ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 390
อาคารชมการประลองฝั่งซ้าย
ทุกคนในห้องต่างก็ประหลาดใจในวิชาต่อสู้อันทรงพลังของทาเคยูชิ มันแข็งแกร่งมากกว่าวิชาที่พวกเขาใช้อย่างมาก
ไม่มีใครคิดว่าวิชาที่ทาเคยูชิใช้ เป็นวิชาต่อสู้ที่อยู่ในเคล็ดบ่มเพาะพลัง
เพราะทุกคนในสำนักฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะพลังเดียวกัน คือเคล็ดบ่มเพาะพลังลมหายใจสายฟ้าคำรณ เคล็ดบ่มเพาะพลังประจำสำนัก
สำหรับวิชาต่อสู้พวกเขาจะฝึกฝนแตกต่างกันตามความถนัดของตัวเอง
พวกเขาไม่เคยเห็นวิชาที่เคยูชิใช้ในหอตำรา
พลัง ความเร็ว และความเฉียบคมเหนือกว่าวิชาดาบระดับสูงของสำนักไปมาก แต่ข้อเสียก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เพียงแค่โจมตี 3 ครั้ง ร่างกายของทาเคยูชิก็รับไม่ไหวแล้ว
ทุกคนจึงคิดว่ามันเป็นวิชาต้องห้ามที่ทาเคยูชิแอบฝึกฝน
ริกะเอนหลังพิงโซฟา ศอกวางบนที่พักแขน มือยกขึ้นเท้าคางอย่างเอื่อยเฉื่อย มุมยิ้มเย้ายวน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับมากแผนการ
อิโทซะมองทาเคยูชิที่ล้มลงอย่างเฉยช้า แต่ดวงตาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้
ทาเคยูชิและเขามีอายุเท่ากันและพวกเขามีอายุมากที่สุดในศิษย์รุ่นปัจจุบัน ทำให้แม้ว่าเขาจะมีระดับการบ่มเพาะพลังที่สูงที่สุดในรุ่น แต่ก็ไม่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะชั้นยอดของสำนัก เป็นเพียงอัจฉริยะชั้นสูงเท่านั้น
เพราะมีศิษย์คนอื่นๆที่มีพรสวรรค์มากกว่า แต่เพราะอายุน้อยกว่า ทำให้ระดับการบ่มเพาะพลังต่ำกว่าเขา
ทาเคยูชิยิ่งถูกเลือกปฏิบัติและถูกดูแคลนมากกว่าเขา เพราะระดับการบ่มเพาะพลังของทาเคยูชิยังอยู่แค่ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย และไม่สามารถตระหนักกฎแห่งธาตุสายฟ้าได้
ที่ทาเคยูชิสามารถรั้งอยู่อันดับ 8 ของสำนัก เพราะเขามีอายุมากบ่มเพาะพลังก่อนศิษย์คนอื่นๆ และมีทรัพยากรจากตระกูลสนับสนุน
เมื่อ ทาคาฮิโระ น้องชายของทาเคยูชิ ปลุกตำหนักยุทธตอนอายุ 15 ปี เขาได้แสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นออกมา ยิ่งทำให้ทาเคยูชิถูกกดดันมากกว่าเดิม
ตระกูลอิชิดะเป็นตระกูลอันดับต้นๆของสำนัก ไม่มีทางเลยที่ลูกชายคนโตของตระกูลจะตกต่ำมาอยู่ที่อันดับ 8 ของสำนักได้ ถ้ามีทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังเพียงพอ
ต้องพูดว่าทาเคยูชิโชคร้ายที่มีน้องชายอัจฉริยะอย่าง ทาคาฮิโระ ทรัพยากรที่ทาเคยูชิเคยได้รับถูกลดลง เพราะต้องแบ่งไปให้ทาคาฮิโระที่มีพรสวรรค์สูงกว่า และมีโอกาสทำให้ตระกูลอิชิดะยิ่งใหญ่กว่าเดิม
แต่ดูเหมือนว่า ทาเคยูชิจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง ซุ่มฝึกวิชาต่อสู้ที่ทรงพลัง แต่น่าเสียดาย วิชานั้นมีข้อเสียอันตรายร้ายแรงเกินไป
อิโทซะละสายตาจากสนามประลองลูบขนแมวดำเบาๆ
ฮิซาชิลืมตามองทาเคยูชิบนสนามประลองครู่หนึ่งก่อนจะหลับตา ในใจคร่ำครวญด้วยความเหนื่อยหน่าย เขามองเห็นอนาคตของตัวเอง ที่จะต้องไปท้าทายทาเคยูชิราวกับคนบ้า เหมือนที่ไปท้าทายอิโทซะมาตลอด
ห้องด้านล่างทาคาฮิโระนั่งพิงโซฟา มองพี่ชายของตัวเองที่ล้มลงไปด้วยความเฉยชา เขาไม่มีความห่วงใยอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อาจจะมีความประหลาดใจบางกับวิชาอันทรงพลัง แต่เมื่อเห็นว่าใช้แค่ไม่กี่ครั้งก็ปางตายแล้ว ความสนใจก็หายไป
สนามประลอง
จิวโมไป๋นั่งชันเข่าข้างทาเคยูชิ ยกมือขวาที่อาบไปด้วยกฎแห่งธาตุไม้ไปบนอกของทาเคยูชิ
“ระวังด้วย เขาไม่น่าจะรับภาระไหวอีกแล้ว”พันเอกนาคามูระเห็นดังนั้นก็เอ่ยเตือนขึ้นมา เขากลัวว่าจะเป็นซ้ำรอยเดิม
จิวโมไป๋พยักหน้ากฎแห่งธาตุไม้สีเขียวเข้มไหลอาบไปทั่วร่างทาเคยูชิ มันไม่ได้เข้ารักษาบาดแผลโดยตรง แต่พลังแห่งชีวิตค่อยๆผสานกับพลังที่ปั่นป่วนที่เล็ดลอดออกมา และทำให้พลังนั้นอ่อนโยนขึ้น ทำให้ความปั่นป่วนในร่างกายไม่ระเบิดออกมา โดยที่พลังอันมหาศาลยังไม่ลดลง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ลอบใช้จิตสัมผัสตรวจสอบร่างของทาเคยูชิ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น คนประเทศเกาะฝึกฝนประสาทสัมผัสทั้ง 5 จนแข็งแกร่ง ยากที่จะใช้จิตสัมผัสตรวจสอบจากระยะไกลได้ เมื่ออยู่ในระยะใกล้เขาจึงสามารถใช่จิตสัมผัสตรวจสอบได้โดยไม่ผิดสังเกต
เมื่อจิตสัมผัสเคลื่อนเข้าไปในร่างของทาเคยูชิ
คิ้วของจิวโมไป๋ก็ขมวดเล็กน้อย แต่ในพริบตาต่อมาก็คลายออก โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ในใจจิวโมไป๋ร้องคร่ำครวญด้วยความประหลาดใจ
เขาเป็นผู้สร้างเคล็ดวิชาอันดับต้นๆของโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง เขาเคยเห็นวิชาเคล็ดวิชามานับไม่ถ้วน
เพียงมองแวบเดียวเขาก็ เข้าใจแนวคิด หลักการในการสร้างเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่ทาเคยูชิใช้ได้ทันที
แม้จะไม่สามารถเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็พอจะสรุปได้ว่า มันเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังประเภทการ กำหนดลมหายใจ ซึ่งเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังที่ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่ของประเทศเกาะฝึกฝน จึงไม่แปลกอะไร แต่ที่แตกต่างคือ ในเคล็ดบ่มเพาะพลังนี้ มันผสานกับวิชาต่อสู้ที่ใช้การกระตุ้นเลือดในร่างกาย เพื่อเร้งเร้าพลังให้ทะลุขีดจำกัด
ใบหน้าของจิวโมไป๋กลายเป็นจริงจัง เขาจำได้ว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังกำหนดลมหายใจของประเทศเกาะ มีหลักการฝึกจิตใจ คล้ายกับการบ่มเพาะพลังวิญญาณ แต่การกำหนดลมหายใจ จะไปในแนวทางบ่มเพาะพลัง ฝึกฝนประสาทสัมผัส มากกว่าจิตวิญญาณภายใน แม้ว่าจะไม่ใช่แนวทางเดียวกัน แต่มันก็มีหลักการในการฝึกจิตใจให้สงบเหมือนกัน
สงบ มันเป็นฝั่งตรงข้ามกับการกระตุ้นเลือดในร่างกาย ที่ทำให้ร่างกายเลือดพล่านรุนแรง มันเป็นการทำให้ร่างกาย ตื่นตัว
สงบกับตื่นตัว เหมือนแสงสว่างกับความมืด พวกมันเป็นฝั่งตรงข้าม มีความขัดแย้ง ที่ไม่สามารถผสานรวมกันได้
การสร้างเคล็ดวิชาที่ใช้แนวคิดการผสานสงบกับตื่นตัวเข้าด้วยกัน ถ้าไม่ใช้อัจฉริยะก็เป็นแค่คนบ้า!
เคล็ดวิชาที่เกิดความขัดแย้ง ไม่สามารถผสานกันได้ มันไม่เพียงแค่ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังฝึกฝนได้ช้าหรืออ่อนแอลง แต่มันอาจทำให้ผู้ฝึกบาดเจ็บ หรืออย่างหนักคือเสียชีวิต
การสร้างเคล็ดวิชาจะต้องคำนึง ถึงความถนัดและความปลอดภัยของผู้ฝึกฝนด้วย!
ไม่ใช่สร้างเคล็ดวิชามั่วซั่วแบบนี้ เขามั่นใจได้เลยว่ามีผู้ฝึกฝนจำนวนมากต้องสังเวยชีวิตให้กับการฝึกเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังนี้
วูบ วูบ ผู้อาวุโสของสำนักหลายสิบคนเคลื่อนตัวเข้ามาล้อมรอบสนามประลอง พวกเขาเห็นศิษย์ในสำนักบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่นอกสนามประลอง ในใจพวกเขาร้อนรุ่ม เผลอปล่อยพลังกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้น!”
—-
คอมเม้นต์