ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 2 รวมบันทึกล้างมลทิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 2 รวมบันทึกล้างมลทิน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 2 รวมบันทึกล้างมลทิน

ในฐานะเด็กหนุ่มในอนาคตยุคใหม่ที่เคยทำข้อสอบจำลองเข้ามหาวิทยาลัยสามฉบับและสอบจริงอีกห้าปี แน่นอนว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่หวาดหวั่นต่อการทดสอบอยู่แล้ว

เพียงแต่คำถามบนกระดาษข้อสอบนี้ เหมือนจะแปลกพิลึกไปหน่อยหรือเปล่า

ข้อที่ 1: มือปราบแข่งวิ่งกันหนึ่งร้อยเมตร ตอนมือปราบก.ไปจึงจุดหมาย มือปราบข.ยังอยู่ห่างจากจุดหมายสิบเมตร

หากแข่งวิ่งกันใหม่ แต่จุดเริ่มต้นของมือปราบก.ถอยไปด้านหลังสิบเมตร พวกเขาจะถึงจุดหมายพร้อมกันได้หรือไม่

ข้อที่ 2: มีคนสองคนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อนับคนที่สัญจรผ่านตรงหน้าพวกเขา คนแรกนั่งอยู่ตรงประตูบ้าน ส่วนอีกคนเดินไปเดินมาอยู่บนทางสัญจร เช่นนั้นใครจะนับคนสัญจรได้มากกว่ากัน

ข้อที่ 3: ไก่กับกระต่ายอยู่ในกรงเดียวกัน…

……

คำถามสิบข้อต่อเนื่อง ล้วนเป็นคำถามวัดความสามารถเชิงตรรกะ คำถามมีทั้งยากมีทั้งง่าย เยี่ยเว่ยหมิงขยับพู่กันรวดเร็วราวกับบินได้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ทำเสร็จไปแล้วเก้าข้อ จนกระทั่งถึงคำถามข้อที่สิบ ในที่สุดก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว

‘ผู้ตายคนหนึ่งปลิดชีพตัวเอง ตอนชันสูตรศพไม่พบร่องรอยพิษใดๆ แต่บนตัวเขากลับมีร่องรอยถูกเกาข่วนเป็นวงกว้าง เลือดเนื้อปนรวมกัน ในเล็บของผู้ตายมีเศษเลือดเนื้อติดอยู่ สีหน้าของผู้ตายยังแสดงความรู้สึกหลุดพ้น กรุณาอธิบายว่าก่อนตายเขาผ่านอะไรมาบ้าง’

“เงื่อนไขที่รู้แล้ว เขียนไว้บนนี้หมดแล้วหรือ”

“ใช่แล้ว”

“ไม่มีเบาะแสอื่นแล้ว?”

“ไม่มี ตอนนั้นประตูหน้าต่างปิดสนิท เพียงแต่ข้าวของในห้องถูกชนล้มไปไม่น้อย ข้าเดาว่าก่อนตายผู้ตายคงจะอยู่ในความเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด แต่นี่ก็เป็นเพียงการอนุมานเท่านั้น”

……

ห้านาที สิบนาที ยี่สิบนาที…จนกระทั่งสิ้นสุดเวลาทำข้อสอบหนึ่งชั่วโมง เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกเหตุผลไม่ออกสักอย่าง

ซ่งฉือเก็บกระดาษข้อสอบแล้ว ขณะมองกระดาษข้อสอบก็พยักหน้าไปด้วย ปากยังอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ข้อแรก คำตอบคือไปถึงพร้อมกันไม่ได้ ยังคงเป็นมือปราบก.ที่ถึงจุดหมายก่อน ที่ตอบข้อนี้ได้ถูกต้อง ก็แสดงว่าเจ้าเป็นคนมีตรรกะเหตุผลทางความคิดชัดเจน

ข้อที่สอง คำตอบที่ถูกต้องก็คือนับได้มากเท่ากัน คำถามข้อนี้ไม่มีจุดไหนแปลก แต่มีคนมากมายที่หลังจากตอบคำถามข้อแรกไปแล้ว จิตใต้สำนึกก็อยากจะใช้ไหวพริบตัวเองกับคำถามข้อนี้ เจ้าตัดสินแยกแยะได้โดยไม่ถูกรบกวน ก็ถือว่าไม่เลวเลย

ข้อที่สาม…”

……

ซ่งฉือเฉลยคำตอบทีละข้ออย่างไม่เร็วไม่ช้า และถือโอกาสอธิบายจุดประสงค์และสาระสำคัญในการออกข้อสอบ จนกระทั่งอ่านข้อที่เก้าจบ เขาถึงได้วางกระดาษข้อสอบลง แล้วหยิบตำราเล่มหนึ่งส่งให้เยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าทำได้ไม่เลวเลย มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดวิชาของข้า นี่คือรางวัลภารกิจของเจ้า”

[รวมบันทึกล้างมลทิน: ตำรานิติเวชศาสตร์สมัยโบราณ หลังจากใช้งานจะได้เรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวข้อง จะใช้งานตอนนี้หรือไม่]

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงแน่ใจแล้วว่าใต้เท้าซ่งฉือที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็คือปฐมาจารย์ด้านการแพทย์ในประวัติศาสตร์ท่านนั้น

ใช่แล้ว!

[ติ๊ง! เรียนรู้สกิลอาชีพมือปราบ ‘ตัดสินคดี’ สำเร็จ ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้จากคอลัมน์สกิลการอยู่รอด]

ช่างเป็นทักษะสำหรับอาชีพจริงๆ…

ตามคำแนะนำของระบบ เขาเจอรายการทักษะ ‘ตัดสินคดี’ อยู่ในคอลัมน์สกิลการอยู่รอดจริงๆ ด้วย ข้างล่างยังมีกำกับไว้ด้วยว่า ‘เหมือนจะมีสองคนที่ได้ทักษะนี้ไปแล้ว’

[เวทชันสูตรศพ: พาสซีฟสกิล วิธีการหาหลักฐานเพื่อไขคดีผ่านการพิสูจน์ศพและสำรวจที่เกิดเหตุ]

[เวทบรรจุศพ: คนตายเหมือนตะเกียงดับ ไม่ว่าตอนยังมีชีวิตจะดีหรือชั่ว แต่หลังจากตายแล้วก็ไม่ควรประจานทิ้งไว้ ในระหว่างขั้นตอนจัดการศพ มีโอกาสที่จะพบของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตาย

หมายเหตุ : ทุกครั้งที่ใช้งานจะต้องเสียเครื่องมือจัดการศพ]

นี่มันสกิลเทพชัดๆ!

ตอนที่อ่านถึงเวทบรรจุศพข้อสุดท้าย เยี่ยเว่ยหมิงก็อดกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาไม่ได้ เพราะเมื่อมีสกิลนี้ก็ย่อมมีโอกาสพอสมควรที่จะได้ของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตาย หลังจากฆ่า BOSS ตัวสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีของดีทะลักออกมาให้เก็บ ก็ยังหาเก็บของด้วยการใช้เวทบรรจุศพได้เหมือนกัน

หรือพูดได้อีกอย่างว่า เท่ากับได้โอกาสตรวจคลำศพเพิ่มอีกหนึ่งครั้ง!

เมื่อสงบสติอารมณ์ตื่นเต้นได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กุมหมัดคารวะซ่งฉืออย่างจริงใจมาก “ขอบคุณใต้เท้าซ่งที่ชี้แนะ เพียงแต่ยังเหลือคำถามอีกข้อหนึ่ง ใต้เท้าซ่งเฉลยคำตอบข้อที่สิบให้ข้ารู้ด้วยเลยได้หรือไม่ เติมเต็มจิตใจที่อยากรู้อยากเห็นของข้าสักหน่อย?”

“อยากรู้?” ซ่งฉือยิ้ม

“อยาก!”

“ข้าก็อยากรู้เช่นกัน” ซ่งฉือกล่าว

เยี่ยเว่ยหมิง “…”

“คำถามข้อที่สิบ ความจริงเมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งพบคนตายอย่างประหลาดคนหนึ่ง แต่ข้าทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังหาคำตอบของคำถามข้อนี้ไม่ได้ ในเมื่อเจ้าก็สนใจคำถามข้อนี้ เช่นนั้นก็ไปหาคำตอบเอาเองเถอะ” ซ่งฉือกล่าว

[ติ๊ง! ได้รับภารกิจลับ ‘คำตอบของคำถามข้อที่สิบ’ รางวัลภารกิจ: ตำราลับเคล็ดจิตปริศนา 1 เล่ม]

“สำนักมือปราบเทพไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนักไม่ใช่หรือ” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วชะงักงัน

“นี่ไม่ใช่วิทยายุทธ์ของสำนัก แต่เป็นภารกิจลับ” ซ่งฉือตอบอย่างสุขุม “วิทยายุทธ์ของสำนักเป็นทรัพย์สินร่วมของสำนัก หลังจากผู้เล่นทุกคนทำตามเงื่อนไขแล้ว ก็เรียนรู้ได้ผ่านการใช้เงินและค่าผลงานสำนัก สำนักมือปราบเทพไม่มีการถ่ายทอดวิทยายุทธ์ประเภทนี้ แต่เมื่อก่อนข้าเคยได้รับตำราลับเคล็ดจิตเล่มหนึ่งที่ราชวงศ์ก่อนทิ้งไว้ เป็นของข้าคนเดียว ขอเพียงเจ้าทำภารกิจสำเร็จ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะนำมันมาเป็นรางวัลภารกิจให้เจ้า”

ที่แท้ก็ไม่ใช่ว่าในสำนักมือปราบเทพจะไม่มีทักษะยุทธ์ให้เรียน แค่ต้องเปลี่ยนวิธีการได้มาก็เท่านั้นเอง

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณใต้เท้าซ่ง”

เห็นได้ชัดว่าซ่งฉือพอใจกับการทำข้อสอบของเยี่ยเว่ยหมิงมาก “เจ้ายังมีคำถามอะไรอีกไหม”

“ยังมีคำถามสุดท้าย” เยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างไม่ลังเล ” ในเมื่อ ‘รวมบันทึกล้างมลทิน’ บันทึกวิธีการชันสูตรศพ วิธีการบรรจุศพไว้ แล้วทำไมในบรรดา ‘ฟ้า ดิน คน ผี’ ดูเหมือนคำว่า ‘ผี’ จะใกล้เคียงกว่าล่ะ ทำไมบันทึกล้างมลทินจึงถูกกำหนดเป็นทักษะตัวอักษร ‘ฟ้า’”

“ถามได้ดี!” ซ่งฉือได้ยินแล้วกระปรี้กระเปร่า ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายที่ผอมแห้งอ่อนแอจะแผ่รังสีความเคร่งขรึมออกมา ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความรู้สึกว่าเขามีคุณธรรมสูงส่ง “ในฐานะที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายคนหนึ่ง เจ้าต้องจดจำไว้ประโยคหนึ่ง ‘ชีวิตคนใหญ่เหนือฟ้า’!”

……

สำนักมือปราบเทพไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนัก แต่เรื่องภารกิจของสำนักก็ไม่ต้องกลุ้มใจเลย เมื่อรู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะมาขอภารกิจ จ่านเจาก็โยนประกาศจับกุมเล่มใหญ่ให้เขาแล้ว ในนั้นบันทึกภารกิจจับกุมไว้อย่างน้อยร้อยกว่าภารกิจ เชิญให้ท่านเลือกได้ตามสบาย

หลังจากดูอยู่พักหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็เลือกรับสองภารกิจพร้อมกัน

[ผู้เฒ่าหลี่ฆ่าตัวตาย ระดับภารกิจ: 3 ดาว][หมู่บ้านตู้คัง ช่างไม้ผู้เฒ่าหลี่ผูกคอตายในบ้าน แต่ในที่เกิดเหตุยังพบจุดที่น่าสงสัยอีกมากมาย มือปราบท้องที่ปิดล้อมที่เกิดเหตุไว้แล้ว ได้โปรดไปสืบหาความจริงโดยเร็ว

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 1000 แต้ม ค่าตบะ 100 แต้ม เงิน 50 เหรียญเงิน]

[ตามจับโฉวป้า ระดับภารกิจ: 3 ดาว][โฉวป้า ฉายาคือแร้งตาเดียว เจ้าบ้านสามของค่ายดอกบัว เป็นมหาโจรลำน้ำคาบสมุทรที่ก่อกรรมทำชั่วมาทุกรูปแบบ มีอย่างน้อยสิบกว่าชีวิตที่ต้องจบลงด้วยน้ำมือโจรผู้นี้ จากเบาะแสที่ให้มา ช่วงนี้โจรชั่วปรากฎตัวอยู่บริเวณหมู่บ้านตู้คัง ได้โปรดจับโจรมาดำเนินคดี เป็นตายไม่เกี่ยง!

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 1000 แต้ม ค่าตบะ 80 แต้ม เงิน 1 เหรียญทอง]

ภารกิจระดับสามดาว จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของเยี่ยเว่ยหมิงพอดี สาเหตุหลักเป็นเพราะสองภารกิจนี้อยู่ในสถานที่เดียวกัน ทำให้เสร็จสิ้นพร้อมกันได้ ประสิทธิภาพก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยด้วย

ตอนเยี่ยเว่ยหมิงเดินมาถึงประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ ก็เจอผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังจะเดินเข้ามาในนี้พอดี เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิง อีกฝ่ายก็เข้ามาทักทายก่อน ” ศิษย์พี่ท่านนี้ สวัสดี น้องชายชื่อเฟยอวี๋ กำลังจะมาคำนับเป็นศิษย์พอดี ต่อไปนี้เราก็จะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ได้รับอิทธิพลจากราศีความซื่อตรงของซ่งฉือ เมื่อเห็นเจ้าเด็กหนุ่มที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยกำลังจะกระโดดลงหลุมเพลิง เยี่ยเว่ยหมิงก็อดเตือนด้วยความหวังดีไม่ได้ “ข้าชื่อเยี่ยเว่ยหมิง แต่เจ้าอย่าเพิ่งรีบเรียกข้าว่าศิษย์พี่เลย เพราะสำนักมือปราบเทพไม่ใช่สถานที่ดีเลิศอะไรนักหรอก ข้ารับร้องว่าถ้าเจ้ารับป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูไปแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจทีหลังแน่”

ใครจะไปคิด เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะบอกไปแบบนี้ ในดวงตาของผู้เล่นที่ชื่อเฟยอวี๋ก็ฉายแววดูถูกเขาแล้ว แต่ปากก็ยังตอบอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณมากที่เตือน แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าสำนักลับต้องเจ๋งกว่าแน่นอน”

ดูท่าแล้ว ในใจเจ้าเด็กนี่ต้องคิดว่าฉันอยากผูกขาดสำนักลับแน่ๆ ก็เลยจงใจใช้คำพูดแบบนี้หลอกให้เขาจากไป

อุตส่าห์หวังดีแต่ถูกเข้าใจผิด ในใจเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวได้ว่ากลัดกลุ้ม

แต่ในฐานะที่เป็นคนจิตใจงามคนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นคนบริสุทธิ์คนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นคนที่หลุดพ้นจากรสนิยมชั้นต่ำแล้ว เขายังกล่าววาทะที่เต็มไปด้วยสัจธรรมต่อ “ข้าพูดจริงนะ สำนักนี้โคตรหลอกลวง!”

ในตอนนี้ ถ้าเยี่ยเว่ยหมิงทำท่าเหมือนกำลังบอกว่า ‘เจ้าเด็กนี่ เข้าใจเจตนาดีของข้าผิดไป ข้าขี้คร้านจะยุ่งกับเจ้าแล้ว’ บางทีเฟยอวี๋อาจจะยังลังเลบ้าง แต่ยิ่งเขากระตือรือร้นโน้มน้าวต่อไปแบบนี้ อีกฝ่ายก็ยิ่งแน่ใจว่าเขามีเจตนาแอบแฝง

“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” หลังจากพยักหน้าอย่างขอไปที เฟยอวี๋ก็เดินไปทางสำนักมือปราบเทพแล้ว

ขณะมองคล้อยหลังเฟยอวี๋เดินจากไปไกล เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มยกมุมปากเผยรอยยิ้มขาดคุณธรรม เขายังไม่รีบไปทำภารกิจ ยืนรออยู่ตรงประตูสำนักมือปราบเทพเสียเลย

หลังจากนั้นสามนาที เสียงที่แฝงไปด้วยความจนใจ เศร้ารันทด คับแค้นและอ้างว้างก็ดังก้องทั่วทั้งสำนักมือปราบเทพ

“ข้าจะออกจากสำนัก!”

เมื่อเสียงคำรามดังเข้ามาในหู เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกสดชื่นไปทั้งตัวอย่างสุดๆ ทันที จากนั้นก็ไม่อยู่ต่อแล้ว รีบเดินไปทางจุดพักม้าตรงประตูเมือง

แล้วเขาก็นั่งรถม้าไปทำภารกิจอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด