ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 89 อรหันต์เหล็ก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 89 อรหันต์เหล็ก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 89 อรหันต์เหล็ก

มือกระบี่เฟิงเหลยปากก็บอกว่า ‘มอบของขวัญล้ำค่า’ แน่นอนว่าไม่ได้มาเพื่อรีเฟรชค่าความรู้สึกดีของ NPC อยู่แล้ว แต่มาเพื่อทำภารกิจซ้ำ

จากข่าวกรองที่ซานเย่ว์ให้เขามา ลู่ติ่งกงท่านนี้ชอบสะสมของล้ำค่าหายากใหม่ๆ ของบางอย่างที่ผู้เล่นจำนวนมากได้มาระหว่างทำภารกิจหรือฆ่ามอนสเตอร์ แล้วไม่รู้รายละเอียดว่าใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ก็นำมาแลกเป็นตำลึงเงินกับเขาได้

แน่นอนว่าของจะมีมูลค่าหรือไม่ ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบล่วงหน้า

ขอเพียงสิ่งของเหล่านั้นผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นจาก NPC ที่รับหน้าที่ตรวจสอบอยู่ตามโรงเตี๊ยมใหญ่ต่างๆ ของเมืองหลวง ผู้เล่นก็นำมาแลกเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยตรงนั้นได้เลย มีเพียงของที่มูลค่าสูงในระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะได้รับการแนะนำให้ไปแลกเปลี่ยนซื้อขายกับลู่ติ่งกงต่อหน้า

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ “ที่จริงข้ามาเพื่อทำภารกิจ”

เมื่อได้ยินดังนั้น วั่งเหยียนที่อยู่อีกด้านกลับพูดต่อจากเขา “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าพูดอย่างนี้เสียมารยาทหรือไม่ แต่ข้าก็ยังต้องเตือนสหายเยี่ยหวยสักหน่อยว่าประตูใหญ่ของจวนลู่ติ่งกงไม่ได้เดินเข้าไปได้ง่ายๆ ก่อนหน้านี้สหายหลายคนของข้าอยากจะเข้าไปทำภารกิจที่จวนลู่ติ่งกง แต่ก็ถูกขัดขวางไว้เพราะไม่มีใครแนะนำ”

มือกระบี่เฟิงเหลยได้ยินแล้วรู้สึกทันทีว่าความรู้สึกที่อยู่ในน้ำเสียงนี้ฟังดูไม่ปกติ จึงเตือนว่า “วั่งเหยียน เจ้า…”

วั่งเหยียนไม่สนใจการบอกใบ้ของมือกระบี่เฟิงเหลย แต่พูดกับเยี่ยเว่ยหมิงต่อว่า “นี่ข้าเตือนสหายเยี่ยด้วยเจตนาดี ถ้าไปถึงประตูใหญ่แล้วถูกขวางไว้ ไม่เพียงแค่จะเก้อเขินเท่านั้น ทั้งยังเสียเวลาด้วยเช่นกัน”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าแม้เจ้าหมอนี่จะพูดจาคลุมเครือ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงตัวร้ายปัญญาอ่อนในนิยายที่ยื่นหน้ามาให้คนตบ

จะว่าไปแล้ว ในชีวิตจริงมีคนประเภทนี้อยู่ด้วยหรือ

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว วั่งเหยียนก็ยังนึกว่าตัวเองเดาถูกแล้ว เดิมทียังมีสีหน้าไร้เดียงสา แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับยิ้มแย้มราวกับมีดอกเบญจมาศเบ่งบาน “หากสหายเยี่ยรีบร้อนจะไปทำภารกิจจริงๆ ข้าก็มีวิธีการหนึ่งที่ช่วยส่งเจ้าเข้าไปได้”

ขณะที่พูด ก็ยังทำท่าทางเหมือน ‘ข้ามีคุณธรรมมาก’ กล่าวอย่างองอาจผึ่งผายมากกว่า “ที่ข้ามีของล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง ทั้งยังมีจดหมายแนะนำที่สอดคล้องกัน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากนะ หากสหายเยี่ยรู้สึกสนใจ ก็ห้าสิบเหรียญทองเท่านั้น ข้าจะห่อให้เจ้าเลย!”

มือกระบี่เฟิงเหลยที่อยู่ข้างกันได้ยินแล้วเอามือปิดหน้า ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหมอนี่จึงเกิดสมองเป็นตะคริวขึ้นมา ที่แท้ก็อยากฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากเยี่ยเว่ยหมิงนี่เอง

จวนลู่ติ่งกงสะสมของล้ำค่าในใต้หล้านั้นเป็นเรื่องจริง แต่อีกฝ่ายกลับมีผู้ประเมินสินค้าระดับสูงเฉพาะทางรับหน้าที่ตรวจสอบ และตัวลู่ติ่งกงเองก็เป็นผู้ที่มีความสามารถสูงในวงการนี้เช่นกัน ดังนั้นเวลาผู้เล่นมามอบของขวัญล้ำค่าให้ ส่วนใหญ่ก็จะไม่ขายในราคาสูงเกินไป ต่อให้ได้เจอกับลู่ติ่งกงที่อายุน้อยนั่นกับตาตัวเอง สุดท้ายราคาขายของ ‘ของล้ำค่า’ โดยเฉลี่ยก็ประมาณยี่สิบเหรียญทอง

อย่างไรเสียก็มาที่นี่เพื่อขายของ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของที่ผู้เล่นไม่ได้ใช้งาน ส่วนมูลค่าของของประเภทนั้น ก็ย่อมไม่สูงจนเกินจริงอยู่แล้ว

ตัวละครที่อยู่ในตำแหน่งอย่างลู่ติ่งกงได้ จะเป็นคนที่โดนหลอกง่ายไปได้อย่างไร

วั่งเหยียนรู้ชัดถึงจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงเดิมพันว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่มีจดหมายเชิญ จะฉวยโอกาสทำกำไรสักก้อนหนึ่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน

หากเยี่ยเว่ยหมิงรีบร้อนทำภารกิจจริงๆ เขาก็จะต้องเป็นคนโง่ที่โดนหลอกง่ายแน่นอน!

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว มีหรือที่เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่รู้ทันอุบายตื้นๆ ของเขา จึงส่ายหน้าเบาๆ พร้อมบอกว่า “น้ำใจของเจ้าข้ารับรู้แล้ว”

วั่งเหยียนยักไหล่ ไม่ได้สนใจเช่นกัน แล้วทั้งสามก็เดินไปที่ประตูใหญ่ของจวนลู่ติ่งกง

ไม่ได้มีฉากเสแสร้งและหักหน้ากันเหมือนที่ผู้ชมชอบดู เห็นเพียงเยี่ยเว่ยหมิงนำจดหมายแนะนำของโหยวจิ้นออกมา ตอนที่บ่าวไพร่ของจวนขุนนางบรรดาศักดิ์กง[1]เชิญเยี่ยเว่ยหมิงเข้าไปในจวนอย่างสุภาพเกรงใจ วั่งเหยียนก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ กลบเกลื่อนความอาย

ค้าขายไม่สำเร็จ มิตรภาพยังอยู่

บางทีประโยคนี้อาจจะเป็นเสียงในใจของเจ้าหมอนี่ก็ได้

บ่าวของจวนขุนนางบรรดาศักดิ์กงนำทั้งสามไปที่โถงรับแขก หลังจากผ่านไปสักพัก ก็มีหนุ่มน้อยที่แต่งกายหรูหราเครื่องประดับเต็มตัวหัวเราะคิกคักเดินออกมา

หนุ่มน้อยผู้นี้หน้าตารูปร่างกำยำแข็งแรง ดวงตาเป็นประกายวูบไหวไม่หยุดนิ่ง ดูแล้วไม่เหมือนคุณชาย แต่กลับเหมือนเด็กหนุ่มเร่ร่อนในตลาดมากกว่า

แต่ดูจากท่าทีของบรรดาบ่าวไพร่ก็รู้แล้ว หนุ่มน้อยคนนี้จะต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาในจวนลู่ติ่งกงแห่งนี้แน่นอน

ข้างหลังหนุ่มน้อยเป็นชายชราที่มีลักษณะสุขุมเยือกเย็นคนหนึ่งเดินตามมาด้วย ดูเหมือนขุนนางบรรดาศักดิ์กงของราชสำนัก

เพียงแต่ดูจากตำแหน่งยืนไปจนถึงสีหน้าท่าทาง ก็เห็นได้ชัดว่าฐานะของหนุ่มน้อยคนนี้สูงกว่าเขาเล็กน้อย

เมื่อเห็นหนุ่มน้อยเดินเข้ามา วั่งเหยียนก็ตาเป็นประกายทันที เป็นฝ่ายยืนตัวตรงแล้วพูดก่อนว่า “วั่งเหยียนแห่งหัวซาน คำนับลู่ติ่งกง”

ลู่ติ่งกง?

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วแอบแปลกใจ นี่มันห่างไกลกับภาพลักษณ์ขุนนางผู้มีอำนาจแห่งยุคที่เก็บงำฝีมือในจินตนาการของเขาหนึ่งหมื่นแปดพันลี้เลย

“ฮ่าๆ…สหายวั่งเหยียน เจ้ามาอีกแล้วนะ!” พอหนุ่มน้อยลู่ติ่งกงคนนี้เห็นวั่งเหยียน ก็แสดงออกอย่างเป็นมิตรมาก หลังจากทักทายกลับ สายตาก็ย้ายไปทางเยี่ยเว่ยหมิงกับมือกระบี่เฟิงเหลยอยู่ข้างๆ “วันนี้นำของดีอะไรมาด้วยล่ะ”

วั่งเหยียนได้ยินแล้วยิ้มทันที แล้วนำหมัดอรหันต์เหล็กคู่หนึ่งออกมาพร้อมกล่าวว่า “ลู่ติ่งกง ท่านอย่าดูถูกเชียวนะว่านี่เป็นเพียงหมัดอรหันต์เหล็กคู่เดียว สิ่งนี้ผ่านการหลอมสร้างจากช่างผู้ชำนาญมาแล้ว ขอเพียงบิดขยับตามวิธีการก็จะโจมตีหมัดอรหันต์ออกมาชุดหนึ่งโดยอัตโนมัติ”

“ข้าได้ยินข่าวลือมาว่า นี่คือของรักของหวงของนักพรตจางซานเฟิงแห่งสำนักอู่ตังเชียวนะ!”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดแสยะยิ้มในใจไม่ได้ สหายผู้นี้ช่างชอบขี้โม้แต่ไม่รู้จักปรับบทให้เรียบร้อยก่อน หมัดอรหันต์เหล็กคู่หนึ่งที่โจมตีได้ เจ้าคิดว่าจางซานเฟิงแห่งอู่ตังจะชอบของสิ่งนี้อย่างนั้นหรือ

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งนี้คู่ควรหรือไม่ ต่อให้เจ้าบอกว่ามันเป็นของรักของเสาหลักแห่งยุทธภพ ก็ยังฟังดูน่าเชื่อถือกว่านี้เลยกระมัง

เยี่ยเว่ยหมิงมีวิธีคิดอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าลู่ติ่งกงผู้อัธยาศัยดีท่านนั้นก็คิดแบบเดียวกัน ในดวงตาฉายแววดูถูกเหยียดหยามแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปถามชายชราที่อยู่ข้างหลัง “อาจารย์เจี่ยน ท่านดูสิ…”

ชายชราผู้นั้นรับอรหันต์เหล็กมาจากมือวั่งเหยียน หลังจากมองดูให้ละเอียดสักพักก็กล่าวว่า “สองร้อยเหรียญทอง”

ลู่ติ่งกงได้ยินแล้วรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย แต่ก็ยังเลือกเชื่อสายตาของ ‘อาจารย์เจี่ยน’ ท่านนี้ เขาหันกลับมามองวั่งเหยียนโดยไม่พูดอะไร

วั่งเหยียนได้ยินตัวเลขแล้วแอบปลาบปลื้มอยู่ในใจ รีบเอ่ยรับแล้ว

ไม่แปลกใจที่เขาดีใจแทบคลั่งขนาดนี้ ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของสมบัติชิ้นนี้ก็คือ สามารถเรียนรู้ ‘หมัดอรหันต์’ ของสำนักเส้าหลินผ่านมันได้ เพียงแต่ ‘หมัดอรหันต์’ เป็นวิทยายุทธ์ระดับต้นของสำนักเส้าหลินเท่านั้น เมื่ออยู่ในตลาดขายได้ยี่สิบเหรียญทองก็ถือว่าขอบคุณฟ้าดินแล้ว

ก่อนหน้านี้ยังคิดจะขายให้เยี่ยเว่ยหมิงในราคาห้าสิบเหรียญทองอยู่เลยไม่ใช่หรือ

โชคดีที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบรับ ไม่อย่างนั้นหลังจากรู้ความจริง เจ้าคนจอมเอาเปรียบนี่จะต้องปวดใจตายแน่นอน

ข้างหลังวั่งเหยียนก็คือมือกระบี่เฟิงเหลย เขานำภาพร้อยละครสุยจ่วนออกมาชุดหนึ่ง หลังจากอาจารย์เจี่ยนตรวจประเมินแล้ว ก็ให้ราคาสามสิบเหรียญทอง

แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่ของขวัญของตัวเองมูลค่าน้อยกว่าอรหันต์เหล็กของวั่งเหยียน แต่เขาก็ยังยอมขายสิ่งนี้ให้ลู่ติ่งกง

อย่างไรเสียของประเภทนี้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อผู้เล่น นอกจากที่นี่ เขาก็ทำได้เพียงนำไปขายให้ร้านค้า ซึ่งอาจจะได้ราคาถูกกว่านี้อีก

หลังจากให้บ่าวรับใช้นำของสองชิ้นนี้เก็บเข้าคลังสมบัติ ดวงตากลมโตเจ้าเล่ห์ของลู่ติ่งกงก็กวาดมองบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง “พี่ใหญ่ท่านนี้ ไม่ทราบว่ามีของดีอะไรมาขายให้ข้า”

[1] บรรดาศักดิ์กง 公爵 หนึ่งในบรรดาศักดิ์ของขุนนาง เรียงตามลำดับสูงไปต่ำ ได้แก่ กง โหว ปั๋ว จื่อ หนาน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด