ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 68 สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 68 สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 68 สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง

[โหวเหรินอิง]

หนึ่งในสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง มีชื่อเสียงและความสามารถไม่ธรรมดาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันในยุทธภพ

เลเวล: 25

พลังชีวิต: 7000/7000

กำลังภายใน: 3500/3500

……

[หงเหรินสยง]

หนึ่งในสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง…

……

[อวี๋เหรินหาว]

เหมือนกับด้านบน

……

[หลัวเหรินเจี๋ย]

เหมือนกับด้านบน

……

สี่คนนี้ดูแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นการรวมกลุ่มกลุ่มหนึ่ง ทั้งยังเป็นกลุ่มระดับต่ำมากด้วย

หากจะตีเนียนรวมกลุ่มให้ได้จริงๆ ก็จะต้องมีจุดร่วมและปัจจัยสำคัญสองอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นสี่ผู้คุมกฎของพรรคจรัส จุดร่วมของพวกเขาก็คือทักษะยุทธ์อันแข็งแกร่ง แต่นิสัย รูปลักษณ์ภายนอกและจุดเด่นต่างๆ กลับแตกต่างกัน นี่สิถึงจะเรียกว่าการรวมกลุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

แต่ให้แย่กว่านั้นหน่อย ต่อให้เป็นเก๋ออ๋างโส่วกับจีไหลเหย่ก่อนหน้านี้ ก็มีจุดเด่นของตัวเองชัดเจนเช่นกัน แม้จุดเด่นของพวกเขาจะไม่น่าสรรเสริญเท่าไรนักก็ตาม

แต่สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงนี่ไม่ไหวเลย พวกเขามีชื่อที่คล้ายกัน รูปร่างคล้ายกัน ความสูงใกล้เคียงกัน เครื่องแต่งกายเหมือนกันทุกอย่าง กระบี่ที่พกยังเหมือนกันโดยสมบูรณ์…ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมีค่าสเตตัสเหมือนกันทุกอย่าง!

ตัวละครที่แม้แต่ผู้ออกแบบเกมก็ยังขี้เกียจจะสิ้นเปลืองพลังความคิดไปกับมัน โดยทั่วไปพอจะตีเนียนใส่เครื่องหมาย ‘=’ ไว้หน้าคำว่า ‘ตัวแทงค์’ ให้พวกเขาได้เลย

เพียงแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ประมาทศัตรู กลับเตือนคนอื่นๆ ในช่องทีมว่า [ชื่อของสี่คนฝ่ายตรงข้ามคล้ายกันมาก ค่าสเตตัสก็เหมือนกันทุกอย่างอีก เกรงว่าระหว่างพวกเขาคงร่วมรบอย่างรู้ใจกันที่สุด ถึงขั้นมีสกิลโจมตีร่วมประเภทค่ายกลด้วยหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ เวลากระชั้นชิด พวกเราเสี่ยงอันตรายไม่ได้ ข้าแนะนำให้ทุกคนแยกกันกำจัด!]

[ไม่มีปัญหา!] ×5

“ดี!” หลังจากได้รับคำตอบที่แน่นอนจากทุกคนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวทันทีว่า “โหวเหรินอิงเดี๋ยวข้าจัดการเอง สะพานสวรรค์น้อยกับโหยวโหยวรับมือกับหงเหรินสยง อวี๋เหรินหาวส่งให้สหายถังกับซานเย่ว์ เฟยอวี๋ วิชาดาบของเจ้าได้ทั้งโจมตีและป้องกัน น่าจะถ่วงเวลาหลัวเหรินเจี๋ยได้สักพักหนึ่ง มีแต่ต้องรบกวนคนมีความสามารถเช่นเจ้าแล้ว หากต้านให้ได้สักพัก ทางฝั่งพวกเราก็จะรีบสู้ให้เร็วที่สุด แล้วรีบไปสนับสนุนเจ้า”

เมื่อฟังการแจกจ่ายงานของเยี่ยเว่ยหมิงจบ เฟยอวี๋ก็อยากจะบอกมากว่าที่จริงข้าก็อยากเป็นสายซัพพอร์ตที่คอยยิงปิ้วๆๆๆ อยู่ข้างหลังเหมือนกัน

แต่เมื่อเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงเลือกคู่ต่อสู้มาหนึ่งคนเพื่อสู้กันตัวต่อตัว สหายเฟยอวี๋ที่ชอบแข่งขันกับเขาก็ย่อมไม่ยอมแสดงความอ่อนแออยู่แล้ว กล่าวทิ้งท้ายว่า “ใครจะช่วยสนับสนุนใครมันก็ไม่แน่หรอก!” แล้วก็แกว่งดาบโจมตีไปทางหลัวเหรินเจี๋ยทันที

ในขณะเดียวกันนี้เอง อีกห้าคนที่เหลือก็ตอบสนองเร็วเช่นกัน ยังไม่ทันรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดตามบท ก็ต่างคนต่างถืออาวุธโจมตีไปคู่ต่อสู้ที่เยี่ยเว่ยหมิงแบ่งให้พวกเขาแล้ว

อันที่จริง สำหรับผู้เล่นในปัจจุบันนี้ ถ้าอยากจะรับมือกับ BOSS เลเวลยี่สิบห้าก็ยังค่อนข้างเปลืองแรงมาก ต่อให้ทีมเล็กของสำนักมือปราบเทพจะเป็นยอดฝีมือทั้งหมด แต่เมื่อรับมือกับศัตรูแบบนี้ก็ไม่ทำให้ได้เปรียบกว่าสักเท่าไร

โหยวโหยว สะพานสวรรค์น้อย ซานเย่ว์ ถังซานไฉ่ เนื่องจากสู้แบบสองรุมหนึ่ง ก็ถือว่ายังคุมสถานการณ์อยู่

แต่สถานการณ์ของเฟยอวี๋ไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

ในสถานการณ์ที่สู้กันตัวต่อตัว ผู้เล่นคนหนึ่งที่เลเวลสิบกว่า เมื่อสู้กับ BOSS เลเวลยี่สิบห้า โดยส่วนใหญ่ก็จะถูกอีกฝ่ายกดไว้ทุกทาง ขื่นขมจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว หากไม่ใช่เพราะวิชาดาบที่พวกเขาฝึกมามีกระบวนท่ายอดเยี่ยม เกรงว่าอาจจะยืนหยัดไม่ถึงตอนที่คนอื่นจัดการคู่ต่อสู้เสร็จจริงๆ ก็ได้

เฟยอวี๋แอบชำเลืองฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงปราดหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าสถานการณ์จะตรงกันข้ามกับเขา!

เผชิญหน้ากับ BOSS เลเวลยี่สิบห้าเหมือนกัน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับอาศัย ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นจากเนื้อหมาป่าย่าง ด้วยความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ด้านค่าสเตตัส หลังจากเขาปล่อยพลังทำลายล้างของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เต็มที่ ก็ยิ่งยืนอยู่ในฝ่ายได้เปรียบได้มั่นคงกว่าเดิม

เมื่อได้เห็นฉากนี้ เฟยอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกกดดันเหมือนโดนภูเขาทับ

เป็นอย่างที่คาดไว้ นี่ทักษะยุทธ์ของอีกฝ่ายทิ้งห่างจากตัวเองไปเกินครึ่งแล้วหรือ

ความคิดนี้แวบผ่านเข้ามาในหัวเพียงประเดี๋ยวเดียว เฟยอวี๋ก็รวบรวมสมาธิรับมือกับศัตรูแข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าทันที

ที่จริงแล้ว ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงเรียนมาไม่ได้เยี่ยมยอดกว่า ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ในด้านกระบวนท่าเลย อีกทั้งความแตกต่างก็ไม่ใช่น้อยๆ หากตัดสินตามระดับวิชาที่ระบบแบ่งให้ วิชาหนึ่งคือระดับ ‘ไม่เข้าขั้น’ ส่วนอีกวิชาคือ ‘ระดับกลาง’ ระหว่างสองวิชานี้ยังมี ‘ระดับต้น’ คั่นอยู่อีก จะบอกว่าแตกต่างไม่มากก็ไม่ได้

ไม่ว่าจะมองจากโบนัสสเตตัสของเคล็ดกระบี่สองแขนงนี้ หรือระดับความยอดเยี่ยมด้านกระบวนท่า ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ก็เทียบ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ไม่ติดเลย

แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเลเวลสูงกว่า!

เขาเพิ่งฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เพิ่งได้มาถึงเลเวลสามอยู่เลย หากเทียบกับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เลเวลเก้า ไม่ว่าจะเป็นระดับความชำนาญของกระบวนท่าหรือโบนัสเตตัส ก็ยังห่างชั้นกันไม่ใช่น้อยๆ ตอนเจอกับศัตรูที่เก่งกาจ แน่นอนว่าใช้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่เลเวลสูงกว่าก็ย่อมทำให้คนวางใจได้มากกว่าอยู่สักหน่อย

หลังจากประมือกันไปสิบกว่ายก ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็คว้าโอกาสได้ กวาดกระบี่ไปตรงใต้ซี่โครงด้านซ้ายของโหวเหรินอิง

-836!

ถูกพิษ!

ภายใต้กระบี่เดียว ค่าพลังชีวิตหนึ่งในสิบของ BOSS ก็หายไปในชั่วพริบตาเดียวแล้ว!

แต่นี่ก็ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญมากจากลักษณะพิเศษของกระบี่ชิงจู๋ ทำให้โหวเหรินอิงติดสถานะถูกพิษแล้ว

ต้องทราบไว้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ การถูกพิษไม่ใช่แค่การโดนหักค่าพลังชีวิตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังทำให้ค่าสเตตัสอ่อนแอลงด้วย ในรายที่รุนแรงอาจถึงขั้นติดสถานะหมดแรง หรือวิงเวียนได้ โรมรันต่อสู้ต่อลำบากมาก

โหวเหรินอิงในตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ หลังจากโดนพิษแล้ว สเตตัสอื่นๆ ก็ถูกหักประมาณห้าเปอร์เซ็นต์ เขาที่เดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็ย่อมย่ำแย่กว่าเดิม หลังจากผ่านไปสามกระบวนท่า ขาซ้ายก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่า ‘เขี่ยหญ้าหางู’ ฟันจนบาดเจ็บอีก ทำให้เกิดผลเส้นเอ็นขาด ความสามารถในการเคลื่อนไหวแทบจะหายหมด

เมื่อขาดความสามารถในการเคลื่อนไหว ผลกระทบที่ได้รับก็ไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวช้าลงเท่านั้น ถึงขั้นว่าแม้แต่การเปลี่ยนแปลงท่วงท่าและการก้าวเดินในระหว่างการต่อสู้ก็ได้รับผลกระทบมากสุดๆ ด้วยเช่นกัน!

หลังจากโจมตีครั้งเดียวสำเร็จ เยี่ยเว่ยหมิงพลันก้าวออกไปในแนวเฉียง แสดงประสิทธิภาพสูงสุดของท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกออกมา ลอดผ่านด้านซ้ายของโหวเหรินอิงไปอยู่ด้านหลังในรวดเดียว

สัญชาตญาณทำให้โหวเหรินอิงอยากจะหันตัวมารับมือกับศัตรู แต่เนื่องจากขาได้รับบาดเจ็บจึงก้าวเท้าช้าลงครึ่งก้าว ถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าไซซีกุมดวงใจแทงบนจุดจื้อสือเสวียข้างซ้ายแล้ว

-915!

“อ๋า อู๊ว!”

จุดจื้อสือเสวียนี้เป็นหนึ่งในเส้นประสาทควบคุมการหัวเราะของร่างกายมนุษย์ เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรง โหวเหรินอิงก็ส่งเสียงร้องประหลาดสุดๆ ออกมาทันที เหมือนเสียงหมาป่าหอน เหมือนเสียงนกคร่ำครวญ เหมือนเสียงจิ้งจอกคำราม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเสียงโลมาอยู่บางส่วน เสียงขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีคำไหนจะบรรยายได้

เสียงร้องประหลาดเช่นนี้ ทำให้คนอื่นที่ต่อสู้อยู่ตามจุดต่างๆ ตกใจทันที พากันมองไปทางเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาประหลาด ราวกับกำลังถามเขาว่า เขาทำเรื่องโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมอะไรกับ BOSS คนนี้กันแน่

จากนั้นพวกเขาก็ต่างคนต่างหันกลับไป ต่อสู้ของตัวเองต่อไป

นี่ถือเป็นการเผือกเรื่องชาวบ้านที่ค่อนข้างมีสติสัมปชัญญะสินะ

เสียงร้องนี้ของโหวเหรินอิง ทำให้กำลังภายในที่เดิมทีก่อตัวขึ้นมาแล้วกระจายตัวทันที เมื่อพลังรั่วไหล ทั้งข้างบนข้างล่างรอบตัวก็กลายเป็นช่องโหว่มากมายทันที กระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะแทงไปตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น

ใช้ท่าไซซีกุมดวงใจโจมตีต่อมฮาของศัตรู ทำให้ทักษะยุทธ์ไร้กำลัง

ท่านี้จะเรียกว่า…ไซซีกุมต่อมฮาได้หรือเปล่า?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด