ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 364
จิวโมไป๋วาดฝ่ามือออกป้องกันการโจมตีของเด็กสาว เสียงปะทะกันดังกึกก้อง สะเก็ดเปลวเพลิงผลาญบาปกระจายออกโดยรอบ แต่มันไม่เผาไหม้ทำลายสิ่งใดเลย มันเผาไหม้เพียงแค่บาปเท่านั้น นี้เป็นข้อเสียของมันและเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุด
จิวโมไป๋ดึงฝ่ามือกลับ เด็กสาวชกหมัดโจมตีจิวโมไป๋ด้วยเพลิงผลาญบาปอย่างทื่อด้าน เขาก็รู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้เธอกำลังทำตามคำสั่งของเด็กสาวสีดำที่สั่งเธอเอาไว้ เธอไม่สามารถขัดคำสั่งได้เลย
จิวโมไป๋โยกหลบอย่างเชื่องช้า การโจมตีของเด็กสาวผ่านร่างของเขา ไม่สามารถสัมผัสร่างของเขาได้เลย เพลิงผลาญบาปก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะคุณสมบัติของมัน และความแข็งแกร่งของเด็กสาวในตอนนี้ก็ลดลงเหลือเพียงขั้นที่ 6 โลหิตต้นเท่านั้น
การชำระล้างเหล่าวิญญาณทำให้ความแข็งแกร่งของเด็กสาวลดลง เขาพึ่งสังเกตสังเกตเห็นหลังจากชำระล้างวิญญาณไปแล้วว่า วิญญาณด้านล่างจะส่งความแค้นไปเป็นพลังให้กับเด็กสาว เมื่อวิญญาณแค้นถูกชำระล้างจนหมด พลังของเธอก็ลดลงกลับไปอยู่ที่การบ่มเพาะพลังปกติ
จิวโมไป๋ครุ่นคิด ถ้าเขาชำระล้างวิญญาณตั้งแต่แรก การต่อสู้ก็ลงจบลงอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณของเขาน้อยเกินไป ถ้ามีโอกาสเขาจะตั้งใจศึกษามันให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จะได้ไม่เสียเวลาต่อสู้ยืดเยื้ออย่างนี้อีก
เขามองไปยังเด็กสาวที่ยังโจมตีเข้ามาไม่หยุดเหมือนหุ่นเชิด แววตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ วาดฝ่ามือออก ข่ายอาคมวงกลมปกคลุมร่างของเด็กสาวสาว ก่อนที่เชือกสีทองจะพันร่างของเธอจนไม่สามารถขยับได้
เด็กสาวดิ้นร้นขัดขืนเปลวเพลิงสีขาวลุกไหม้ พยายามจะทำลายเชือดที่รัดตัวเธอ แต่ไม่สามารถทำได้
จิวโมไป๋ยกมือขึ้น พลังวิญญาณในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเอามือวางไปที่หัวของเด็กสาว
ในตอนนั้นเองเด็กสาวก็นิ่งค้างดวงตาเบิกกว้าง
จิวโมไป๋ไม่สนใจการแสดงออกของเด็กสาว เขาเข้าไปในทะเลสติของเด็กสาว เขาก็เห็นพื้นที่มืดมิด จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสแผ่ขยายออกไป ก็พบพื้นที่สีเหลี่ยมที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง เขาเคลื่อนร่างวิญญาณลงไปก็พบพื้นที่อาณาเขตวิญญาณสีดำทะมึน ไร้ชีวิตชีวา เขามองเข้าไปก็เห็นปราสาทที่ล้อมรอบไปด้วยต้นหนาม ภายในปราสาทมีร่างของเด็กสาวสีแดงที่มีใบหน้าชั่วร้ายนั่งเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์
ในที่สุดเขาก็พบแล้ว ร่างแยกวิญญาณของเด็กสาวสีดำที่ซ่อนอยู่ในร่างของเด็กสาว
จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาอีกเขาโบกมือ พลังวิญญาณอันทรงพลังพุ่งเข้าไปบดขยี้ปราสาท ร่างของเด็กสาวสีแดงแข็งทื่อ ก่อนจะผุดลุกขึ้นและตระโกนเสียงดัง
“แกเป็นใคร!”คลื่นพลังวิญญาณของเธอแผ่ขยายออก
ปราสาทสีดำทะมึนไร้ชีวิต แตกออกเป็นหนามหินกวัดแกว่งไปมา
จิวโมไป๋มองอย่างเฉยเมย พลังวิญญาณสีทองเปลี่ยนเป็นฝ่ามือฟาดออกไปบดขยี้ปราสาทอย่างง่ายดาย
ร่างวิญญาณของเด็กสาวสีแดง แตกสลายหายไป โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่ออาณาเขตวิญญาณพังทลาย
จิวโมไป๋ดึงร่างวิญญาณกลับ เมื่อออกมา ร่างของเด็กสาวก็สลบไปทันที
จิวโมไป๋จับร่างของเด็กสาวไม่ให้ล้มลง ก่อนจะวางลงพื้นอย่างนุ่มนวล
เขายืนมองอย่างลังเล ก่อนจะวาดมือออกส่งพลังวิญญาณออกไปที่ทะเลปราณของเด็กสาว แต่ในตอนนั้นเองเพลิงผลาญบาปพลันลุกไหม้ต่อต้านอย่างรุนแรง จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว ก่อนจะดึงพลังวิญญาณกลับ
“น่าแปลกใจจริงๆ ที่เพลิงผลาญบาปตนนี้จะมีสติปัญญา”จิวโมไป๋พึมพำด้วยความประหลาดใจ ปนเสียดาย เพราะเพลิงผลาญบาปที่เปิดปัญญา มันสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง และสามารถกลายเป็นมนุษย์และบ่มเพาะพลังได้ อนาคตของมันไร้สิ้นสุด
ที่เขาเสียดายคือเปลวเพลิงที่มีสติปัญญา ถ้ารวมเข้ากับร่างของผู้บ่มเพาะพลังแล้ว พวกมันจะซื่อสัตย์กับร่างที่พวกมันหลอมรวม พวกมันไม่ยอมออกจากเจ้าของเดิม ถ้าฝืนดึงมันออกมันจะทำลายตัวเองทันที
จิวโมไป๋ข่มความโลภของตัวเอง
พยายามปลอบใจตัวเอง ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา
จิวโมไป๋มองร่างของเด็กสาว ก่อนจะโบกมือข่ายอาคมกลายเป็นเครื่องหมายสะกด ปิดผนึกเพลิงผลาญบาป และซ่อนมันลึกในร่างของเด็กราว ไม่มีใครสามารถค้นพบมันได้
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะวางมือลง มองไปรอบๆ และลงมือทำลายหลักฐานที่สามารถระบุตัวเองและเด็กสาวได้จนหมด จากนั้นเขาก็กลับมาอุ้มร่างของเด็กสาว ก่อนจะออกจากห้องโถงใต้ดิน เมื่อไปถึงทางออก จิวโมไป๋มองย้อนกลับ เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจไม่ทำลายห้องโถงใต้ดิน เพราะมีโครงกระดูกอยู่ด้านล่าง อาจมีคนต้องการหาศพของครอบครัวที่หายไป เพื่อนำไปทำพิธีทางศาสนา
จิวโมไป๋หันหน้ากลับและถอนหายใจ เขาปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประเทศเกาะ
จิวโมไป๋ขึ้นมาก็พบว่าปราสาทดำพังทลายลงปิดทางออกจนหมด จิวโมไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีดำของหน่วยลับ ใช้จิตสัมผัสหาทางที่ปลอดภัยที่สุด มือหนึ่งอุ้มเด็กสาว มือหนึ่งใช้พละกำลังทำลายทางออก
ไม่นานเขาก็ออกมา
แต่เพียงแค่ก้าวออกมาก้าวเดียว คลื่นพลังอันทรงพลังก็ปะทะเข้ากับร่างจนเสื้อคลุมโบกสะบัดอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
—
คอมเม้นต์