยิ้มให้หลิวมี่เอิน ก่อนที่พวกเขาจะคุยเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบริษัท เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง การพูดคุยก็หยุดลง จิวโมไป๋ก็ลุกขึ้น หนิงหานเป่ยและหลิวมี่เอินก็ลุกขึ้นตาม
“ขอบคุณพี่หนิงและคุณหลิวที่ช่วยพัฒนาบริษัทมาจนถึงวันนี้ หลังจากนี้ผมขอฝากบริษัทให้กับพวกคุณ ช่วยทำให้บริษัทของพวกเรา พัฒนากลายเป็นบริษัทอันดับต้นๆของโลก”จิวโมไป๋พูดจบก็กล่าวลา
หนิงหานเป่ยอยากจะให้จิวโมไป๋ไปกล่าวอะไรกับพนักงานบริษัทก่อน แต่จิวโมไป๋ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาไม่อยากเข้ามายุ่งกับบริษัทนี้มากนัก เพราะมันจะทำให้เกิดความขัดแย่งภายในบริษัท เขาอยากให้อำนาจและแนวคิดของบริษัทเป็นของหนิงหายเป่ยอย่างสมบูรณ์
เขาเชื่อใจว่าหนิงหานเป่ยจะไม่หักหลังตัวเองอย่างแน่นอน แม้เขาจะยังไม่ไว้ใจหลิวมี่เอินมากนัก แต่เขาก็ไม่กลัวว่าเธอจะทำให้แผนที่เขาวางไว้เสียหาย เพาะเขาถือหุ่นบริษัท 100% ไม่มีทางที่หลิวมี่เอินจะทำอะไรลับหลังเขาได้
จิวโมไป๋ตบไหล่หนิงหานเป่ยเบาๆก่อนจะบอกลา
—
คอมเม้นต์