ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 83 รางวัลภารกิจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 83 รางวัลภารกิจ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 83 รางวัลภารกิจ

เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ก็กลอกตามองบนทันที

มีเพียงผู้เล่นสำนักมือปราบเทพสามคนอย่างพวกเขาที่รู้ ว่าประโยคสุดท้ายเป็นประโยคที่เฟยอวี๋เคยใช้ท้าทายเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์หลังจากพวกเขาสามคนรับภารกิจมาจากหวงโส่วจุน

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงใช้วิธีการเดียวกันกับเขามาย้อนทำร้ายเขา แต่เขากลับไม่มีทางให้โต้แย้งเลย

คัดค้านไปจะมีประโยชน์หรือ

แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์!

ครั้งนี้ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องบรรลุข้อตกลงร่วมกันด้วยซ้ำ ของนอนรอคุณอยู่ในสัมภาระของอีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายมีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จ!

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกประโยคที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดก็สมเหตุสมผล สิ่งที่โหยวโหยวทำได้ส่งผลให้ระดับความสำเร็จของภารกิจนี้เพิ่มขึ้นจริงๆ นางช่วงชิงผลประโยชน์ให้ทุกคน เยี่ยเว่ยหมิงมอบรองเท้าให้นางเป็นรางวัลก็ไม่ถือว่าทำเกินไป

ทุกคนไม่มีความเห็นต่างกับแผนการของเยี่ยเว่ยหมิง จึงเริ่มแบ่งของกันอย่างปรองดอง

ก่อนอื่นเลย เงินที่ดรอปจากอวี๋ชางไห่อยู่ในกระเป๋าเฟยอวี๋ทั้งหมด หลังจากนำออกมาแบ่งเฉลี่ยกับทุกคน ก็เริ่มประมูลขายไอเทมทีละชิ้น

สิ่งแรกที่ถูกขายไปก็คือวิทยายุทธ์ระดับกลาง ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ที่จริงหลังจากสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงตายแล้ว ของที่ดรอปได้ล้วนเป็น ‘เคล็ดกระบี่ลมสน (ไม่สมบูรณ์)’ เนื่องจากแต่ละคนขาดท่าไม้ตายสามกระบวนท่า จึงถูกระบบกำหนดให้เป็นเคล็ดกระบี่ระดับต้นเท่านั้น หลังจากซานเย่ว์ถูกฆ่าตาย ก็ลองนำเคล็ดกระบี่สี่เล่มนี้มารวมกันเอง ผลปรากฎว่าประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย ได้ตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ฉบับสมบูรณ์

ตำราลับเล่มนี้ถูกถังซานไฉ่ซื้อไปในราคาแปดสิบเหรียญทอง เด็ดขาดตรงไปตรงมา

สาเหตุที่เขาประมูลซื้อไอเทมนี้ได้อย่างราบรื่น ก็เพราะคนอื่นในทีมไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งานสิ่งนี้

เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ จะอยู่ในระดับกลางเหมือนกัน แต่ศักยภาพที่ซ่อนแฝงกลับเหนือกว่า ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ไม่รู้ตั้งเท่าไร

โดยเฉพาะประสิทธิภาพของกระบี่คู่ผนึกรวม กล่าวได้ว่าน่ากลัวจริงๆ ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยอยู่ในสถานการณ์ที่ขาดความใจตรงกัน เคล็ดวิชาไม่สมบูรณ์ ไร้ซึ่งพื้นฐานความรัก แต่ก็ยังสังหารอวี๋ชางไห่ได้ หากเติมเต็มเงื่อนไขเหล่านี้ให้สมบูรณ์ แล้วจะทำให้ฉากต่อสู้กลายเป็นอย่างไร

ไม่มีใครจินตนาการได้หรอก!

ดังนั้น ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ นี้จึงไม่มีแรงดึงดูดต่อพวกเขาสองคนเลยสักนิด

ซานเย่ว์ฝึกหมัดฝ่ามือกับอาวุธลับ ยังขาดแต้มค่าตบะอีกเยอะ กอปรกับ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ที่นางฝึกเป็นเคล็ดวิชาระดับกลางอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้โปรดปราน ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ เช่นกัน

ส่วนโหยวโหยว นางเตรียมจะฝึกหน้าไม้กับหมัดฝ่ามือ ต่อให้ไม่มีทางเลือกที่เหมาะสม แต่ก็ไม่คิดจะรับไว้แก้ขัด

ราคาแปดสิบเหรียญทองต่ำกว่าราคาตลาดของวิทยายุทธ์ระดับกลางเล็กน้อย แต่การที่คนเหล่านี้ได้ตำราลับเล่มนี้มา ส่วนหนึ่งก็เป็นผลงานของเขาเช่นกัน ไม่มีใครกล้าคิดเล็กคิดน้อยเกินไป

ขณะที่เก็บตำราลับ ถังซานไฉ่ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าฝึกอาวุธลับเป็นหลัก อยากจะหาทักษะการโจมตีระยะประชิดสักวิชามาชดเชยข้อด้อย แต่ทักษะยุทธ์ระดับต้นพวกนั้นที่เห็นตามตลาด ข้าเองก็ไม่ได้ชอบ วันนี้ได้ตำราลับ ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ต้องขอบคุณทุกคนที่หลีกทางให้ เช่นนั้นกระบี่ลมสนที่สอดคล้องกับเคล็ดวิชานี้ ข้ายินดีจะจ่ายเจ็ดสิบเหรียญทองเพื่อมัน คิดว่าทุกคนคงไม่ได้มีความเห็นแย้งอะไรหรอกใช่ไหม”

อาวุธไม่อาจเทียบกับตำราลับ ระคาจะต่ำกว่านิดหน่อย ค่าสเตตัสของกระบี่ลมสนหากกล่าวโดยภาพรวมก็พอๆ กับกระบี่ชิงจู๋ของเยี่ยเว่ยหมิง เพียงแต่ค่าสเตตัสของ ‘เคล็ดกระบี่ลมสนเลเวล +1’ ที่เพิ่มเติมมาค่อนข้างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่มีประโยชน์ต่อผู้เล่นที่ฝึกเคล็ดกระบี่ลมสน การที่ถังซานไฉ่ซื้อมาได้ในราคาเจ็ดสิบเหรียญทอง ก็นับว่ามากพอแล้ว

สำหรับสิ่งนี้ ทุกคนย่อมไม่แสดงความเห็นต่างอะไร

กระบี่ลมสนตกมาอยู่ในมือเขาแล้วเช่นกัน

จนกระทั่งตอนนี้ ถังซานไฉ่ที่ลงหลุมศพเป็นเพื่อนคนอื่นก็ได้กลายเป็นสไตล์ของเขาไปแล้ว

หลังจากได้รับชุดเซ็ทลมสนแล้ว ถังซานไฉ่ก็แสดงออกว่าตัวเองกลายเป็นคนจนเต็มตัวแล้ว เขาเลิกเข้าร่วมการประมูลซื้อของชิ้นอื่น ได้แต่นั่งรอส่วนแบ่ง

……

ประมูลขายยังดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

ตำราลับ ‘อักษรชิงเก้าโหล’ กับเมล็ดโพธิ์ที่เป็นอาวุธลับคุณภาพสีฟ้าถูกซานเย่ว์ซื้อไปในราคาหกสิบเหรียญทองและสิบเหรียญทอง

ชุดเต๋าปากว้าและ ‘บันทึกข้อความสวี่จิ้ง’ ถูกเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไปในราคาเจ็ดสิบเหรียญทองกับยี่สิบห้าเหรียญทอง สุดท้ายเขายังจ่ายห้าเหรียญทองซื้อ ‘กระบี่ลายสน’ ที่เป็นอุปกรณ์คุณภาพสีฟ้าเก็บติดตัวไปเตรียมใช้งานด้วย

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่กระบี่หลงเฉวียนถูกเซี่ยซุนชกพัง ทำให้คนที่มีเพียงทักษะเคล็ดกระบี่อย่างเขาไม่มีทางรับมือศัตรูได้ เขาก็เริ่มครุ่นคิดแล้วเช่นกันว่าจะเติมเต็มช่องโหว่ที่ตัวเองไม่เข้าใจวิชาหมัดมวยได้อย่างไร

แต่ตำราลับทักษะยุทธ์ในตลาดตอนนี้ พบเจอได้แต่ไม่อาจไขว่คว้ามาได้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่ไม่อยากซื้อทักษะยุทธ์ที่ไม่เข้าขั้นเพื่อแก้ขัดไปก่อนเท่านั้น ถึงขั้นว่าแม้แต่วิทยายุทธ์ระดับต้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแล้ว

เมื่อเทียบกันแล้ว พกกระบี่ล้ำค่าติดตัวไว้ก็ยังพึ่งพาได้มากกว่า

ส่วนกระบี่ลายสนสามเล่มที่เหลือ ทุกคนก็มอบให้ซานเย่ว์หมด นำพวกมันไปขายพร้อมกันตำราเบ็ดเตล็ดที่ชื่อ ‘เปลี่ยนหน้า’ แล้วแบ่งเงินกัน

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่ใส่ชุดเต๋าปากว้า ตอนนี้ค่าสเตตัสก็เปลี่ยนไปแล้ว…

[เยี่ยเว่ยหมิง]

เลเวล: 18

……

พลังชีวิต: 3170/3170

กำลังภายใน: 1810/1810

ความแข็งแกร่ง: 145

พละกำลัง: 145

ท่าร่าง: 191

ความว่องไว: 85

สติปัญญา: 25

ค่าตระหนักรู้: 30

……

[วิทยายุทธ์]

ข้าม

……

[อุปกรณ์]

ข้าม

……

ถึงแม้ค่าพลังชีวิตจะน้อยกว่าตอนเปลี่ยนชุดหนึ่งร้อยแต้ม แต่กำลังภายในกลับเพิ่มขึ้นหนึ่งพันแต้มเต็มๆ กอปรกับค่าป้องกันของ ‘ชุดเต๋าปากว้า’ ก็เหนือกว่าชุดเฟยอวี๋เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี ป้องกัน หรือสกิลการอยู่รอดของเยี่ยเว่ยหมิงก็ล้วนเพิ่มขึ้นเยอะมาก

เพียงแต่เมื่อใส่หมวกขุนนาง รองเท้าขุนนางกับชุดนักพรตเต๋า ก็ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร

แต่เยี่ยเว่ยหมิงเป็นคนที่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกหรือเปล่า

ใช่ เขาเป็นแบบนั้น!

เพียงแต่เมื่อเทียบกับความงามภายนอกแล้ว เขากลับสนใจค่าสเตตัสที่ใช้งานได้จริงมากกว่า

หลังจากทีมนี้แบ่งของกันเสร็จ ก็กลับไปรายงานภารกิจที่สำนักมือปราบเทพอย่างเอิกเกริก วันนี้หวงโส่วจุนกับโหยวจิ้นไม่ได้โผล่หน้ามา ผู้ที่รับหน้าที่ต้อนรับพวกเขาก็คือจ่านเจา จอมหลอกลวงที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเจอตอนเพิ่งเข้าสำนักมือปราบเทพ

เมื่อเห็นจ่านเจาที่ยิ้มรอเหมือนแมวกวัก เยี่ยเว่ยหมิงก็อดพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ว่า “วันนี้ใต้เท้าจ่านเข้าเวรอีกแล้วหรือ ก่อนหน้านี้หัวหน้าโหยวบอกว่าสำนักมือปราบเทพมีสี่มือปราบเทพไม่ใช่หรอกหรือ พวกเราเข้าสำนักมาจนป่านนี้ ทำไมเคยเห็นแค่พวกท่านสองคนเองล่ะ”

จ่านเจายังคงรักษารอยยิ้มปลอมๆ เอาไว้ “รายชื่อมือปราบอีกสองท่านยังว่างอยู่”

พูดไปพูดมา สุดท้ายที่นายกำหนดชื่อว่า ‘สี่มือปราบเทพ’ ก็แค่เพื่อให้ฟังดูดีงั้นเหรอ

ขี้คร้านจะพูดหยอกจอมหลอกลวงต่อ เยี่ยเว่ยหมิงส่งสายตาให้ซานเย่ว์กับโหยวโหยว สองสาวเข้าใจทันที โหยวโหยวจึงนำ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ออกมา แล้วหัวหน้าทีมชั่วคราวอย่างซานเย่ว์ก็ส่งให้พร้อมรายงานผลภารกิจ

“ภารกิจครั้งนี้พวกเจ้าทำสำเร็จได้ไม่เลว ลำบากพวกเจ้าแล้ว” จ่านเจานำป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาสามแผ่น แบ่งแจกให้ถังซานไฉ่ โหยวโหยวและสะพานสวรรค์น้อย

“ถือป้ายอาญาสิทธิ์นี้ไว้ แล้วพวกเจ้าก็ไปที่กองควบคุมยุทโธปกรณ์เพื่อวัดตัวและรับอุปกรณ์คุณภาพทองคำได้สองชิ้น”

“ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ เครื่องมือป้องกัน หรือเครื่องประดับก็ได้ทั้งนั้น เลือกได้ตามสบาย”

“เพียงแต่อุปกรณ์ที่กองควบคุมยุทโธปกรณ์ของราชสำนักทำขึ้นมีแต่อาวุธมีคม ไม่มีการเพิ่มค่าสเตตัสอย่างอื่น พวกเจ้าควรรู้ข้อมูลไว้ก่อนที่จะเลือก”

อุปกรณ์คุณภาพทองคำสองชิ้น!

เมื่อได้ยินจ่านเจาประกาศรางวัลภารกิจ ผู้เล่นทั้งหกก็ฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่าพร้อมกัน

โดยเฉพาะผู้เล่นสำนักมือปราบเทพอย่างเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋และซานเย่ว์ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่เพียงแค่ไร้อารมณ์อิจฉาริษยา ในใจกลับรู้สึกคึกคะนองยิ่งกว่าเพื่อนร่วมทีมนอกสำนักอีกสามคนนั้นเสียอีก

เพื่อนร่วมทีมนอกสำนักทั้งสาม จากเมื่อก่อนที่ได้อุปกรณ์คุณภาพทองคำหนึ่งชิ้นเป็นรางวัล ตอนนี้กลายเป็นได้สองชิ้นแล้ว เช่นนั้นพวกเขาสามคน…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด