ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 135 รางวัลภารกิจอีกส่วน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 135 รางวัลภารกิจอีกส่วน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 135 รางวัลภารกิจอีกส่วน

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงด่าอย่างอุกอาจขนาดนี้แล้วเดินจากไป ชวีหลิงเฟิงที่กำลังถูกความโกรธโจมตีหัวใจ ตอนนี้ดวงตาสองข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงฉาน พอพลิกฝ่ามือ พลังของฝ่ามือตัดอากาศก็เริ่มก่อตัว

“น่ารังเกียจ! บังอาจมาเหยียดหยามอาจารย์ผู้มีพระคุณของข้า ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

เพียะ! ไม่รอให้ชวีหลิงเฟิงลงมือ ฝ่ามือของหวงเย่าซือกลับตบลงบนบ่าเขาแล้ว ทำให้กำลังภายในที่เขาเพิ่งจะรวบรวมขึ้นมาแตกซ่าน

ขณะมองคล้อยหลังเยี่ยเว่ยหมิงจากไปอย่างอุกอาจ หวงเย่าซือก็เอ่ยว่า “เจ้าเด็กนี่กำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ แสดงว่ามั่นใจแล้วว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเขาจริงๆ ประเด็นก็คือเขามองออกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”

ชวีหลิงเฟิงก็เป็นคนเจนจัดในยุทธภพเช่นกัน ประเด็นสำคัญที่หวงเย่าซือเอ่ยถึง มีหรือที่เขาจะคิดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าหวงเย่าซือแพ้เดิมพันให้คนอื่น ถึงต้องนำทักษะยุทธ์ของตัวเองมาเป็นรางวัลให้คนที่จับตัวลูกศิษย์ของตัวเองอย่างเยี่ยเว่ยหมิง

และในระหว่างการให้รางวัล เขาเล่นลิ้นก็เพราะจงใจจะยั่วโมโหเยี่ยเว่ยหมิงสักหน่อย แต่กลับหักรางวัลภารกิจไม่ได้ ทั้งยังลงมือกับเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ด้วย

ต่อให้ปล่อยให้ชวีหลิงเฟิงลงมือ ก็ทำไม่ได้เช่นกัน!

เพราะหากเขาทำอย่างนั้นเมื่อไร คนในยุทธภพก็จะคิดว่าเขามารเฒ่าหวงแพ้แล้วพาล!

หากเป็นเช่นนี้ ชื่อของหวงเย่าซือก็จะถือว่าฉาวโฉ่โดยสิ้นเชิง

หวงเย่าซือเป็นคนทำอะไรแปลกประหลาด ดูเผินๆ เหมือนดูถูกค่านิยมไม่ดีในสังคม บอกว่าตัวเองไม่สนใจสายตาคนในยุทธภพ แต่จำกัดอยู่เพียงทัศนคติของผู้อื่นที่มีต่อลักษณะการทำเรื่องต่างๆ ของเขาเท่านั้น

เขาไม่แยแสเลยหากคนอื่นว่าเขาประหลาด ว่าเขาเป็นมาร ว่าเขาไม่เคารพประเพณี แต่เขาไม่ยอมให้ใครมาว่าเขาเป็นผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ว่าเขาพูดจาไม่เป็นคำพูดเด็ดขาด!

ที่เขาบอกว่าไม่แยแสสายตาคนในสังคม ก็เป็นเพียงความเข้าใจและบรรทัดฐานส่วนตัวต่อเรื่องราวในสังคมเท่านั้น

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็มองออกถึงจุดนี้ของเขา ถึงได้กล้าด่าอย่างอุกอาจขนาดนี้ ทั้งยังทำให้เขาไม่มีหนทางโต้ตอบด้วย

แต่สำหรับบางปัญหานั้น เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่จะให้ชวีหลิงเฟิงมองเยี่ยเว่ยหมิงด่าอาจารย์ตัวเองแล้วจากไปอย่างปลอดภัยเช่นนี้ เขาก็รู้สึกไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก

ส่วนหวงเย่าซือ เห็นได้ชัดว่าไม่มีท่าทีจะอธิบายอะไรกับเขา เพียงใช้วิธีการพูดคุยด้วย ‘เหตุผล’ หยุดยั้งการทำอะไรมุทะลุของชวีหลิงเฟิง จากนั้นก็มองส่งเยี่ยเว่ยหมิงจากไปไกลอย่างช้าๆ แต่ปากที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากกลับเผยรอยยิ้มที่คนอื่นมองไม่เห็น

ทันใดนั้น หวงเย่าซือก็เริ่มหัวเราะลั่น หัวเราะจนชวีหลิงเฟิงรู้สึกขนพองสยองเกล้า

หลังจากนั้นพักหนึ่ง หวงเย่าซือถึงได้หยุดหัวเราะ แล้วส่ายหน้ากล่าวว่า “คิดดูสิ ข้าหวงเย่าซือมีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธภพ พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกับหวังฉงหยาง โอวหยางเฟิง ต้วนจื้อซิง หงชี แต่กลับนึกไม่ถึงว่าคนที่รู้จักข้าดีที่สุดจะเป็นมือปราบเล็กๆ ไร้ประสบการณ์คนหนึ่ง! น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!”

“วิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของข้าไปตกอยู่ในมือเจ้าเด็กที่น่าสนใจเช่นนี้ คงไม่ทำลายชื่อเสียงของมารบูรพาอย่างข้าหรอก”

เมื่อได้ยินหวงเย่าซือพึมพำกับตัวเอง ชวีหลิงเฟิงที่ตกใจจนลืมความโกรธแค้นก่อนหน้านี้ของตัวเองก็ถามว่า “ท่านอาจารย์ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

หวงเย่าซือได้ยินแล้วแสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ”

ชวีหลิงเฟิงรีบก้มหน้า “ศิษย์มิบังอาจ”

เมื่อเห็นชวีหลิงเฟิงมีท่าทางเฉลียวฉลาดขนาดนี้ หวงเย่าซือก็พลันถามว่า “เจ้าปัญญาอ่อน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าลูกสาวของเจ้าตกอยู่ในมือของสำนักมือปราบเทพแล้ว”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงพูดก่อนหน้านี้จะเป็นความจริง!

ตอนนี้หวงเย่าซือส่ายหน้าน้อยๆ “เจ้ามือปราบนั่นทำงานได้รอบคอบไร้ช่องโหว่ ย่อมไม่ลืมเตรียมแผนสำรองหากสู้ไม่ชนะเจ้าอยู่แล้ว ที่จริงโหยวจิ้นแห่งสำนักมือปราบเทพก็วางกับดักแหฟ้าตาข่ายดินไว้รอเจ้าแล้ว ตอนให้ตอนแรกเจ้าสู้ชนะ แต่ก็เลี่ยงชะตากรรมที่จะถูกจับกุมได้ยาก”

ชวีหลิงเฟิงได้ยินแล้วตกใจมาก แต่กลับได้ยินหวงเย่าซือพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ข้ากับสหายหวงแห่งสำนักมือปราบเทพทำข้อตกลงกัน ตอนนี้ลูกสาวเจ้าถูกส่งตัวไปรอพวกเราอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแล้ว”

เมื่อได้ยินหวงเย่าซือพูดเช่นนี้ ชวีหลิงเฟิงมีหรือที่จะยังคิดไม่ได้ว่าอาจารย์ของเขาได้จ่ายราคาสมน้ำสมเนื้อเพื่อสิ่งนี้ ถึงขั้นว่าสิ่งที่จ่ายไปไม่ใช่เพียง ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ วิชาเดียวด้วย

พอนึกถึงจุดนี้ ชายชาตรีคนหนึ่งก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “ศิษย์ทำให้อาจารย์ลำบากแล้ว!”

“อย่ามัวพูดมากเป็นยายแก่” หวงเย่าซือยื่นมือออกมาคว้าเอวของชวีหลิงเฟิงแล้วหิ้วขึ้นมาเสียเลย “โรงเตี๊ยมอะไรนั่นของเจ้า ไม่ต้องทำแล้ว อีกประเดี๋ยวหากรับตัวลูกสาวเจ้ามาแล้ว ก็กลับไปเกาะดอกท้อด้วยกันกับข้า”

“ท่านอาจารย์!” ┭┮﹏┭┮

(ชั่วพริบตาเดียว ฉากก็ราวกับเปลี่ยนเป็นอาทิตย์ยามอัสดง มหาสมุทร โขดหินโสโครก…แค่กๆ ขออภัย ออกนอกบทแล้ว)

……

อีกด้านหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงที่อารมณ์ดีสุดๆ เพราะได้ด่าหวงเย่าซือแบบจัดหนัก ตอนนี้กำลังก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาและว่องไว มุ่งหน้าไปทางวัดถู่ตี้อย่างลำพองใจแล้ว

ที่นั่นก็คือสถานที่นัดพบชั่วคราวของคนในทีม

และตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงไปถึงที่นั่น กลับไม่ได้พบกับดักของโหยวจิ้นเหมือนที่ภารกิจบอกไว้เลย

เขาถึงขั้นไม่เห็นแม้แต่โหยวจิ้นด้วยซ้ำ!

หน้าวัดถู่ตี้ มีเพียงเพื่อนในทีมสี่คนของเขากับชายหนุ่มหน้าคุ้นคนหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มสองสามคน ต่างคนต่างทำธุระของตัวเอง

อืม……

ที่บอกว่า ‘นั่งจับกลุ่มสองสามคน’ ไม่ใช่เพียงคำคุณศัพท์เท่านั้น แต่เป็นคำบรรยายที่ถูกต้องทีเดียว

ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อย สองสาวนั่งหลบแยกตัวอยู่อีกด้าน กำลังพูดคุยหัวข้อสนทนาของผู้หญิง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟยอวี๋ ถังซานไฉ่ก็กำลังนั่งล้อมวงกับชายหนุ่มที่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกคุ้นหน้า ปากกำลังพูดสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

“หนึ่งคู่สาม!”

“หนึ่งคู่หก!”

“จรวด[1]!”

“ฮ่าๆ ข้าเหลือไพ่เพียงใบเดียวแล้ว!”

เนื่องจากชายหนุ่มที่ดูคุ้นตาคนนั้นนั่งหันหลังให้เยี่ยเว่ยหมิงพอดี ชั่วขณะนั้นเยี่ยเว่ยหมิงจึงตัดสินฐานะตัวตนของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาเดินเข้าไปด้วยความสงสัย แล้วถามอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมพวกเจ้ายังเล่นกันได้อีก พวกโหยวจิ้นไปไหนล่ะ แล้วลูกสาวของชวีหลิงเฟิงไปไหนแล้ว”

เมื่อได้ยินคำถาม ชายหนุ่มสามคนที่กำลังตั้งวงเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดก็หันกลับมาพร้อมกัน ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นพวกเขาชัดเจน ก็แทบจะสำลักตรงนั้น

เฟยอวี๋ยังคงเป็นเฟยอวี๋คนเดิม ถังซานไฉ่ก็เป็นถังซานไฉ่คนเดิมเช่นกัน เพียงแต่บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วย…กระดาษเส้นยาว!

ส่วนผู้ที่กำลังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกับพวกเขา บนใบหน้าก็ติดกระดาษเส้นยาวไว้เต็มเช่นกัน ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้แน่ใจตัวตนของอีกฝ่าย

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็น…

“ลู่ติ่งกง!”

เจ้าเป็นขุนนางบรรดาศักดิ์กงขั้นหนึ่งของราชสำนัก แต่มาเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดอยู่กับพวกผู้เล่นในสถานที่เช่นนี้เนี่ยนะ

มาดาเจ้าเถอะ ยังมาเล่นติดกระดาษเส้นยาวอะไรกันอีก!

ช่างร่วมทุกข์ร่วมสุขกับราษฎรจริงๆ!

“สหายเยี่ย ข้าเคยบอกเจ้าตั้งกี่ครั้งแล้ว อย่าเรียกข้าว่าลู่ติ่งกง เรียกข้าว่าเสี่ยวเป่าก็พอแล้ว” หลังจากแก้ไขคำเรียกของเยี่ยเว่ยหมิงไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เหวยเสี่ยวเป่าก็อธิบายว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้าทำภารกิจสำเร็จด้วยตัวเองแล้ว พี่ใหญ่โหยวจิ้นก็เพิ่งพาลูกสาวของชวีหลิงเฟิงไปแล้วด้วย เพียงแต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วแปลกใจนิดหน่อย “เช่นนั้นประเด็นสำคัญคืออะไร”

ตอนนี้เหวยเสี่ยวเป่าดึงกระดาษเส้นยาวบนใบหน้าออกหมดแล้ว ยิ้มแห้งแล้วกล่าวว่า “หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น ก็ย่อมต้องแจกรางวัลภารกิจแล้ว พวกเจ้าทำภารกิจสำเร็จได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ มีการเพิ่มรางวัลด้วยนะ!”

[1] จรวด 王炸 การเรียงไพ่ชุดที่ใหญ่ที่สุดในเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด