ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 147 ความแตกต่างระหว่างเลเวล 180 กับ 200

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 147 ความแตกต่างระหว่างเลเวล 180 กับ 200 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 147 ความแตกต่างระหว่างเลเวล 180 กับ 200

จางซานเฟิงย่อมไม่เคยฝึกเคล็ดกระบี่พิชิตมารอยู่แล้ว สิ่งเขาทำหายไปคือของล้ำค่าอีกชิ้นที่มีความหมายให้ระลึกถึง

ไม่ใช่ชิ้นส่วนบางอย่างบนตัวที่บรรยายไม่ได้!

“ของล้ำค่าชิ้นนั้นข้าเองก็ไม่เคยเห็น” หลังจากเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่ง อินปู้คุยก็บอกว่า “นั่นคืออรหันต์เหล็กที่สร้างโดยช่างฝีมือแดนตะวันตก หลังจากไขลานแล้วจะใช้ ‘หมัดอรหันต์’ ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ถือเป็นของแปลกใหม่สำหรับผู้เล่นอย่างพวกเรา แต่สำหรับคนโบราณ มันถือเป็นของอัศจรรย์จริงๆ”

ของสิ่งนี้ ทำไมฟังดูคุ้นหูจัง

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดขำไม่ได้ “นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ปู่ของเจ้าจะมีจิตใจเป็นเด็ก”

“ไม่ใช่ว่ามีจิตใจเหมือนเด็ก แต่เป็นหัวใจของหนุ่มน้อยที่ว้าวุ่น…” อินปู้คุยกำลังจะถือโอกาสสปอยล์เรื่องรักลับๆ ระหว่างชายหญิงในยุทธภพที่ผู้คนชอบฟัง แต่กลับพลันตระหนักอะไรบางอย่างได้ เขามองไปรอบรอบๆ ครู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนกำลังจับตาดูพวกเขา ก็กล่าวอย่างระวังมากกว่า “เรื่องนี้เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยรายละเอียดกัน ที่ข้าเรียกเจ้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อตามหาอรหันต์เหล็กที่หายไป”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วถามว่า “ตามเนื้องเรื่องเดิมที่เจ้ารู้มา ของสิ่งนั้นถูกใครขโมยไป”

อินปู้คุยตบหน้าผากด้วยความจนใจ “ตามต้นฉบับเดิม ของสิ่งนั้นไม่เคยหายไปเลย”

เยี่ยเว่ยหมิง “…”

สงสัยจะเป็นบทละครที่ผู้ออกแบบเกมสร้างขึ้นมา ไม่แปลกใจที่แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิมอย่างอินปู้คุยก็ยังคิดหาวิธีการไม่ออก

เพียงแต่ตอนนี้อินปู้คุยกลับโอบบ่าเขา แล้วกล่าวพร้อมทำหน้าทะเล้น “สำนักมือปราบเทพของเจ้ามีทักษะที่ช่วยไขคดีโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ ช่วยข้าสักหน่อยเป็นอย่างไร อาจารย์ปู่บอกไว้แล้วว่าหากเจ้ายอมช่วยข้า ก็ไปรับภารกิจที่เขาได้โดยตรง หลังจากทำสำเร็จแล้วก็จะได้รางวัลภารกิจด้วยนะ”

“ช้าก่อน!” เยี่ยเว่ยหมิงพลันพบว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยชอบมาพากล “เจ้าหมายความว่า อาจารย์ปู่ของเจ้าไม่เพียงแค่รู้ว่าพวกเราสนิท ทั้งยังอาศัยความสนิทนี้บอกให้เจ้าติดต่อข้า เพื่อให้ไปรับภารกิจจากเขาอย่างนั้นหรือ”

โอ้มายก็อด!

นี่ยังเป็น NPC อยู่ไหม

NPC นี่ฉลาดจนจะกลายเป็นปีศาจแล้วมั้ง!

“อย่าตกใจขนาดนั้น” พอปล่อยมือออกจากบ่าเยี่ยเว่ยหมิง อินปู้คุยก็กล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “จะว่าไปแล้วเจ้าก็น่าจะรู้เช่นกันนี่ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ยิ่ง NPC เลเวลสูง ฐานะก็จะยิ่งสำคัญ สติปัญญาก็สูงด้วย”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ

ตอนนี้บนใบหน้าของอินปู้คุยเผยความภาคภูมิใจออกมา เขายกนิ้วหัวแม่มือพร้อมบอกว่า “อาจารย์ปู่ของข้าน่ะ เลเวลสองร้อยนะ!”

“เลเวลสองร้อยน่าอวดมากเลยหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวยังปวดใจเล็กน้อย “วันนี้ตอนกลางวัน ข้าเพิ่งชี้หน้าด่า BOSS เลเวลร้อยแปดสิบที่ชื่อว่าหวงเย่าซือไป แต่เขากลับทำอะไรข้าไม่ได้”

“ขอร้อง!” อินปู้คุยเห็นเยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างลำพองใจ จึงกล่าวให้ความรู้อีกว่า “เลเวลร้อยแปดสิบกับเลเวลสองร้อย ความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้าใจไหม”

“ต่างกันมากเชียวหรือ”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” เห็นได้ชัดว่าอินปู้คุยมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสำนักอู่ตังมาก ไม่ยอมให้คนอื่นมาดูถูกอาจารย์ปู่เลย ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ “ข้าจะบอกเจ้าอย่างนี้ก็แล้วกัน”

“หวงเย่าซือเลเวลร้อยแปดสิบ นั่นก็เป็นเพราะความสามารถของเขามีเพียงเลเวลร้อยแปดสิบ อาจารย์ปู่ข้าเลเวลสองร้อย เป็นเพราะในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จำกัดเลเวลสูงสุดไว้เพียงสองร้อย”

ดังนั้น BOSS เลเวลสองร้อยก็ทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ

แต่ดูจากการที่จางซานเฟิงทำให้อินปู้คุยมาหาเยี่ยเว่ยหมิงเพื่อเรียกให้มารับภารกิจที่สำนักอู่ตังได้ ก็เหมือนจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายทำตามอำเภอใจได้จริง

ขณะกำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย อินปู้คุยก็พาเยี่ยเว่ยหมิงเดินเข้ามาในวิหารเจินอู่แล้ว

เป็นเวลากลางดึก ในวิหารเงียบสงบมาก นอกจากรูปสลักของสามมหาเทพลัทธิเต๋า ก็มีนักพรตเต๋าชราที่ดูเหมือนไม่ได้กินอาหารมนุษย์คนหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเบาะกลม

หนวดและเคราของนักพรตเฒ่าท่านนี้ล้วนเป็นสีขาว สวมชุดนักพรตเต๋าสีขาวทั้งตัวเช่นกัน แค่เขานั่งสง่าอยู่ตรงนั้นอย่างเดียว ก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนเป็นต้นไม้โบราณพันปีแล้ว ให้ความรู้สึกว่าแม้จะอยู่ท่ามกลางลมฝน แต่ข้ายังตั้งตระหง่านมั่นคง

เขาคือจางซานเฟิงหรือ

เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา นักพรตเฒ่าก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ไม่เหมือนความแก่ชราที่มองเห็นภายนอก เพราะในดวงตาทั้งคู่ของเขาสดใสเป็นพิเศษ เหมือนกับทารกแรกเกิด ไม่มีสิ่งใดเจือปน

แววตาของเขาเป็นเพียงแววตาที่เรียบง่ายธรรมดา นักพรตเฒ่าท่านนี้ได้ทิ้งภาพลักษณ์อันตราตรึงใจที่ยากจะลืมเลือนไว้ให้เยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

กลับคืนสู่ความเรียบง่าย!

คำนี้ลอยขึ้นมาในหัวของเขาโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งต่อสิ่งนี้โดยไม่สงสัยด้วย

ที่แท้ระดับปาฏิหาริย์ที่เป็นตำนานในยุทธภพก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังตกตะลึงกับท่วงท่าอันสง่างามของนักพรตเฒ่า อินปู้คุยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้ว ทำความเคารพเขาก่อน “อาจารย์ปู่ นี่ก็คือสหายของข้า เยี่ยเว่ยหมิง”

คำว่าอาจารย์ปู่ที่อินปู้คุยเรียก ได้ยืนยันฐานะของนักพรตเฒ่าท่านนี้แล้ว พร้อมกับช่วยเรียกสติเยี่ยเว่ยหมิงกลับคืนมาจากความตกตะลึง เขารีบกุมหมัดคารวะ “เยี่ยเว่ยหมิง ศิษย์สำนักมือปราบเทพ คำนับสำนักนักพรตจางอู่ตัง”

“ดี” จางซานเฟิงพยักหน้าแล้วบอกว่า “เรื่องที่ข้าไหว้วาน คาดว่าปู้คุยคงบอกเจ้าแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ข้ามคำพูดไร้สาระอ้อมค้อมไปเสียเถิด พูดถึงรางวัลของภารกิจครั้งนี้เลยแล้วกัน”

ความตรงไปตรงมาของจางซานเฟิงทำให้เยี่ยเว่ยหมิงฮึกเหิม สมกับเป็นยอดฝีมือที่ใช้ชีวิตกลับคืนสู่ความเรียบง่าย เป็นคนไม่จอมปลอม!

จางซานเฟิงยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า “ภารกิจครั้งนี้จำกัดอยู่เพียงเจ้ากับปู้คุยเท่านั้น รายละเอียดรางวัลก็คือ ค่าประสบการณ์คนละ 20000 แต้ม ค่าตบะ 5000 แต้ม บวกคัมภีร์เต๋าที่มีค่าตระหนักรู้ 1 แต้มจำนวน 1 เล่ม ข้ายังจะอ่านคัมภีร์ให้พวกเจ้าฟังหนึ่งครั้งด้วย จะเข้าใจได้มากเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับค่าตระหนักรู้ของพวกเจ้าแล้ว”

หลังจากนิ่งไปครู่เดียว ก็ถามอีกว่า “สหายน้อยพอใจกับรางวัลที่นักพรตเฒ่าผู้นี้มอบให้หรือไม่”

“รางวัลอะไรนั่นไม่สำคัญหรอกขอรับ” เยี่ยเว่ยหมิงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้น้อยนับถือในคุณธรรมเต๋าอันหนักแน่นของนักพรตจางมาตลอด หากได้ทำงานเพื่อนักพรตจาง ก็ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของผู้น้อยแล้ว!”

เมื่อได้ยินเขาพูดประจบสอพลอราวกับประกาศฉายานามตัวเอง อินปู้คุยก็รู้สึกเพียงว่าขนลุกไปทั้งตัวจนผิวกลายเป็นหนังไก่ไปแล้ว

นับถือแป๊ะเจ้าสิ!

หากเจ้านับถืออาจารย์ปู่ของข้าจริง แล้วจะใส่ร้ายป้ายสีว่าเขาเคยฝึกเคล็ดกระบี่พิชิตมารหรือ

จางซานเฟิงพยักหน้า แล้วก็ไม่เปลืองคำพูดอีก มอบหมายภารกิจทันที

[ตามหาอรหันต์เหล็ก]

ระดับภารกิจ: 5 ดาว

ตามหาอรหันต์เหล็ก สมบัติล้ำค่าที่จางซานเฟิงทำหายไป นำของสิ่งนี้กลับมาคืนเจ้าของเดิม

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ 20000 แต้ม

ค่าตบะ 5000 แต้ม

คัมภีร์เต๋า 1 เล่ม

ฟังจางซานเฟิงอ่านคัมภีร์หนึ่งครั้ง

……

“อรหันต์เหล็กนั่นวางอยู่ในห้องนอนข้ามาตลอด หากสหายน้อยต้องการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็ให้ปู้คุยพาไปได้”

หลังจากทั้งสองเอ่ยรับแล้ว ก็ถอยออกจากวิหารเจินอู่พร้อมกัน

เยี่ยเว่ยหมิงหยุดอินปู้คุยที่กำลังจะพาเขาไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วบอกว่า “ตามข้าลงเขาไปเลยก็ได้ พวกเราไปดื่มชาหาอะไรกินกันก่อน ข้ามีเรื่องบางอย่างจะถามเจ้า”

อินปู้คุยได้ยินแล้วอึ้งทันที “สถานที่นั่น…”

“ไม่ต้องดูแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าของนั่นอยู่ที่ไหน”

“ทักษะของสำนักมือปราบเทพอัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรือ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก็ได้”

“ไม่เกี่ยวกับทักษะหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าบังเอิญเห็นอรหันต์เหล็กคู่นั้นกับตาตัวเองที่ตลาดค้าของโจร แม้ข้าจะไม่มีหลักฐานชี้ตัวเจ้าหัวขโมยนั่น แต่ภารกิจของพวกเราก็แค่ต้องนำของกลับคืนมา ไม่ใช่หรือ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด