ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 84 พวกเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองไหม

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 84 พวกเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองไหม อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 84 พวกเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองไหม

ขณะที่กำลังตกตะลึง ผู้เล่นอีกห้าคนที่เหลือของทีมสำนักมือปราบเทพก็มองไปทางโหยวโหยวอย่างซาบซึ้งใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

ไม่ต้องถามเลย สาเหตุที่มีรางวัลอุปกรณ์คุณภาพทองคำเพิ่มมาอีกชิ้น จะต้องเป็นเพราะความดีความชอบของจีวรล้ำค่าชุดนั้นแน่ๆ!

พอเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยเว่ยหมิงพยายามช่วงชิงรางวัลพิเศษที่เป็นรองเท้าคุณภาพสีฟ้าให้นางก็ไม่ถือว่าเกินไปเลยสักนิด แต่กลับน้อยเกินไปด้วยซ้ำ!

หากไม่ใช่เพราะโหยวโหยวไม่ถูกยั่วยวนโดยรางวัลที่ดรอปได้จาก BOSS เลเวลสี่สิบ จนยืนหยัดทำภารกิจให้สำเร็จก่อน เกรงว่ารางวัลที่ทุกคนได้รับแม้จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้ถึงขั้นนี้หรอก

อย่างมากก็มีเพียงค่าประสบการณ์กับค่าตบะของรางวัลภารกิจที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

ก็เหมือนกับที่เยี่ยเว่ยหมิงทำภารกิจสำเร็จเกินเป้าหมายหลายครั้งก่อนหน้านี้ รางวัลที่เพิ่มขึ้นก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน

พอมาดูตอนนี้ ไม่ใช่เพราะไอเทมสำคัญในรางวัลภารกิจป้องกันหรือเพิ่มระดับไมได้ เพียงแต่ขอบเขตการเพิ่มยังไม่มากพอก็เท่านั้นเอง

มองออกเลยว่าจ่านเจามีเจตนาจะส่งแขก ผู้เล่นสามคนนอกสำนักที่มาช่วยเหลือเป็นฝ่ายบอกลาพวกเยี่ยเว่ยหมิงอย่างรู้กาลเทศะ จากนั้นก็ออกจากสำนักมือปราบเทพไปพร้อมรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจ

ไม่ต้องบอกก็รู้เช่นกันว่าผู้เล่นเหล่านี้จะต้องถือป้ายอาญาสิทธิ์พุ่งตรงไปแลกอุปกรณ์ที่กองควบคุมยุทโธปกรณ์ในทันทีแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงส่งพิกัดกองควบคุมยุทโธปกรณ์ให้ทั้งสามคนอย่างใส่ใจมาก จากนั้นก็หันมาบอกจ่านเจาอีกว่า “ตอนนี้ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว คนนอกก็ไปหมดแล้วเช่นกัน หรือว่ารางวัลของพวกเราสามคนจะ…”

จ่านเจากะพริบตาปริบๆ ถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “จะอะไร”

เยี่ยเว่ยหมิงราวกับมีเส้นดำๆ ขีดเต็มใบหน้า “หัวหน้ามือปราบจ่าน ท่านเป็นอย่างนี้ก็ไม่สนุกแล้วน่ะสิ ข้าอุตส่าห์พยายามบอกใบ้ ถึงขั้นแสดงออกชัดเจนด้วย ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะแสร้งเลอะเลือน นี่ข้ากำลังมาขอรางวัลภารกิจจากท่านอยู่นะ! เข้าใจหรือเปล่า”

บทสนทนาของทั้งสองทำให้เฟยอวี๋กับซานเย่ว์กลอกตามองบน บทสนทนาระหว่างพวกเจ้ามันคลุมเครือจริงๆ มารดาเจ้าเถอะ!

“อันนี้คือไม่มีจริงๆ” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงพูดชัดเจนแล้ว จ่านเจากลับแบมือยักไหล่ “ข้าไม่ได้มีหน้าที่แจกรางวัลภารกิจให้พวกเจ้า พวกเจ้าไปหาพี่ใหญ่โหยวจิ้นที่หอหน้ากากเหล็กสิ หวงโส่วจุนวางรางวัลภารกิจของพวกเจ้าไว้กับเขาที่นั่นแล้ว”

“เข้าใจแล้ว!”

……

หอหน้ากากเหล็ก เห็นชื่อก็รู้เลยว่าเป็นห้องทำงานของโหยวจิ้นหน้ากากเหล็ก หนึ่งในสี่ (สอง) มหามือปราบเทพของสำนักมือปราบเทพ เป็นห้องปีกข้างห้องหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตลานบ้านด้านหลัง

หลังจากทั้งสามบอกลาจ่านเจาแล้ว ขณะที่เดินไปทางหอหน้ากากเหล็ก ก็เริ่มสทนากันในช่องทีม

[ภารกิจที่พวกเขาสามคนมาช่วย รางวัลหลักเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าแล้ว พวเจ้าลองเดาสิว่ารางวัลภารกิจครั้งนี้ของพวกเราเพิ่มขึ้นเท่าไร] เฟยอวี๋

ซานเย่ว์ [(๑•̀ㅂ•́)و✧ หึหึ ข้ารู้สึกว่าสถานการณ์ของพวกเราก็ไม่ต่างกันเท่าไรนะ หวงโส่วจุนเห็นพวกเราตรากตรำสร้างผลงาน ไม่แน่ว่านอกจาก ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ แล้ว อาจจะมีเคล็ดวิชาอื่นๆ มอบให้พวกเราเป็นพิเศษก็ได้นะ! อย่างเช่น ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ อะไรทำนองนั้น]

แม้จะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ฟังจากที่คนรอบข้างเล่าต่อกันมา แม่นางน้อยคนนี้ใฝ่หาประสิทธิภาพอันแข็งแกร่งของ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ มาก

ตอนนี้หากนำวิทยายุทธ์ระดับสูงสักวิชากับ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ มาให้นางเลือก นางต้องเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเลแน่นอน

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนา

เขาไม่ใช่คนตื้นเขิน ไม่ได้ชอบโหวกเหวกโวยวายหลังจากได้ทำผลงาน

ในฐานะผู้ชายประเภทภายนอกสุขุมภายในเร่าร้อนคนหนึ่ง เขาชอบวิธีการทำตัวสงบเสงี่ยม ชอบแสร้งทำตัวคูลๆ ที่สุด

โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ ยิ่งเขาแสดงออกว่าสงบเสงี่ยม ก็ยิ่งดูแนบเนียบยิ่งขึ้น

อย่างน้อยตัวเขาเองก็คิดอย่างนี้

เขตลานด้านหลังของสำนักมือปราบเทพไม่ได้ใหญ่มาก ขณะที่ใช้เวลาพูดคุยกัน พวกเขาก็เดินมาถึงห้องทำงานของโหยวจิ้นแล้ว

“หัวหน้าโหยว พวกเราสามคนทำภารกิจสืบหาตัวผู้ร้ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสำนักคุ้มภัยฝูเวยสำเร็จแล้ว ประหารผู้บงการอยู่เบื้องหลังอย่างอวี๋ชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิง แล้วก็โหวเหรินอิง หงเหรินสยง อวี๋เหรินหาว หลัวเหรินเจี๋ยไปแล้ว

นอกจากนี้ พวกเรายังนำตัวหลินผิงจือตัวต้นเหตุของคดีนี้กลับมาดำเนินคดีด้วย ตอนนี้ถูกขังอยู่ในคุกใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ

ครั้งนี้ตั้งใจมารายงานผลภารกิจต่อหัวหน้าโหยวโดยเฉพาะ!”

ผู้ที่พูดก็คือเฟยอวี๋ ศิษย์พี่รองของสำนักมือปราบเทพ คำพูดพวกนี้เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงแอบชี้แนะซานเย่ว์ไว้แล้ว แต่เผลอประเดี๋ยวเดียวก็ถูกเจ้าคนชอบแย่งซีนชิงพูดก่อนแล้ว

พอเฟยอวี๋พูดจบ ทั้งสามก็เริ่มเฝ้ารอรางวัลภารกิจของตัวเอง

จินตนาการของซานเย่ว์ก่อนหน้านี้ แม้จะยึดเอาความคิดของตัวเองเกินไป แต่พวกเขากลับคิดว่าเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลที่สุด ถึงขั้นว่าแม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็คิดอย่างนี้ด้วยเช่นกัน

โหยวจิ้นได้ยินแล้วกวาดสายตามองบนตัวทั้งสาม ทุกครั้งที่กวาดมองหนึ่งคน ก็จะพยักหน้าพร้อมเรียกชื่อพวกเขา “เยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ ซานเย่ว์ พวกเจ้าสามคน…”

พอพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่เดิมทีเงียบสงบก็พลันฉายแววดุดัน “พวกเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองไหม”

คำพูดของโหยวจิ้น โจมตีจนสามคนที่เตรียมจะรับคำชมจนลนลานทำอะไรไม่ถูก

เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เลยชิงพูดก่อนอีกสองคน “หัวหน้าโหยว การเดินทางของพวกเราครั้งนี้ให้ความสำคัญกับภารกิจเหนือสิ่งอื่นใด ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ในระหว่างนั้นอาจมีบางจุดที่พิจารณาไม่รอบด้าน แต่พวกเราก็ทำสุดความสามารถแล้ว หากมีจุดไหนที่ไม่รอบคอบ หวังว่าหัวหน้าโหยวจะชี้แนะ”

ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ซับซ้อน เพราะรางวัลภารกิจอยู่ในมือของอีกฝ่าย ในเวลานี้ย่อมบ่นอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าจะบ่นก็ต้องรอให้หลอกเอารางวัลภารกิจมาไว้ในมือให้ได้ก่อน

แน่นอน จะยอมรับผิดซี้ซั้วไม่ได้เช่นกัน ทำอย่างนั้นไม่ต่างอะไรกับการรับสารภาพอย่างง่ายดาย

แม้เขาจะเดาได้บ้างแล้วว่าเรื่องผิดที่โหยวจิ้นเอ่ยถึงคือเรื่องอะไร แต่ก็ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาก่อน ถึงจะแก้ตัวได้สะดวก

โหยวจิ้นได้ยินแล้วทำเสียงฮึดฮัด “ในฐานะมือปราบของสำนักมือปราบเทพ ตอนพวกเจ้าอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจ ไม่น่าเชื่อว่าจะสนใจแต่ฆ่ามอนสเตอร์ชิงอุปกรณ์ ไม่สนใจพยานบุคคลและผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ พวกเจ้ายังกล้าบอกอีกไหมว่าตัวเองไม่ผิด”

“ที่แท้หัวหน้าโหยวก็หมายถึงเรื่องนี้นี่เอง”

ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ทำท่าเหมือนโล่งอก แล้วอธิบายว่า “ที่จริงเรื่องนี้พวกเราเจรจากันส่วนตัวได้ ตอนนั้นสาเหตุหลักก็คือศัตรู สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงถูกประหารชีวิตแล้ว อวี๋ชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิงบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนี กอปรกับพวกเราคุ้มกันสามพ่อแม่ลูกของตระกูลหลินไปถึงจุดที่อยู่ห่างจากสำนักคุ้มภัยทงเทียนไม่ไกลแล้ว ถือว่าแก้ไขวิกฤติได้แล้ว

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปล่อยเสือเข้าป่า พวกเราถึงได้รวมตัวกันเพื่อความได้เปรียบด้านกำลังคน แล้วไล่ตามสังหารอวี๋ชางไห่ไป จึงเหลือแค่โหยวโหยวที่คุ้มกันสามคนนั้นเข้าสำนักคุ้มภัยทงเทียนแล้วจัดการธุระในส่วนหลัง”

เมื่อได้ฟังเยี่ยเว่ยหมิงตอบคำถามอย่างสุขุมเยือกเย็น เฟยอวี๋และซานเย่ว์ที่อยู่ข้างหลังก็แอบกดไลก์ในช่องทีม ส่งสติ๊กเกอร์ให้เขาแล้ว

ซานเย่ว์ [ヽ(✿゚▽゚)ノ]

เฟยอวี๋ [(๑•̀ㅂ•́)و✧’]

ซานเย่ว์ [(づ ̄3 ̄)づ╭❤~]

เฟยอวี๋ [=====( ̄▽ ̄*)b]

เฟยอวี๋ [()~( ̄▽ ̄)~*]

ที่จริงโหยวจิ้นก็พูดไม่ผิดเลยสักนิด พวกเขาสนใจแต่ฆ่า BOSS แย่งชิงอุปกรณ์ ถึงขั้นว่าหลังจากโหยวโหยวได้รับรางวัลเป็น ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ มาแล้ว พวกเขายังมาปรึกษากันอีกเช่นกัน เมื่อรู้สึกว่าทำอย่างไรแล้วได้ประโยชน์มากกว่า พวกเขาถึงค่อยตัดสินใจส่งมันขึ้นมาให้กับสำนัก

แต่พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงอธิบายเช่นนี้ ทุกอย่างจึงกลายเป็นว่า พวกเขาปรับเปลี่ยนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จดียิ่งขึ้น

ทั้งยังฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ช่างมีปัญญาเลิศล้ำจริงๆ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด