ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 164 เซียวเหยาถอนใจ!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 164 เซียวเหยาถอนใจ! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 164 เซียวเหยาถอนใจ!

อันดับหนึ่งของโหมดแรงค์คือใคร

สำหรับคำถามนี้ เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะใช้เซลล์สมองของตัวเองไปครุ่นคิด เพราะในการแจ้งเตือนของระบบก็ได้บอกไว้แล้ว รายชื่อของแปดผู้ท้าชิงในโหมดแรงค์ ขอเพียงเปิดแถบภารกิจของหน้าระบบก็จะเห็นแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงเปิดดูแถบภารกิจด้วยความสงสัยและหงุดหงิดใจ เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาเจอแปดรายชื่อของ ‘การประลองยุทธ์เลือกคู่’ ที่เขาต้องการแล้ว

รายชื่อมีดังต่อไปนี้

อันดับ 1: หนึ่งดาบสามเฉือน (สำนักดาบโลหิต)

อันดับ 2: เยี่ยเว่ยหมิง (สำนักมือปราบ)

อันดับ 3: ชงจินผิ่น (สำนักคงต้ง)

อันดับ 4: ฉิวเฉวียนติ้ง (พรรคจรัส)

อันดับ 5: เสวียนเสี่ยวปี่ (สำนักอู่ตัง)

อันดับ 6: สะพานสวรรค์คริสตัล (สำนักสุสานโบราณ)

อันดับ 7: เซียวเหยาถอนใจ (พรรคกระยาจก)

อันดับ 8: เจี้ยนเฟยเต้า (สำนักคุนหลุน)

หนึ่งดาบสามเฉือน!

ที่แท้ก็เป็นนาง!

พอนึกถึงเงาร่างสีแดงที่แฉลบผ่านข้างกายตัวเองกับสะพานสวรรค์น้อยไปเมื่อวาน ก็รู้สึกว่าเหมือนจะมีเพียงน้องสาวคนนี้ที่ท่าร่างสุดสง่างามขนาดนั้น ถึงได้ทำให้ทั้งสองรู้ตัวช้าไปหน่อย

หากเปลี่ยนเป็นผู้เล่นคนอื่นที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้จัก ต่อให้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้กำลังจับตาดู แต่อีกฝ่ายก็ทำไม่ได้ถึงขั้นนี้แน่นอน!

หากคู่ต่อสู้คือนาง เช่นนั้นมูลค่าที่แท้จริงจองของการประลองยุทธ์สนามนี้ก็เพิ่มขึ้นแล้ว!

เมื่อดูคู่ต่อสู้คนอื่นในสนามอีก ก็พบว่าอันดับของสะพานสวรรค์น้อยต่ำไปหน่อย ส่วนคนคุ้นเคยอย่างจอมยุทธ์ไก่อ่อนเสวียนเสี่ยวปี่ก็นับว่าเป็นความเซอร์ไพรส์เช่นกัน

ส่วนคู่ต่อสู้คนอื่นๆ…

ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะไม่รู้จักสักคน!

ชื่อเหล่านี้เขาไม่เพียงแค่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงขั้นว่าตอนเล่นโหมดแรงค์ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นเลยสักคน

พอพูดแบบนี้ จำนวนผู้เล่นพื้นฐานที่เข้าร่วมงานประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ ก็เหมือนจะเยอะกว่าที่ตัวเองจินตนาการไว้มาก

น่าสนใจ!

และภายใต้รายชื่อ ก็เป็นตารางการแข่งรูปสี่เหลี่ยมคางหมู เรื่องรายละเอียดก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ นั่นก็คืออันดับหนึ่งสู้กับอันดับแปด อันดับสองคู่กับอันดับเจ็ด แล้วก็เรียงลงมาเรื่อยๆ

คนที่อยู่อันดับบนๆ ก็ไม่มีอะไรให้บ่น ใครใช้ให้เจ้าอยู่อันดับต่ำล่ะ

เยี่ยเว่ยหมิงมองไล่ไปเรื่อยๆ จนเจอรายชื่อของตัวเอง คู่ต่อสู้ของเขาในศึกแรกก็คือเซียวเหยาถอนใจจากพรรคกระยาจก หลังจากชนะแล้วก็ต้องสู้กับชงจินผิ่น หรือไม่ก็สะพานสวรรค์น้อย สุดท้ายก็สู้กับคนที่เหมือนกับเขา เป็นผู้ชนะอีกคนที่เอาชนะต่อสู้สามคนได้ต่อเนื่องกันถึงจะได้มาทำศึกชิงชนะเลิศกับเขา

เวลาสามนาทีผ่านไปเร็วมาก วินาทีถัดมาเยี่ยเว่ยหมิงพลันพบว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป ที่แท้ตรงจุดที่เขานั่งอยู่ก็เปลี่ยนจากพื้นสังเวียนของดันเจี้ยนก่อนหน้านี้มาเปลี่ยนนอกดันเจี้ยนแล้ว เปลี่ยนมาเป็นหนึ่งในเก้าอี้แปดตัวที่เรียงกันอยู่ข้างสังเวียน

เก้าอี้แปดตัวนี้ถูกจัดไว้ติดผนังอีกด้านหนึ่งของสังเวียน ทำให้กลุ่มคนที่มาล้อมดูด้านนอกถูกกั้นออกด้วยสังเวียนนี้ และบนผนังด้านหลังเก้าอี้ทุกตัวก็แขวนป้ายหมายเลขตัวใหญ่เอาไว้

สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกกลุ้มใจ ก็คือบนป้ายหมายเลขที่อยู่ข้างหลังเขาเขียนอักษรคำว่า ‘สอง’ อันนุ่มนวลทว่าแข็งแกร่งเอาไว้ มันดึงดูดสายตาคนเป็นพิเศษ!

หันมองซ้ายมองขวา เยี่ยเว่ยหมิงถือโอกาสสังเกตผู้ท้าชิงคนอื่นๆ ในบรรดาแปดคนด้วย

ในจำนวนนั้น จอมยุทธ์ไก่อ่อนเสวียนเสี่ยวปี่พยักหน้าพลางอมยิ้มให้เขา นับว่าเป็นการทักทายแล้ว สะพานสวรรค์น้อยขยิบตาให้เขาเช่นกัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ย่อมมีสีหน้าเย็นชา ทุกคนต่างก็ไม่รู้จักกัน ทำเหมือนไม่เห็นก็พอแล้ว

พอหันกลับไปอีกครั้ง กลับพบว่าหนึ่งดาบสามเฉือนที่อยู่อีกด้าน พอเห็นเขาแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ นางเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อนว่า “ทำไมไปไหนก็เจอแต่เจ้าหมอนี่”

เยี่ยเว่ยหมิงพอได้ยินดังนั้นก็ตอบด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “ขอร้องล่ะ! สองครั้งก่อนเจ้าเป็นฝ่ายมาหาข้าเองชัดๆ ไม่ใช่หรอกหรือ”

“แต่ครั้งนี้ข้าไม่อยากเจอเจ้าที่นี่จริงๆ เฮ้อ…” ขณะที่พูด สาวน้อยชุดแดงผู้น่ารักซุกซนคนนี้ก็ยังส่ายหน้าไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าวันนี้นางไม่ได้สนใจจะท้าสู้เยี่ยเว่ยหมิงจริงๆ

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงจู่ๆ ก็บอกว่า “จะว่าไปแล้ว สังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่อะไรนี่ ผู้เล่นที่เข้าร่วมประลองมีค่าตัวสูงมากไม่ใช่หรือ สะพานสวรรค์น้อยถือว่ามีความสามารถไม่เลวเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะได้แค่อันดับหกเท่านั้น”

หนึ่งดาบสามเฉือนได้ยินแล้วกลับส่ายหน้า “นี่เป็นปัญหาของกติกาการแข่งขัน ไม่อาจแสดงความสามารถที่แท้จริงของผู้ท้าชิงแต่ละคนได้โดยตรง”

“เพราะอะไร”

หนึ่งดาบสามเฉือนไม่ได้ตอบ เพราะตั้งแต่มู่อี้ประกาศว่าเริ่มการแข่งรอบน็อกเอาต์สนามแรก นางก็ถูกส่งจากเก้าอี้ออกไปอยู่กลางสังเวียนแล้ว ไปยืนคุมเชิงอยู่กับเจี้ยนเฟยเต้าที่อยู่อันดับแปด เข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว

เป๊ง!

หลังจากมู่เนี่ยนฉือเคาะเสียงฆ้องเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้เริ่มขึ้น ดาบและกระบี่ในมือของทั้งสองก็ออกจากฝักพร้อมกัน จากนั้นก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

เมื่อเห็นหนึ่งดาบสามเฉือนปลดดปล่อยความสามารถเต็มที่ตอนต่อสู้อีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบรู้สึกนับถือในการเคลื่อนไหวของนางเงียบๆ อย่างอดไม่ได้

ตอนที่สู้กับเยี่ยเว่ยหมิง เนื่องจากน้องสาวคนนี้กลัววิชาสละตนโจมตีของเขา เวลานางต่อสู้จึงไม่ทำเต็มที่ แต่ตอนนี้อยู่บนสังเวียน นางกลับแสดงลักษณะก้าวร้าวเผด็จการของสตรีแกร่งเหนือบุรุษออกมาหมด!

เป็นเคล็ดดาบตระกูลหูเช่นเดียวกัน แต่ยามแสดงทักษะนี้จากมือของนาง กลับแตกต่างกับเฟยอวี๋ไม่ใช่แค่ระดับเดียว

ใช้เพียงกระบวนท่าแรก กระบี่วิเศษในมือนางก็ฟันจนเคล็ดกระบี่ที่เดิมทีใช้ได้อย่างราบรื่นของเจี้ยนเฟยเต้าพลังทลายแล้ว

กระบวนท่าที่สอง ทำร้ายศัตรู

กระบวนท่าที่สาม เฉือนสังหาร!

เพียงสามกระบวนท่า การประลองสนามแรกก็จบลงแล้ว เนื่องจากตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในแผนที่ดันเจี้ยนอีกต่อไป กลุ่มคนมุงและผู้เล่นที่มาดูเอาสนุกอยู่ด้านล่างล้วนได้เห็นการแสดงออกอันยอดเยี่ยมของนาง หลังจากได้เห็นศักยภาพอันแข็งแกร่งของนางแล้ว ก็ส่งเสียงปรบมือและเสียงตะโกนให้กำลังใจนางอย่างไม่ตระหนี่เลยแม้แต่น้อย

หลังจากการต่อสู้จบลง เจี้ยนเฟยเต้าที่เป็นผู้แพ้ก็ถูกส่งลงมาอยู่ด้านล่างสังเวียนโดยตรง ส่วนหนึ่งดาบสามเฉือนก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้หมายเลขหนึ่งที่เขียนตัวอักษร ‘ฟ้า’ อีกครั้ง นางหันกลับมาถามเยี่ยเว่ยหมิงว่า “เมื่อครู่เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบ เพราะรอบถัดไปเป็นเขาที่ต้องขึ้นไปต่อสู้

ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเยี่ยเว่ยหมิง เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาสดใสที่สวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมสีน้ำเงิน ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือการแต่งกาย ก็ล้วนคู่ควรกับคำว่าเหมาะเจาะสง่างาม หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิง ก็กุมหมัดคารวะอย่างไม่เสียมารยาท “เซียวเหยาถอนใจจากพรรคกระยาจก ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

หลังจากมองประเมินอีกฝ่ายศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดกึ่งหยอกล้อว่า “ดูจากท่าทางของเจ้า ไม่เหมือนศิษย์พรรคกระยาจกนะ”

เซียวเหยาถอนใจยิ้มเรียบๆ พร้อมกล่าวว่า “ข้าเป็นพวกแต่งกายสะอาดของพรรคกระยาจก หรือพูดได้อีกอย่างว่าสวมเสื้อผ้าที่ดูดีได้ แต่งกายให้งดงามได้”

เป๊ง!

ขณะที่พูด มู่เนี่ยนฉือก็ตีฆ้องทองแดงแล้ว เป็นสัญญาณว่าการต่อสู้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!

ในเมื่อเริ่มต่อสู้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ขี้คร้านจะเปลืองคำพูดอีก ชักกระบี่อาญาสิทธิ์ของเขาออกมาเสียเลย เริ่มโจมตีไปยังคอหอยของอีกฝ่ายด้วยท่าพเนจรสุดขอบฟ้า

ท่วายามเผชิญหน้ากับเคล็ดกระบี่อันดุดันของเยี่ยเว่ยหมิง เซียวเหยาถอนใจกลับก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยความเร็วปกติ หลังจากใช้มือขวาวาดเป็นวงแล้วก็ดันฝ่ามือออกมาหนึ่งครั้ง

“กรรร!…” เมื่อโจมตีออกมาหนึ่งฝ่ามือ ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดอันทรงพลังน่าตกใจ ขณะที่เสียงคำรามดังขึ้น บนพลังฝ่ามือก็ราวกับมีเงามายารูปมังกรกระโจนเข้ามาตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง!

แม่งเอ๊ย…นี่มันตัวอะไรกัน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด