ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 32 เขาหวังผาน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 32 เขาหวังผาน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 32 เขาหวังผาน

เขาหวังผานตั้งชื่อโดยใช้คำว่า ‘เขา’ แต่ความจริงเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล ตัวเกาะตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทำให้มีทิวทัศน์แตกต่างออกไปอีกแบบ

หลังจากเรือเทียบฝั่ง จางชุ่ยซานก็นำเยี่ยเว่ยหมิงและศิษย์สำนักอู่ตังสองคนเดินเท้าไปยังที่กว้างโล่งใต้หน้าผาสูงชัน

ขณะเดินตามหลัง NPC ไป ผู้เล่นทั้งสามก็ตั้งทีมกันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงบอกอินปู้คุยกับเสวียนเสี่ยวปี่ในช่องทีมว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดนะ ในเมื่อภารกิจนี้ต้องคัดเลือกผู้เล่นก่อนเข้าสู่เขาหวังผาน ข้าคิดว่าจะเข้าไปถึงด่านสุดท้ายได้หรือไม่ ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก อย่างที่พวกเจ้าบอกนั่นแหละ ในเมื่อรางวัลภารกิจแตกต่างกันไม่มาก ข้าคิดว่าบนเขาหวังผานแห่งนี้จะต้องมีผลประโยชน์อย่างอื่นให้เก็บเกี่ยวอีกแน่นอน”

อินปู้คุยได้ยินแล้วมองเสวียนเสี่ยวปี่แวบหนึ่ง เหมือนกำลังบอกว่า เจ้าดูสิ ข้าพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ เมื่อข้อมูลชุดเดียวกันไปอยู่กับเขา เขาก็วิเคราะห์สิ่งที่แตกต่างกับพวกเราได้แล้ว

ส่วนเสวียนเสี่ยวปี่ก็ถามเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นสหายเยี่ยคิดว่าผลประโยชน์ที่ได้จากที่นี่จะเป็นอะไร ดาบฆ่ามังกรหรือ”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าตอบ “รายละเอียดว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร ข้าเองก็เดาไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ควรจะเป็นโอกาสในการทำภารกิจลับ ไม่อย่างนั้น การคัดเลือกก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

ยามปกติไม่มีใครเดินผ่านหินประหลาดตะปุ่มตะป่ำบนภูเขาแห่งนี้ เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้เนินเขาเล็กแล้ว อินปู้คุยก็ชำเลืองมองเสวียนเสี่ยวปี่ที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง เจ้าตัวเข้าใจความหมายที่เขาสื่อ จึงบอกจางชุ่ยซานทันทีว่า “ท่านอาจารย์ วันนี้มีแค่พวกเราสี่คนมาที่นี่ คนน้อยกำลังอ่อนแอ ควรหาที่ลับซ่อนตัวสังเกตการณ์ก่อน พวกเราวางแผนแล้วค่อยปฏิบัติการจะดีกว่าไหมขอรับ”

จางชุ่ยซานได้ยินแล้วกลับตอบอย่างสบายอารมณ์ “ในเมื่ออีกฝ่ายยึดเกาะเขาหวังผานแห่งนี้จัดงานชุมนุม ก็ย่อมไม่มีใครสนใจสถานการณ์รอบๆ หรอก เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนพวกเราจะลงเรือแล้ว”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสี่ก็กระโจนตัวขึ้นบนเนินเขาเล็กแล้ว พวกเขาเห็นว่าตรงหน้าคือพื้นที่ว่างที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ตรงกึ่งกลางของที่ว่างมีเวทีไม้หนึ่งหลัง ระดับความสูงของมันประมาณครึ่งเมตร หน้าที่เดียวของมันก็คงมีไว้เพื่อแสดงสิ่งที่ต้องการให้เห็นชัดเจน ด้านล่างเวทีมีคนมารวมตัวกันหนาแน่น ดูจากตำแหน่งยืน เครื่องแบบและอาวุธที่ถืออยู่ในมือ ก็แยกแยะได้แล้วว่ามาจากสามพรรคที่ต่างกัน

“คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเวทีคือคนของพรรคทะเลทราย พรรคปลาวาฬ และสำนักหมัดเทวะ ส่วนสองคนที่นั่งแยกอยู่ริมฝั่งซ้าย ดูจากเครื่องแต่งกายก็น่าจะเป็นศิษย์คุนหลุน” ขณะที่เดินไป จางชุ่ยซานก็บอกรูปแบบสถานการณ์ในสนามให้ทั้งสามรู้

ตอนนี้สายตาของอินปู้คุยไปหยุดอยู่บนโต๊ะไม้กลางเวที “ของดำๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ดูไม่ชัดเจน นั่นใช่ดาบฆ่ามังกรในตำนานหรือเปล่า”

“ที่จริงข้าก็ไม่เคยเห็นดาบฆ่ามังกร แต่ลองคิดดูแล้วก็น่าจะใช่” จางชุ่ยซานวิเคราะห์ให้ฟังก่อน แล้วบอกอีกว่า “ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามองเห็นไม่ชัดเจน ก็ลองโคจรกำลังภายในไปที่ดวงตาทั้งสองดูสิ อาศัยสิ่งนี้เพิ่มค่าพลังสายตา”

ทั้งสามได้ยินแล้วรีบทำตาม ทำให้จุดดำเล็กๆ ที่เดิมทีเลือนรางเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมาแล้ว เอฟเฟ็กต์แบบนี้ก็เหมือนกับเวลาอยู่ในห้องนอนแล้วหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องหญ้าต้นเล็กๆ บนพื้น แม้จะยังทำไม่ได้ถึงขั้นเห็นทุกอณู แต่เพียงพอที่จะทำให้เห็นเค้าโครงของดาบฆ่ามังกรเล่มนั้นชัดเจน

ได้เรียนรู้เคล็ดลับโคจรกำลังภายในมากขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี เมื่อเทียบกันแล้ว ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าที่ถูกลิขิตให้ไร้วาสนาต่อพวกเขาเล่มนั้น ก็กลับกลายเป็นของที่ไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นอีกต่อไป

เมื่อเดินขึ้นหน้าต่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าบนเกาะแห่งนี้นอกจาก NPC สำนักแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่มาถึงที่นี่ก่อน เพียงแต่เมื่อเทียบกับพวก NPC แต่ละคนที่ยืนเหมือนเตรียมรบ พวกผู้เล่นกลับดูกระจัดกระจายกันมาก ได้ยินเสียงดังอื้ออึงเหมือนตลาดสดมาแต่ไกลๆ

“ใช่แล้ว!”

“ขออภัย…”

“ผ่าน…”

……

“อ้าว ขุนพล[1]!”

“บัดซบ เจ้ากินเรือ[2]ของข้า!”

“หึหึ เรือหมดแล้ว เจ้าไม่เหลือเรือแล้ว…”

……

“ดูนี่ ดูทางนี้ ซาลาปาออกจากเตาร้อนๆ รีบกินตอนยังร้อน…”

……

“ขายเฉพาะกระบี่ล้ำค่า อุปกรณ์คุณภาพสูงสุด คุณภาพสีฟ้า โจมตี +30 พละกำลัง +2 ราคาต่อรองกันได้…”

……

บนลานกว้างใต้เวทีไม้ มีบางคนเล่นหมากรุก บางคนเล่นไพ่แลนด์ลอร์ด บางคนตั้งแผงขายของ เหมือนเป็นตลาดที่คึกคักขนาดย่อมจริงๆ ดูไม่เข้ากับบรรยากาศตึงเครียดเหมือนจะมาแย่งชิงดาบฆ่ามังกรกันเลย

แต่นี่ก็คือเกม พวกผู้เล่นขอแค่ได้สนุกก็พอแล้ว พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำภารกิจ สำหรับสิ่งที่เรียกว่าดาบฆ่ามังกรล้ำค่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองว่าจะแย่งชิงมาได้

เมื่อเห็นฉากอันครึกครื้นบนเขาหวังผาน เสวียนเสี่ยวปี่กลับถอนหายใจยาว บ่นผ่านช่องทีมว่า “พวกเราฝ่าด่านยากมาตลอดทาง ผ่านความลำบากมาร้อยแปดพันเก้ากว่าจะมาถึงเขาหวังผานได้ ตอนนี้พอได้เห็นพวกเขา จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเกมนี้มันไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย เล่นยากชะมัด!”

“เลิกบ่นได้แล้ว” อินปู้คุยกล่าว “หรือเจ้าคิดว่าพวกเขามีโอกาสมากอบโกยผลประโยชน์ที่นี่เหมือนกับพวกเรา”

“อย่างน้อยตอนนี้ก็มองไม่ออกว่าแตกต่างกันตรงไหน” เสวียนเสี่ยวปี่ตอบ

“เฮ้ พวกเจ้า!” ตอนนี้กลับเห็นผู้เล่นสำนักหัวซานรูปร่างท้วมคนหนึ่งก้าวเข้ามา หัวเราะคิกคักพร้อมบอกว่า “งานชุมนุมบูชาดาบยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามกว่าจะเริ่ม พวกเจ้าจะซื้อไพ่โป๊กเกอร์ หรือไพ่แลนด์ลอร์ดไปเล่นแก้เซ็งหน่อยไหม ถ้าพวกเจ้าไม่สนใจไพ่โป๊กเกอร์ ข้าก็ยังมีหมากรุก หมากล้อม หมากฮอส โกโมกุ ไพ่นกกระจอก ลูกเต๋า…ราคายุติธรรม ไม่หลอกเด็กและคนชรา”

ขณะที่พูด ยังหยิบแผ่นรายการราคาขึ้นมาแสดงตรงหน้าพวกเขาด้วย

เสวียนเสี่ยวปี่ดูรายการราคาอย่างละเอียดปราดหนึ่ง ตามด้วยเสียงอุทานตกใจ “เชดโด้! ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวเจ้าเอาตั้งสิบเหรียญเงิน ยังมาบอกว่าราคายุติธรรมอีก ตามร้านค้าในเมืองใหญ่ๆ ไพ่โป๊กเกอร์ชุดเดียวราคาหนึ่งเหรียญเงินเท่านั้นกระมัง”

“ที่นี่คือเขาหวังผานนะ” ชายอ้วนสำนักหัวซานยักไหล่ “ที่นี่ไม่มีแม้แต่จุดอัปเลเวล ก่อนภารกิจจะเริ่ม ทุกคนก็ทำได้เพียงเสียเวลาไปเปล่าๆ ส่วนข้าน่ะ แบกของมาตั้งไกลนั้นไม่ง่ายเลย ต้องให้ทำกำไรสักหน่อยสิ”

ตอนนี้อินปู้คุยเอ่ยปากตัดบทสนทนาของพวกเรา “ขออภัย พวกเราไม่สนใจสิ่งนี้หรอก เสี่ยวปี่ รีบตามมา…”

เสวียนเสี่ยวปี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่เปลืองคำพูดกับเขาอีก รีบเดินตามทีมของตัวเองไปแล้ว ส่วนผู้เล่นร่างท้วมสำนักหัวซานคนนั้นก็ตะโกนตามหลังว่า “เรียกข้าว่าเจียวไท่หลางนะ ถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนใจก็อย่าลืมกลับมาหาข้าล่ะ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง”

ด้านหลังเป็นผู้เล่นที่ครึกครื้น ส่วนด้านหน้าก็เป็น NPC ที่มีอารมณ์แตกต่างกันไป ทั้งสามเพิ่งตามจางชุ่ยซานมาถึงด้านล่างของเวทีไม้ แต่กลับเห็น NPC ที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของดาบฆ่ามังกรบนเวทีกล่าวว่า “ไป๋กุยโส้ว ประมุขแท่นเสวียนอู่ของพรรคอินทรีฟ้าคำนับนักพรตห้าอู่ตัง แม่นางอินซู่ซู่รอพวกท่านอยู่ในค่ายนานแล้ว พวกท่านกรุณาตามข้ามา”

ไป๋กุยโส้วเป็นฝ่ายนำทางอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกสี่คนเดินตามหลัง

ในช่องทีม อินปู้คุยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูเอาเถอะ ข้าบอกแล้วว่าสวัสดิการของพวกเราแตกต่างกับพวกที่ขึ้นเกาะมาได้ง่ายๆ พวกนั้น”

ยังไม่ทันรอให้พวกเขาเดินไปไกลเท่าไร ข้างหลังก็พลันมีเสียงต่อสู้ดังมา ตอนที่ทั้งสามหันหน้ากลับไป ก็เห็นว่าคนไม่กี่คนที่เพิ่งมาเจอไป๋กุยโส้วก่อนหน้านี้หนีไปแล้ว คงอยากจะฉวยโอกาสหลบหลีกไม่ให้โดนผู้เล่นที่แย่งชิงดาบฆ่ามังกรโจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาว เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง กลับเห็นไป๋กุยโส้วยังเดินนำหน้าด้วยความเร็วปกติ ถึงขนาดว่าไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้วยซ้ำ ท่าทางวอนโดนหมัดมาก จะเห็นได้ว่าพรรคอินทรีฟ้ามีความมั่นใจต่องานชุมนุมในวันนี้จริงๆ

และภาพเหตุการณ์เดียวกันนี้ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงอดหนักใจไม่ได้

ดูกระบวนทัพอันสวยงามของพรรคอินทรีฟ้าสิ ถ้าวันนี้คิดจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างราบรื่น ก็เหมือนจะไม่ง่าย!

[1] ขุนพล 将军 หรือ ‘ตี่’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน

[2] เรือ 车 หรือ ‘กือ’ ชื่อหมากตัวหนึ่งในหมากรุกจีน เมื่อเจอตัวหมากแม่ทัพจะโดนกิน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด