ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 134 ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 134 ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 134 ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์

[ฝ่ามือตัดอากาศ ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดกระบี่ขลุ่ยหยก ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย บาทาพายุกวาดใบไม้ เพลงกวนกระแสทะเลคราม]

[หกสุดยอดวิชาข้างต้น จะเลือกวิชาไหนดี ควรจะเลือกอย่างไรกันแน่]

[ออนไลน์รออยู่ รีบมาก!]

…เยี่ยเว่ยหมิง

หลังจากพิมพ์ข้อความเสร็จอย่างรวดเร็ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กดบนรูปโปรไฟล์ของอินปู้คุยที่อยู่ในแถบรายการเพื่อน แล้วส่งพิราบสื่อสารออกไปทันที

ขณะมองพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากตัวเยี่ยเว่ยหมิงไป หวงเย่าซือที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขากลับดีดนิ้วหนึ่งทีอย่างแนบเนียน

แกร๊ง!

หลังจากเสียงฝ่าอากาศแหลมเล็กดังขึ้น พิราบขาวที่เพิ่งบินออกไปก็ถูกโจมตีจนร่างแยกทันที ตายอย่างอนาถพอสมควร

[ติ๊ง! เนื่องจากพิราบสื่อสารของคุณถูก NPC ระดับสูงโจมตีอย่างมีเจตนาร้าย การส่งพิราบสื่อสารล้มเหลว จะไม่ได้รับค่าส่งจดหมาย 1 เหรียญเงินคืน]

“เมื่อครู่ข้าลืมบอกเจ้า” หวงเย่าซือแม้สวมหน้ากาก แต่จากแววตาและน้ำเสียงของเขา เยี่ยเว่ยหมิงกลับตัดสินได้ว่าเขากำลังยิ้ม ทั้งยังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มากด้วย “ก่อนที่เจ้าจะรับรางวัลภารกิจ ภายในรัศมีร้อยเมตรที่พวกเราอยู่ล้วนเป็นเขตพิเศษ ไม่มีทางใช้พิราบสื่อสารหรือวิธีการอย่างอื่นได้”

เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ! พิราบสื่อสารของข้าส่งออกไปแล้วชัดๆ แต่ถูกเจ้าโจมตีระเบิดไปแล้วน่ะสิ

ตาเฒ่าก๊ากเอ๊ย เจ้าเลวมาก!

มองออกเลยว่าหวงเย่าซือคนนี้กำลังจงใจยั่วโมโหตนอยู่ เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ขี้คร้านจะเปลืองคำพูดกับเขา จึงบอกทันทีว่า “ให้ข้าเลือกเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นก็ดี ข้าต้องการ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ !”

“ดี!”

หลังจากพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หวงเย่าซือก็หยิบตำราลับออกมาจากหน้าอก แล้วโยนให้เยี่ยเว่ยหมิงพร้อมบอกว่า “ในเมื่อเจ้าชอบ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ของข้าขนาดนั้น ข้ามอบรางวัลตำราลับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เล่มนี้ให้เจ้าก็พอแล้ว”

หึหึ ได้ตำราลับมาไว้ในมือ…หืม?

ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์?

พูดเรื่องเลอะเทอะอะไรกัน

เขามองตำราลับในมือตัวเองแวบหนึ่ง พบว่าเป็น ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ จริงๆ

[ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ (ระดับสูง)]

สุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของมารบูรพาหวงเย่าซือ

เงื่อนไขการฝึก

พละกำลัง: 100

ความว่องไว:100

ค่าตระหนักรู้: 35

……

เยี่ยเว่ยหมิงรีบเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แล้วบอกหวงเย่าซือว่า “นี่! ข้าเพิ่งบอกไปว่าข้าต้องการ ‘ฝ่ามือกระบี่เทพบุปผาโรย’ ไม่ใช่ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ นะ”

หวงเย่าซือกะพริบตาพร้อมถามกลับ “ข้าเพียงบอกให้เจ้าเลือกเอง ได้บอกหรือว่าหากเจ้าเลือกวิชาไหน แล้วข้าจะมอบวิชานั้นเป็นรางวัลให้”

“ข้า…”

เยี่ยเว่ยหมิงถูกหวงเย่าซือถามจนเหม่อไปเลย เขาจะไปรู้หรือว่าตัวเองถูกเจ้าเวรหวงเย่าซือวางกับดักเข้าให้แล้ว!

เจ้าหมอนี่ไม่ได้มีเจตนาดีตั้งแต่บอกให้ตนเลือกเองแล้ว ตอนที่เขาอธิบายสุดยอดวิชาของตัวเองอย่างละเอียดทีละวิชา ก็สังเกตปฏิกิริยาของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ตลอด เยี่ยเว่ยหมิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยย่อมคิดไม่ทันว่าต้องเก็บอาการ

ดังนั้น ปฏิกิริยาตอนที่เขาฟังแต่ละสุดยอดวิชาของหวงเย่าซือจึงอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายหมดแล้ว

จากนั้น หลังจากหวงเย่าซือรอให้เขาตัดสินใจเลือกเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็โยนตำราลับที่เขาไม่อยากได้ที่สุดให้เขาเสียเลย

จงใจจะยั่วโมโหเขา!

มโนธรรมของตาแก่นี่พังหมดแล้ว!

ขณะมองสีหน้าที่เหมือนกินแมลงวันของเยี่ยเว่ยหมิง หวงเย่าซือก็พูดต่อว่า “เจ้าเด็กนี่ รู้จักพอใจในสิ่งที่มีเถอะ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้สหายหวงขอให้ข้านำทักษะยุทธ์มาเป็นรางวัล ข้าจะต้องเลือกตำราลับที่เจ้าไม่อยากได้มาให้เจ้าแน่นอน กู่ฉิน หมากล้อม พู่กัน วาดภาพ การแพทย์ โหราศาสตร์ ฉีเหมินตุ้นเจี่ย[1]…ข้ามีความสามารถตั้งมากมาย อยากจะเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเจ้าตอนได้รับคู่มือหมากล้อมสักเล่มจริงๆ”

เมื่อได้ยินหวงเย่าซือวางอุบายกับตนอย่างร้ายกาจขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับพยักหน้า จากนั้นกุมหมัดคารวะหวงเย่าซืออย่างสุภาพมาก “ข้าเข้าใจแล้ว”

“เจ้าเข้าใจ?” หวงเย่าซือถาม แม้ปากจะถามอย่างนี้ แต่สายตาที่มองเยี่ยเว่ยหมิงกลับเผยความรู้สึกเหยียดหยามมากขึ้นเรื่อยๆ

หากตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงความเจ้าอารมณ์ออกมาสักหน่อย หวงเย่าซือก็ยังจะมองเขาด้วยสายตาที่สูงขึ้นด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองถูกวางกับดัก ไม่น่าเชื่อว่าจะยังทำท่าทางสุภาพนอบน้อม นี่เตรียมจะกระซิบขอร้องให้เขาเปลี่ยนรางวัลภารกิจให้เขาหรือไม่

ฝันกลางวันไปเถอะ!

คนประเภทนี้ ไม่คู่ควรที่จะเรียนรู้สุดยอดวิชาของข้าหวงเย่าซือเลย! หากไม่ใช่เพราะข้าสู้สหายหวงไม่ไหว…

และเมื่อได้ยินคำถามที่มาจากจิตใต้สำนึกของหวงเย่าซือ ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มแสะยิ้ม แต่ภายนอกกลับยังวางมาดสุภาพน้อมน้อม “ในที่สุดตอนนี้ข้าก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว”

หลังจากหยุดไปครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อท่ามกลางสายตาของหวงเย่าซือว่า “ก่อนหน้าผู้อาวุโสจะต้องเดิมพันกับผู้อาวุโสสักท่านในสำนักมือปราบเทพแน่นอน หากแพ้แล้วจะต้องนำทักษะยุทธ์มาเป็นรางวัลภารกิจให้ข้า ผลลัพธ์ก็ชัดเจนแล้ว ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ในมือข้าตอบคำถามได้กระจ่างแล้ว”

หวงเย่าซือแสยะยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบสิ่งใด

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอยู่ในท่ากุมหมัดคารวะต่อไป กล่าวอย่างมีมารยาทไร้ที่ติ “ผู้อาวุโสเป็นผู้ที่รักษาสัญญา ในเมื่อแพ้แล้ว ก็ย่อมต้องทำตามสัญญา แต่การยกผลประโยชน์ให้ข้าเช่นนี้ ผู้อาวุโสก็รู้สึกไม่เต็มใจอีก จึงใช้คำพูดวางกับดักเพื่อยั่วโมโหข้าสักหน่อย ถึงอย่างไรก็สู้คนแก่กว่าไม่ชนะ มารังแกเด็กแทนก็ถือเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ ใช่ว่าเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ผู้น้อยเข้าใจ”

เจ้าเข้าใจบ้าอะไรเล่า!

หวงเย่าซือเป็นบุคคลระดับไหน มีหรือที่จะฟังคำชมแฝงคำเสียดสีที่แทบจะไม่ปิดบังของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ออก

แต่ติดที่ฐานะของตัวเอง เขาจึงลงมือกับเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ มิหนำซ้ำเยี่ยเว่ยหมิงเองก็พูดไม่ผิด เพราะเขาทำอย่างนั้นจริงๆ

ส่วนยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ปรานี ขณะที่พูดยังโค้งตัวให้หวงเย่าซือสามครั้งด้วย “ทุกสิ่งที่ผู้อาวุโสทำในวันนี้ ถือว่ารอบรู้ศาสตร์หน้าด้านใจดำอย่างลึกซึ้ง ความด้านของหนังหน้า แม้แต่อาวุธเทพก็ฟันแทงไม่เข้า ความดำของคอ ยืดได้หดได้สั้นยาวตามประสงค์ ความเขียวของอาภรณ์ ราวกับต้นสนโบราณหมื่นปี ตั้งตระหง่านไม่ล้ม ย่ำเท้าไปทั่วยุทธภพด้วยลักษณะการทำงานเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลให้เสียเปรียบแน่นอน ช่างเป็นต้นแบบให้คนรุ่นหลังในยุทธภพเอาเยี่ยงอย่างจริงๆ…

…แต่จนใจ เพราะกำลังภายในอันดำมืดของผู้อาวุโสสูงส่งล้ำลึกเกินไป แม้คนรุ่นหลังจะเลียนแบบสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยากจะตามผู้อาวุโสทัน เป็นเพียงคนโง่ที่หลับหูหลับตาเลียนแบบเท่านั้น”

หลังจากพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกสะใจอยู่พักหนึ่ง

ผ่อนคลาย!

ส่วนหวงเย่าซือ ตอนนี้ใบหน้าชราที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากกลับโกรธจนเขียวคล้ำหมดแล้ว

เจ้าเด็กเปรตนี่ด่าโดยไม่ใช้คำหยาบ แต่คำพูดมีพลังทำลายล้างสูงจริงๆ!

ไหนจะศาสตร์หน้าด้านใจดำอะไรนั่นอีก

เจ้าไม่พูดมาตรงๆ เสียเลยล่ะว่าข้าหน้าเนื้อใจเสือ ชั่วร้ายอำมหิต แถมด้วยหน้าด้านไร้ยางอาย พูดอย่างนั้นยังดีเสียกว่า!

ทั้งยังหนังหน้าด้าน อาวุธเทพฟันแทงไม่เข้าอะไรนั่นอีก ยืดได้หดได้ สั้นยาวตามประสงค์ กระดองเขียว หมื่นปี…

สัตว์ที่สอดคล้องกับที่เจ้าบรรยายมาข้างต้น บนโลกนี้มีเพียงชนิดเดียวไม่ใช่หรือ

เจ้าตัวนั้นมันเรียกว่าตะพาบน้ำ[2]!

แล้วยังโค้งตัวสามครั้งอีก หมายความว่าอย่างไร

นั่นคือการคำนับศพ!

เมื่อรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายสังหารบนตัวหวงเย่าซือใกล้จะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มแห้งอย่างไม่ใส่ใจ เขาโยนตำราลับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เข้าห่อสัมภาระ แล้วกุมหมัดคารวะอีกครั้ง “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสมอบของขวัญและสั่งสอนด้วยคำพูดกับการกระทำ ทว่าศาสตร์หน้าด้านใจดำของผู้อาวุโสนี้ เกรงว่าผู้น้อยจะเรียนไม่ไหว แต่ตำรา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ นี้ ผู้น้อยจะขยันฝึกแน่นอน จะพยายามไม่ทำให้ท่านผู้เฒ่าเสียชื่อเสียง”

แม้จะเป็นตอนที่พูดประโยคนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมเน้นหนักคำว่า ‘ผู้เฒ่า’ ถือว่าเลือกทำให้หวงเย่าซือสะอิดสะเอียนสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้ว

สิ้นคำ เขาก็พูดเสริมอีกว่า ‘ลาก่อนผู้อาวุโส’ จากนั้นสะบัดชายเสื้อหันตัวเดินจากไปอย่างสง่างาม

ขณะที่เดินไป ปากก็ยังฮัมเพลงที่ NPC สองคนนี้ไม่เคยฟัง “ท้องฟ้าสว่างกว้างไกล แผ่นกว้างใหญ่ อารมณ์หวั่นไหว หัวใจไม่ได้โรแมนติก…

…ก็แค่มี feel นี้ ฟินยกกำลังสอง!…”

[1] ฉีเหมินตุ้นเจี่ย 奇門遁甲 วิชาวางกลยุทธ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องทิศและธาตุต่างๆ ของจีน

[2] ตะพาบน้ำ 王八 เป็นคำด่าที่หยาบคายมาก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด