ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 91 สังหารอ๋าวป้าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 91 สังหารอ๋าวป้าย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 91 สังหารอ๋าวป้าย

หนีไม่พ้นการทดสอบศักยภาพในการต่อสู้จริงๆ ด้วย?

เยี่ยเว่ยหมิงกวาดสายตามองบนประตูสี่บาน เขาตัด ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ ออกไปก่อนเลย

เทียมฟ้า ฟ้าเทียม?

ชื่อที่มีสไตล์เทพเซียนเข้มข้นอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่กล้าเลือก

แม้ ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ จะเป็นเกมประเภทยอดยุทธ์คุณธรรม เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขาไปท้าสู้กับลิงที่เก่งกาจจนพลิกสวรรค์ได้ ถ้าส่งคู่ต่อสู้แบบ ‘ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้า[1]’ มาให้ ประเภทที่โจมตีครั้งเดียวได้ผลเหมือนโจมตีสามครั้ง เขาเองก็รับไม่ไหวเหมือนกัน!

ทางเลือกนี้อันตรายเกินไป!

หลังจากตัด ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ ทิ้งแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปเดินมาอยู่ระหว่างประตูอีกสามบาน

หนึ่งกระบี่โลหิตสาด แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่ามีกลิ่นอายสังหารหนักมาก

และในเกมออนไลน์ BOSS แบบไหนที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกปวดหัวที่สุดล่ะ

ประเภทพลังป้องกันสูงเลือดใช่ไหม

ไม่ใช่!

เป็นประเภทพลังโจมตีสูง ปลิดชีพได้ไว!

ประเภทแรกอาศัยเวลาเพื่อทรมานให้ตายได้ ส่วนประเภทหลัง อีกฝ่ายปลิดชีพเจ้าได้ แล้ว เจ้าจะค่อยๆ ทรมานอีกฝ่ายได้อย่างไร

แค่เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นสไตล์ที่มีพลังโจมตีสูง เยี่ยเว่ยหมิงถึงตัดทิ้งโดยไม่ลังเล

ปาถูหลู่?

หมายความว่าอะไร

เยี่ยเว่ยหมิงไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

……

ส่วนขันทีผู้แข็งแกร่งนั่น ก็ยิ่งน่างงงวยกว่า

คนต่างก็รู้ว่าเนื่องจากขันทีถูกตัดอวัยวะเพศ พลังกายมักจะสู้ตอนเป็นชายแท้ไม่ได้ ถ้าอยากจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งก็จะยากกว่าคนทั่วไปมาก

เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงเป็นคนที่เพิ่งจะได้เห็น ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ เมื่อไม่นานมานี้!

แม้เขาจะไม่ได้เห็นประสิทธิภาพของสุดยอดวิชาเคล็ดกระบี่ชุดนี้เองกับตา แต่ในข้อมูลที่อินปู้คุยเคยให้เขาไว้ก่อนหน้านี้ก็มีพูดถึงอยู่บ้าง

ตามข้อมูลที่อินปู้คุยให้มา ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ นั่นร้ายกาจมาก หากใช้งานมันขึ้นมาก็จะเหมือนผีเหมือนปีศาจ ร้ายกาจจนฟังดูไม่น่าเป็นไปได้!

ขันทีผู้แข็งแกร่งที่ลู่ติ่งกงให้เขาท้าสู้คนนี้ หรือว่าจะเป็นผู้ที่เคยฝึกตำรากระบี่พิชิตมารมาก่อน

จำเป็นต้องบอกเลยว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก!

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แล้วสุดท้ายก็เดินไปยังประตูบานใหญ่ที่เขียนว่า ‘ปาถูหลู่’

ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ศัตรูที่อยู่หลังประตูบานนี้ อาจจะรับมือได้ง่ายที่สุดแล้วกระมัง

เมื่อผลักประตูเหล็กออก ตรงหน้ากลับเห็นเพียงความดำมืด ราวกับว่าแสงสว่างทั้งหมดที่ส่องเข้าไปหลังประตูบานนั้นถูกพลังงานลึกลับดูดกลืนไปหมดแล้ว ด้านในราวกับเป็นหลุมสีดำขนาดใหญ่ ราวกับเป็นเหวลึกไร้ที่สิ้นสุดที่ดูดคนเข้าไป

หากมองจากด้านนอกของประตูบานนี้ ก็ไม่มีทางเห็นชัดเจนเลยว่าอีกฝั่งหนึ่งซ่อนความน่าหวาดกลัวอะไรไว้กันแน่

ฉากอันแปลกประหลาดอัศจรรย์ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงหัวใจกระตุกวูบ แต่เขาก็ยังก้าวเดินเข้าไป คาดไม่ถึงว่าวินาทีถัดมา ภาพตรงหน้ากลับสว่างวาบโดยฉับพลัน

ที่แท้สิ่งที่เชื่อมต่อกับประตูเหล็กบานนี้ ก็เป็นมิติดันเจี้ยนแยกที่แยกตัวไปต่างหาก!

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงก้าวเข้าไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาก็คือฉากของเรือนพักอันหรูหราที่มีแสงจันทร์ส่องสว่างกลางฟ้า เรือนหลังนี้ตกแต่งได้ประณีตงดงามมาก สวนดอกไม้ ป่าไม้ สระน้ำหิน ภูเขาจำลอง ทุกก้าวที่เดินเข้าไป ล้วนทำให้คนได้เสพสุขกับความงามอันมีเอกลักษณ์ ต่อให้เป็นตอนกลางคืน ก็ยังทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจได้เช่นกัน

พอหันกลับมา พบว่าข้างหลังเป็นป่าไม้เชียวชอุ่ม ตอนเขาเข้ามา ประตูเหล็กบานนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

ดูท่าแล้ว หากอยากจะออกไป ก็จะต้องผ่านการทดสอบด่านนี้ให้ได้ก่อน!

แต่ปัญหาก็คือ การทดสอบของด่านนี้คืออะไรกันแน่

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัย เสียงแจ้งเตือนของระบบกลับดังขึ้นอย่างฉับพลัน

[ติ๊ง! คุณได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางความลึกลับของดันเจี้ยน ‘ปาถูหลู่’ กรุณาไปยังคุกใต้ดิน ลอบสังหารนักโทษอ๋าวป้าย!]

[แจ้งเตือนภารกิจ: เพื่อให้การลอบสังหารของคุณสะดวกยิ่งขึ้น ทหารยามของคุกใต้ดินถูกย้ายออกไปล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นคู่ต่อสู้ของคุณจะเหลือเพียงอ๋าวป้ายคนเดียว]

[แต่อ๋าวป้ายได้รับสมญานามว่าเป็น ‘ปาถูหลู่’ ซึ่งแปลว่านักรบผู้ชาญฉลาด มีความสามารถแกร่งกล้า ยศพันเอกชั้นสาม]

[ดังนั้นคุณต้องทำภารกิจอย่างระมัดระวัง ประมาทไม่ได้เด็ดขาด]

ทหารยามถูกย้ายไปแล้ว?

ทำไมใส่ใจกันขนาดนี้

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับข่าวที่ดีสุดๆ

แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีทหารยามคอยนำทาง แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุกใต้ดินอยู่ตรงไหนกันแน่

ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อพิจารณาว่าจะเริ่มค้นหาจากตรงไหนดี จู่ๆ ก็มีเสียงอันคับแค้นดังขึ้นในภูเขาจำลองตรงหน้าเขา “เสี่ยวกุ้ยจื่อ ขันทีชั้นต่ำไร้ยางอายอย่างเจ้า! วางแผนชั่วลอบทำร้ายข้าถือว่าเป็นวีรบุรุษตรงไหนกัน ถ้าเก่งนักก็ปล่อยข้าออกไปสิ ใช้อาวุธจริงสู้กับข้าสักยกเป็นไร!”

ไม่ได้ยินเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดนี้ มุมปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยยิ้มอย่างพึงพอใจ

ดูท่าคงไม่ต้องหาแล้ว!

……

ทั้งเรือนเป็นเหมือนที่บรรยายไว้ในแจ้งเตือนของระบบ

ไม่มีทหารยาม ไม่มีการลาดตระเวน ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเช่นกัน…

เยี่ยเว่ยหมิงถึงขั้นคาดเดาไปว่า ทั้งลานบ้านนี้นอกจากเสียงกบ เสียงจิ้งหรีดจักจั่นแล้ว ก็มีคนเป็นๆ อยู่เพียงสองคนเท่านั้น

คนหนึ่งคืออ๋าวป้าย อีกคนคือเยี่ยเว่ยหมิง!

นี่เป็นการลอบสังหารเสียที่ไหนกัน เป็นการต่อสู้อีกแบบหนึ่งต่างหาก

เดินกร่างออกมาจากจุดลับตา เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใกล้ภูเขาจำลองทันที และตามหาคุกใต้ดินที่อยู่ในจุดที่ไม่ถือว่าลับตาคนได้อย่างราบรื่น

ขณะเหยียบลงบันไดไปทีละก้าว เยี่ยเว่ยหมิงพบว่าแม้ที่นี่จะเป็นเพียงคุกใต้ดิน แต่สภาพแวดล้อมก็นับว่ายังพอไหว

ทั้งคุกใต้ดินล้วนปูด้วยหินสีเขียว ทำให้ทนทานเป็นพิเศษ ผนังที่อยู่โดยรอบเสียบคบเพลิงเอาไว้หลายสิบเล่ม เปลวไฟที่วูบไหวส่องให้คุกใต้ดินสว่าง

คุกใต้ดินยังสร้างให้ลมพัดผ่านได้ดี ทำให้ข้างในเย็นสบายมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ ทั้งนั้น

พื้นที่คุกใต้ดินแห่งนี้ไม่ใหญ่มาก คงจะประมาณสิบตารางเมตรกว่า บนพื้นปูด้วยหญ้าแห้ง ชายฉกรรจ์สวมชุดนักโทษคนหนึ่งที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงถูกโซ่เหล็กมัดแขนขาไว้ ขณะกำลังดิ้นรนโดยเสียแรงเปล่า เขาก็ตะโกนด่าเสียงดังไปด้วย

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงเดินช้าๆ มาจากด้านนอก นักโทษคนนั้นก็เลิกด่าแล้ว แต่ใช้สายตาเคียดแค้นมองบนตัวเขา “ไอ้หนู เสี่ยวกุ้ยจื่อนั่นส่งเจ้ามาสังหารข้าหรือ หรือว่าเจ้าเป็นผู้เหลือรอดของพรรคฟ้าดิน”

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ แล้วอธิบายอย่างใจเย็น “บรรดาคนที่เจ้าเอ่ยถึง ข้าไม่รู้จักเลยสักคน ที่มาสังหารเจ้าก็เพื่อรับรางวัลภารกิจเท่านั้น เฮ้อ…ข้าจะสิ้นเปลืองคำพูดกับคนใกล้ตายอย่างเจ้าไปทำไมกัน ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ไปโดยตรงก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันพุ่งไปข้างหน้า พุ่งประชิดเข้าไปหาอ๋าวป้ายที่ถูกโซ่เหล็กมัดโดยตรง

เมื่ออ๋าวป้ายเห็นสถานการณ์ดังนั้น กลับหัวเราะลั่นอย่างดูถูกพักหนึ่ง จากนั้นพลันยกมือขวาขึ้นมา ขยุ้มมือโดยคาดคะเน เตรียมจะคว้าศีระของเยี่ยเว่ยหมิงลงมา

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นเช่นนั้นแล้วยิ้มเรียบๆ ขณะที่ตัวเองกำลังจะเข้าสู่ขอบเขตการโจมตีของอ๋าวป้าย เขากลับหยุดกะทัน ปล่อยให้กรงเล็บเสือที่ดุดันของอีกฝ่ายคว้าน้ำเหลว

ตอนที่มองไปยังนักโทษตรงหน้าอีกครั้ง เหนือศีรษะของเขาก็ปรากฏชื่อและแถบค่าพลังชีวิตของเขา

[อ๋าวป้าย]

เลเวล: 35 (สถานะถูกขัง จะไม่ได้กินอาหารหนึ่งวันหนึ่งคืน เลเวลต่ำลง)

พลังชีวิต: 36000/36000

กำลังภายใน: 10000/10000

……

แม้อ๋าวป้ายอยู่ในเลเวลเดียวกับหลินจื้อเพ่ย แต่ค่าสเตตัสของเขากลับสูงจนเหลวไหล โดยเฉพาะตรงแถบพลังชีวิต ถึงขนาดว่าสูงกว่าอวี๋ชางไห่ที่อยู่ในโหมดภารกิจเยอะมาก!

นี่เป็นค่าสเตตัสหลังจากที่เขาถูกโซ่เหล็กมัดแขนขา ไม่ได้กินอาหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืนด้วย

ตัวเขาเมื่ออยู่ในช่วงที่สมบูรณ์เต็มที่ ความสามารถจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

แต่ตามสูตรที่ไป๋จ่านจีเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ สิ่งที่ตัดสินค่าสเตตัสโดยรวมของ BOSS ก็คือเลเวลของเขาเอง

ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่า ไม่ต้องสนว่าในช่วงสมบูรณ์ของ NPC ที่ชื่ออ๋าวป้ายจะเป็นอย่างไร เพราะความสามารถที่เขาแสดงออกมาได้ในตอนนี้ มีเพียงเลเวลสามสิบห้าเท่านั้น

พลังชีวิตของเขาสูงขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีจุดอ่อนที่อันตรายถึงชีวิตตรงอื่นแน่นอน

เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เลเวลของเขาจะไม่ถึงสามสิบห้า!

ส่วนจุดอ่อนของเขาจะอยู่ตรงไหนกันแน่ เกรงว่าคงต้องต่อสู้กันก่อนถึงจะรู้!

หลังจากเข้าใจจุดนี้แล้ว กระบี่ชิงจู๋ในมือเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ท่าพเนจรสุดขอบฟ้าแทงลงตรงกลางอกของอ๋าวป้ายโดยตรง!

[1] ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้า ฉายาของซุนอู้คงหรือซุนหงอคงที่คนไทยรู้จัก เป็นพญาวานรผู้เก่งกาจในวรรณกรรมเรื่องไซอิ๋ว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด