ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 98 ต่อสู้กับ…ชี้แนะ?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 98 ต่อสู้กับ...ชี้แนะ? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 98 ต่อสู้กับ…ชี้แนะ?

รางวัลมากมายก่ายกอง?

สำหรับวิธีการพูดของกงเหย่เฉียน เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าไม่สนใจ

พวกเรามาสืบคดีพระราชวังถูกปล้น ไม่ได้มาเพื่อตักตวงผลประโยชน์!

อีกทั้งหากจะพูดถึงผลประโยชน์ เมื่อเทียบกับรางวัลทางฝั่งลู่ติ่งกงแล้ว รางวัลประลองยุทธ์ของหมู่บ้านบนภูเขาในยุทธภพจะเทียบกันได้หรือ

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มรักษามารยาท ก่อนจะถามกลับอย่างใจเย็นมากว่า “มากมายก่ายกองขนาดไหน”

กงเหย่เฉียนได้ยินคำถามแล้วยิ้มอย่างองอาจผึ่งผายกว่าเดิม “ครั้งนี้หมู่บ้านชื่อสยาของเรามีผู้เล่นเกือบสามร้อยคนมารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ครั้งนี้ ขอเพียงผู้เล่นแสดงความสามารถได้ยอดเยี่ยมในระหว่างการประลองยุทธ์ ก็จะได้รับรางวัลคะแนนสะสมจำนวนมาก หลังจากการแข่งขันจบลง คะแนนสะสมพวกนี้นำไปแลกเป็นค่าตบะหรือไม่ก็อุปกรณ์อาวุธได้โดยตรง ยิ่งทำได้ดี รางวัลก็ยิ่งมหาศาล…

…ส่วนรางวัลสูงสุดของประลองยุทธ์ครั้งนี้ ก็คือป้ายเข้าประตูสำนักลับของตระกูลมู่หรง เมื่อถือป้ายนี้ไป หากเลือกที่จะละทิ้งสำนักเดิม ก็จะกลายเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรงอย่างเป็นทางการ…

…แม้จะไม่อยากละทิ้งสำนักเดิม ก็กลายเป็นแขกขุนนางของตระกูลมู่หรงได้เช่นกัน แม้แขกขุนนางจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับศิษย์ของตระกูลมู่หรง แต่ก็รับภารกิจสำนักของตระกูลมู่หรงได้ มีโอกาสได้รับรางวัลวิทยายุทธ์…

…แม้ผู้ที่ได้รับป้ายอาญาสิทธิ์จะไม่อยากเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรง ถึงขั้นเลือกละทิ้งโอกาสในการเป็นแขกขุนนาง จะทำแบบนั้นก็ได้เช่นกัน แล้วตระกูลมู่หรงจะมอบรางวัลที่สอดคล้องกันมาชดเชยให้…

…ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์น้อยทั้งสองอยากจะมาร่วมสนุกด้วยกันไหม”

สำนักลับ ตระกูลมู่หรง?

เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้ว ส่งพิราบสื่อสารหาอินปู้คุยทันที อยากจะถามว่าตระกูลมู่หรงคือสำนักอะไร แต่ระบบกลับแจ้งเตือนว่าอยู่ในฉากพิเศษ ไม่สามารถใช้งานพิราบสื่อสารได้

เมื่อสอบถามข้อมูลวงในจากแฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับนิยายไม่ได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนใจแล้วเช่นกัน กอดความคิดว่า ‘ไหนๆ ก็มาแล้ว’ เขาเตรียมจะตอบรับคำเชิญของกงเหย่เฉียน

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจ้างเย่ว์ที่อยู่ข้างกันจะเอ่ยว่า “เจ้าบ้านกงเหย่ ในฐานะที่ข้าเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ข้าไม่มีสิทธิ์สงสัยในการตัดสินใจของท่าน แต่ผู้เล่นที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ล้วนผ่านความพยายามในการทำภารกิจมาแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ หากเจ้าบ้านกงเหย่ให้พวกเรากับพวกเขาเข้าร่วมการประลองด้วยกันอย่างสง่าผ่าเผยเช่นนี้ ถือว่าไม่ยุติธรรมกับผู้เล่นที่ทำภารกิจอย่างพวกเรากระมัง”

“เรื่องนี้จัดการง่ายมาก” กงเหย่เฉียนกล่าวอย่างมั่นใจมาก “ตราบใดที่ให้จอมยุทธ์น้อยทั้งสองทดสอบก่อนเข้าร่วมการประลอง เท่านี้ก็ยุติธรรมแล้วไม่ใช่หรือ”

“ทอดสอบอะไรหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม

“ทุกท่านเชิญตามข้ามา”

ขณะที่พูด กงเหย่เฉียนก็นำทุกคนไปยังสนามประลองแห่งหนึ่งในบ้านพัก ตรงกลางสนามมีสังเวียนหลังหนึ่ง มีผู้เล่นจากหลายสำนักจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่บริเวณนี้ พวกเขาก็คือผู้เล่นที่เตรียมจะเข้าร่วมประลองยุทธ์ครั้งสุดท้ายตามที่กงเหย่เฉียนกล่าวไว้ตอนแรก

เมื่อมาถึงหน้าสังเวียนกลางสนามประลองยุทธ์ กงเหย่เฉียนก็หันกลับมาบอกกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ในเมื่อพวกท่านมีกันสองคน เช่นนั้นข้าก็จะเตรียมการประลองยุทธ์คู่แบบสองต่อสองให้ก็แล้วกัน”

“เพียงแต่การประลองยุทธ์แบบนี้มีกติกาค่อนข้างพิเศษ ไม่เพียงแค่ทดสอบความสามารถในการต่อสู้จริงของผู้เล่นเท่านั้น ยังต้องทดสอบความเข้าใจรวมทั้งสายตาที่พวกท่านมีต่อวิทยายุทธ์ด้วย”

ซานเย่ว์ที่ติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงมาตลอด พอได้ยินดังนั้นก็ถามอย่างสนใจว่า “ฟังดูน่าสนใจมากเลย แล้วรายละเอียดล่ะ จะประลองอย่างไร”

“สองคนจากสองฝ่ายที่ประลองกันจะขึ้นสังเวียนพร้อมกัน หนึ่งในนั้นรับหน้าที่ต่อสู้ประลองยุทธ์ ส่วนอีกคนรับหน้าที่คอยชี้แนะสหายของตัวเองอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ ชั้นเชิง หรือกระบวนท่าทักษะยุทธ์ก็ได้ทั้งนั้น”

กงเหย่เฉียนอธิบายกติกาการประลองอย่างสบายอารมณ์ “ในระหว่างนั้น ผู้เล่นที่ทำหน้าที่ชี้แนะจะอยู่ในสถานะไร้ศัตรู แต่ก็ไม่อาจลงมือต่อสู้เองได้เช่นกัน ทำได้เพียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งของสังเวียน เคลื่อนไหวไม่ได้ นอกจากส่งเสียงชี้แนะสหายตัวเองแล้ว ก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ทั้งนั้น ส่วนการตัดสินแพ้ชนะ ก็ตัดสินจากการเอาชนะผู้เข้าแข่งขันอีกกลุ่มหนึ่ง”

กติกาของการประลองนี้แปลกมากจริงๆ โดยเฉพาะที่บอกว่าเป็นการประลองคู่ ไม่สู้บอกว่าประลองเดี่ยวจะเหมาะกว่ากระมัง

เพราะเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่รับหน้าที่ชี้แนะจะแสดงบทบาทที่แท้จริงได้จำกัดมาก

“จ้างเย่ว์ การประลองทดสอบจอมยุทธ์น้อยทั้งสองสนามนี้ ขอเชิญให้ท่านลงมือแล้วกัน” หลังจากอธิบายกติกาการประลองจบแล้ว กงเหย่เฉียนก็หันมาพูดกับจ้างเย่ว์ “ส่วนสหายของท่าน ท่านหาเอาเองได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงอีกฝ่ายยินดีจะร่วมสู้เคียงข้างท่านก็พอ”

เมื่อได้ยินดังนั้น จ้างเย่ว์ที่เดิมทีมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มเบ่งบานราวกับดอกเก๊กฮวย

เขามองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างลำพองใจแวบหนึ่งก่อน จากนั้นกุมหมัดคารวะกงเหย่เฉียน “คำขอของเจ้าบ้านกงเหย่ น้องชายย่อมปฏิบัติตามอยู่แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหาสหายสักหน่อย เช่นนั้นก็ขอให้สหายเยี่ยรอข้าสักสองสามนาทีแล้วกัน”

สำหรับคำพูดเหล่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าตามสบาย

เยี่ยเว่ยหมิงมองคล้อยหลังจ้างเย่ว์วิ่งส่ายก้นออกจากสนามประลองยุทธ์ แล้วก็ส่งข้อความให้ซานเย่ว์ในช่องทีม “เห็นจ้างเย่ว์นั่นท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม เกรงว่าการประลองครั้งนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว ข้าถึงขั้นสงสัยว่ากงเหย่เฉียนนั่นถูกเขาเก็บค่าความรู้สึกดีไปหมดแล้วหรือเปล่า ถึงได้จงใจเตรียมการประลองที่ไม่ยุติธรรมนี้ขึ้นมา คิดจะออกหน้าช่วยเขา จะข่มเหงพวกเรา”

“เจ้ามองไม่ออกจริงหรือว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน” ซานเย่ว์ถามอย่างสงสัย

“มองไม่ออก” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวเสริมว่า “แต่จากที่ข้าเดานะ เกรงว่าจ้างเย่ว์นั่นจะไปเชิญสหายร่วมทีมที่รับมือยากมาน่ะสิ อีกประเดี๋ยวข้ารับหน้าที่ต่อสู้เอง เจ้าก็แค่นั่งอยู่ตรงนั้น เตรียมดูละครสนุกๆ ได้เลย”

จ้างเย่ว์ไปไว และกลับมาไวเช่นกัน

ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที เขาก็พาสาวน้อยชุดขาวที่หน้าตางดงามล้ำเลิศคนหนึ่งกลับมาที่สนามประลองยุทธ์ด้วย หากตัดสินจากลักษณะการเดินของนาง เหมือนอีกฝ่ายจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีทักษะยุทธ์กระมัง?

เมื่อสาวน้อยชุดขาวปรากฏตัว ก็ดึงดูดเสียงโห่ร้องจากคนรอบสนามทันที

สาเหตุไม่ใช่เพราะอะไร เพียงเพราะสาวน้อยชุดขาวหน้าตางดงามเกินไป!

ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เนื่องจากมีการปรับแต่งความงามได้ จึงแทบจะไม่เห็นผู้เล่นหญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ในเกมเลย ปรับแต่งให้คนหน้าตาพื้นๆ กลายเป็นเทพบุตรและเทพธิดาได้ แต่ไม่มีผู้เล่นคนไหนเคยเห็นสุดยอดสาวงามราวกับนางฟ้าเช่นสาวน้อยชุดขาวมาก่อนเลย

ถึงขนาดว่าแม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเอง ตอนที่เห็นสาวน้อยชุดขาวคนนี้ก็ยังอดมองสองครั้งไม่ได้

ผู้หญิงที่งดงามขนาดนี้ ต่อให้เทียบกับสะพานสวรรค์น้อยและสาวน้อยชุดแดงคนนั้น ก็ต้องให้คะแนนคนนี้เพิ่มสามคะแนน

สตรีที่งดงามเช่นนี้ จะเป็นผู้เล่นที่ไม่มีชื่อเสียงจริงหรือ

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัยอยู่ในใจ กงเหย่เฉียนก็เป็นฝ่ายสาวพูดกับน้อยชุดขาวก่อนว่า “นึกไม่ถึงว่าจ้างเย่ว์จะมีความสามารถถึงขั้นเชิญท่านมาได้ ดูท่าแล้ว หากจอมยุทธ์น้อยสองท่านนี้อยากจะผ่านการทดสอบอย่างราบรื่น ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย”

หึหึ!

ดูท่าทางของตื่นตูมของกงเหย่เฉียนสิ ทำอย่างกับเขาจะคาดคิดไม่ถึงว่าจะเกิดผลลัพธ์อย่างนี้

เชื่อเจ้ากับผีน่ะสิ!

เจ้าหมอนี่ท่าทางเหมือนซื่อสัตย์ใจดี แต่ความจริงเลวมาก!

เห็นได้ชัดว่ากงเหย่เฉียนไม่สนใจความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง ทั้งยังประกาศทันทีว่า “เช่นนั้นแม่นางหวัง จ้างเย่ว์ แล้วก็จอมยุทธ์น้อยสองท่านนนี้ ตอนนี้เชิญขึ้นสังเวียน ประลองกันสักหน่อยเถอะ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด