ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 334
ทางทิศใต้พื้นที่ด้านในสุดของหมู่บ้านวัฒนธรรม เป็นพื้นที่สวนสาธารณะสำหรับนั่งพักผ่อน ต่างจากพื้นที่ส่วนอื่นที่มีร้านค้าและกิจกรรมมากมาย ทำให้เกิดเสียงรบกวน ที่นี่เงียบสงบไร้เสียงรบกวน จุดเด่นของที่นี้คือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ถึงหนึ่งในสาม
ใจกลางทะเลสาบตรงกลางมีเกาะขนาดกลางและปราสาทโบราณดำหลังใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นพิเศษ มันเป็นพื้นที่พิเศษให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปจากระยะไกล วันธรรมดาพื้นที่เกาะและปราสาทดำไม่อนุญาตเข้าไปได้ ยกเว้นวันพิเศษในช่วงเทศกาลโบราณของประเทศเกาะ ถึงจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชื่นชมศิลปะโบราณ ของยุคสมัยต่างๆ
ห้องใต้ดินของปราสาทดำมีทางลับที่เชื่อมลงลึกไปใต้ดิน ด้านใต้ดินของปราสาทมีช่องกลวงขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ด้านล่างมีการกระเพื่อมของน้ำ ทำให้สามารถระบุได้ว่าเป็นทะเลสาบใต้ดิน
พรึบ! อยู่ๆโคมไฟสีแดงบนเสาหินที่ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบก็ติดไฟสีส้มขึ้น ทำให้เกิดแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ทะเลสาบสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้น!
ทะเลสาปเลือดไม่มีน้ำสักหยดเดียว มันเป็นเลือดอันเข้มข้นของมนุษย์นับหมื่นคน ที่ค่อยๆสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นทะเลสาบ
ใต้ทะเลสาบไม่ได้มีเพียงเลือด แต่มีร่างของมนุษย์นับหมื่นที่จมลงไปด้านล่างสุด น่าแปลกที่ไม่มีศพไหนลอยขึ้นมา เหมือนพวกมันถูกมวลหนาแน่นของเลือดที่เข้มข้นกดทับลงไป ไม่สามารถลอยขึ้นมาได้ ศพจะค่อยๆเน่าและละลาย เหลือเพียงกระดูกกองอยู่ด้านล่างไม่สามารถขึ้นมาได้อีก
ในตอนนั้นเองก็มีเงาสีดำแปดร่างลักษณะสูงต่ำไม่เท่ากัน ทะยานมายืนบนแท่นหินที่ล้อมรอบโคมไฟเป็นวงกลม
“…”เสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินดังขึ้นมาจากใต้ทะเลสาบเลือด
เงาสีดำทั้งแปดตัวสั่นระริก ด้วยความกลัว ก่อนที่พวกมันจะออกไปด้วยความเร็วที่มากว่าตอนมาหลายเท่า…
อีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านวัฒนธรรมอยู่ฝั่งตรงข้ามของศาจเจ้า เป็นพื้นที่มีห่อระฆังทองแดงโบราณ ดูเก่าแกกว่าพันปีตั้งอยู่บนแท่นสูง ล้อมรอบไปด้วยอาคารและสิ่งก่อสร้างทางศาสนาต่างๆ เช่นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อาคารสำหรับเสี่ยงเซียมซี…
ที่นี่แตกต่างจากทางฝั่งของศาลเจ้าที่ดูศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพนับถือ ที่นี่ดูเหมือนจะมีไว้เพื่อการพานิชดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อมาเสียเงินมากกว่า ยกเว้นระฆังโบราณ ทุกอย่างดูใหม่แม้จะมีลักษณะจะเป็นของโบราณก็ตาม
ปกติแล้วในช่วงกลางวันจะเต็มไปด้วยผู้คนโดยเฉพาะคู่รักที่มาที่นี่เพื่อทำกิจกรรม แต่ในตอนกลางคืนที่นี่จะเงียบไร้ผู้คน ทำให้บรรยากาศวังเวงน่ากลัว แต่ในตอนนี้มีเสียงต่อสู้เสียงดังโครมคราม อาคารพังทะลายจากการต่อสู้ จนไม่เหลือสภาพเดิม บนพื้นมีร่างของผู้ต้องสาปหลากหลายความเชื่อนอนตาย ร่างของพวกมันเหมือนถูกบดขยี้ด้วยอะไรบางอย่าง
บนแท่นระฆังโบราณ ปัง! ร่างของปีศาจที่มีลักษณะเป็นร่ม แต่ด้ามจับเป็นขาคน มีตากลมโตข้างเดียวบนร่ม ร่างของมันกระเด็นลงไปจากแท่นวางระฆังโบราณลงไปด้านล่าง
อิวะ โซตะเดินวนรอบระฆังทองแดงด้วยความมึนงง ดาบในมือก็ฟันออกบดขยี้ร่างของปีศาจร่มเป็นเศษซาก
หลังจากที่จัดการยาฉะ เขาก็หลงทาง เขาเดินหาคนอื่นๆ ก็ไม่พบกว่าจะรู้ตัวเขาก็เดินวนที่เดิมหลายสิบรอบ แต่ก็ไม่สามารถหาทางออกได้ ในตอนนั้นเองผู้ต้องสาปพวกนี้ ก็เริ่มโจมตีเขาไม่หยุด เขาจึงกำจัดพวกมัน และเดินไปตามทางที่พวกผู้ต้องสาปมา จนมาถึงที่นี่ เขาก็พบกลุ่มปีศาจมากมายคอยป้องกันระฆังโบราณ
เขาจัดการพวกมันจนหมดและตรวจสอบระฆังโบราณก็พบแค่ว่ามันเป็นระฆังโบราณธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ เขาจึงทดลองฟันใส่ระฆังดูจนเกิดรอยร้าว แต่ก็ไม่พบอะไรอีก
เขาถอนหายใจ กระโดดลงจากแท่นวางระฆัง ตั้งใจจะเดินหาทางออกอีกแล้ว อาจจะพบใครก็ได้
แต่ในตอนนั้นเอง ร่างสูงใหญ่ก็พุ่งมาด้วยความโกรธแทน พลังกดดันโถมลงมาเหมือนคลื่นที่บ้าคลั่ง
ใบหน้าของอิวะ โซตะเปลี่ยนเป็นจริงจังมือแตะที่ด้ามดาบ เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างของเทนงูปีกหัก เขาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
เทนงูสังเกตเห็นงอิวะ โซตะมันก็พุ่งเข้าหาทันที สายลมโดยรอบม้วนตัวลงมาอย่างน่ากลัว…
บันไดขึ้นศาลเจ้า
หลังจากที่เทนงูรีบร้อนจากไป เหลือคาราสุเทนงู และปีศาจหิมะที่ซ่อนอยู่วงนอก ที่ต้องต่อสู้กับจิวโมไป๋และพี่น้องนาคามูระ
จิวโมไป๋มองหมอกสีดำเทาที่มีกลิ่นอายวิญญาณร้าย เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ทางใต้ น่าเสียดายที่ระยะไกลเกินไป จิตสัมผัส 10 ก.ม.ไม่สามารถไปถึงได้
คาราสุเทนงูสูดหายใจระงับความโกรธและความกลัว สายตากรอกไปมาเพื่อหาทางหลบหนี
แต่นาคามูระ คิยูมิไม่ให้คาราสุเทนงูได้คิด เธอลงมือก่อน คมดาบสายฟ้าฟันออก คมดาบแตกกระจายออกเป็นฝนสายฟ้าบิดพลิ้วราวงูที่จ้องหาเหยื่อ
คาราสุเทนงูเห็นดังนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อหลบ เขาเคยสัมผัสกับการซ๊อตของสายฟ้าพวกนี้มาแล้ว เขาไม่มีทางยอมโดนอีกครั้งแน่
จิวโมไป๋เข้าร่วมมือกับนาคามูระ คิยูมิโจมตีทันที ร่างของเขาหายวับไปปรากฏด้านหลังคาราสุเทนงุคฑาขักขระก็ฟาดออก
ตูม! คาราสุเทนเทนงูตอบสนองช้าไปเล็กน้อยเพราะอาการชาและต้องระวังสองพี่น้องนาคามูระ ทำให้เขาพลาดถูกจิวโมไป๋กระแทกอย่างรุนแรง ไปชนเขาโทริอิจนสั่นสะเทือน
นาคามูระ อิโทซะก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ความเร็วของเขาลดลงเหลือแค่ความเร็วเสียง แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
คมดาบสายฟ้าฟันเข้าใส่ไม่เปิดทางให้หลบ
คาราสุเทนงูพยายามใช้ร่างภูตผีหลบ แต่ก็ทำไมได้เพราะจิวโมไป๋และนาคามูระ คิยูมิแยกกันประกบอีกสองด้านไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง ร่างของมันปรากฏบาดแผลจำนวนมาก ความตายค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อย มันรู้สึกโกรธแค้นพวกจิวโมไป๋และที่โกรธที่สุดคือเทนงูที่อยู่ๆก็หายไป!
การต่อสู้ผ่านไปไม่ถึง 15 วินาที ร่างของคาราสุเทนงูก็หมดสภาพ คมดาบและรอยช้ำเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ต้องโทษร่างการของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย ที่แข็งแกร่งเกินไปทำให้ยากที่จะจบการต่อสู้ง่ายๆ ทำให้ร่างของคาราสุเทนงูไม่เหลือสภาพดี มีเพียงลมหายใจเล็กน้อยที่ยังเหลืออยู่
ในตอนนั้นเองที่พวกเขาเผลอ ปีศาจหิมะที่รอเวลาอยู่ก็เคลื่อนไหว
พายุหิมะพัดเข้าใส่ทุกคนดดยไม่มีใครตั้งตัว จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงอันตรายเขาใช้ท่าร่างหลบทันที โชคร้ายเมื่อพายุหิมะเข้าใส่นาคามูระ อิโทซะก็หยุดชะงักในการโจมตี เพื่อยกดาบมาป้องกัน แต่มันทำให้เขาก็หมดสภาพทันที
จิวโมไป๋ควงคฑาขักขระและโยนไปกระแทกร่างของปีศาจหิมะจนแตกกระจาย พลังกดดันที่เขาแฝงไว้ก็ทำให้ปีศาจหิมะบาดเจ็บ
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ที่สามารถจัดการคาราสุเทนงูได้เสียที
นาคามูระ อิโทซะนั่งลงพิงขั้นบันไดที่ยังไม่พังด้วยความเหน็ดเหนื่อย
นาคามูระ คิยูมิมองร่างของคาราสุเทนงูที่นอนอยู่ เธอก็ยกดาบขึ้นเตรียมพร้อมที่จะจบชีวิตคาราสุเทนงู
แต่ในตอนนั้นเองพลังกดดันสองสายก็เข้ามาจากทางด้านล่างบันได
“เทพผู้พิทักษ์ซ้าย ท่านเป็นยังไงบ้าง!”เสียงดูเหมือนกังวลดังขึ้น พร้อมกับชายร่างเตี๋ยศีรษะโล้น และมนุษย์ที่มีหัวเป็นสุนัขสีดำ
“หืมพวกแก…”ทั้งสองที่พึ่งเข้ามาเห็นสภาพของคาราสุเทนงู ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
ในตอนนั้นเองจิวโมไป๋ก็ระเบิดพลังมังกร จนพื้นที่เขายืนอยู่แตกกระจายเป็นวงกว้าง ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหาทั้งสองโดยไม่พูดอะไร หมัดที่ห่อหุ้มเกล็ดมังกรก็ชกที่ชายร่างเตี๋ยศีรษะโล้นก่อนจะหมุนตัวเตะไปที่มนุษย์หัวสุนัข
ตูม! ปัง! ร่างของทั้งสองถูกพลังมหาศาลของจิวโมไป๋โจมตี กระเด็นไปหลายสิบก้าว ออกนอกประตูหน้าทางเขาศาลเจ้าออกไป!
—
จบแล้ว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ
คอมเม้นต์