ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 27 ดาบฆ่ามังกรล้ำค่า กดแล้วส่งให้เลย

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 27 ดาบฆ่ามังกรล้ำค่า กดแล้วส่งให้เลย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 27 ดาบฆ่ามังกรล้ำค่า กดแล้วส่งให้เลย

ด้วยความที่เยี่ยเว่ยหมิงเปิดใช้ท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกสุดกำลัง กลุ่มศิษย์สำนักถังเหมินทำได้เพียงกินฝุ่นดินอยู่ข้างหลัง เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงผ่านป่าเล็กๆ ผืนหนึ่งไปแล้ว พวกเขากลับไม่มีสิทธิ์แม้จะกินฝุ่นดินแล้วด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาคลาดกับเยี่ยเว่ยหมิงไปแล้ว!

ในตอนนี้ มีคนเกิดความคิดโลดแล่นเตือนให้พวกเขากลับไปขวางประตู บรรดาศิษย์อย่างพวกเขาจึงมุทะลุดุดันกลับไปที่ประตูฝั่งตะวันออกของเมืองหังโจวอีกครั้ง

หลังจากนั้นยี่สิบนาที เยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏตัวอยู่นอกประตูฝั่งเหนือแล้ว ก่อนจะถูกผู้เล่นสำนักถังเหมินกลุ่มใหญ่ไล่สังหารอีก…

ในตอนนี้ โหยวโหยวยังคงอยู่บนทางไปหมู่บ้านหลงจิ่ง

ในแผนการของเยี่ยเว่ยหมิง ภารกิจของเขาก็คือโดนหยั่งเชิงที่นอกประตูเมืองทั้งสี่ทิศของเมืองหังโหว เพื่อเตือนผู้เล่นเหล่านั้นว่า ‘โหยวโหยว’ ยังป้วนเปี้ยนอยู่นอกเมืองหังโหว กำลังหวังจะหาช่องโหว่ปะปนเข้าเมือง จากนั้นก็นั่งรถม้ากลับสำนักถังเหมิน

ดังนั้นตอนนี้ตรงประตูเมืองทั้งสี่จะต้องมีศิษย์สำนักถังเหมินกลุ่มใหญ่รออยู่เหมือนเฝ้าโพรงดักกระต่ายแน่ และเยี่ยเว่ยหมิงก็ยินดีที่จะเล่นกับพวกเขามากกว่านี้เช่นกัน

เพียงแต่ครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็เจอกับตัวละครที่จัดการยากเข้าแล้ว

‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ คือเกมที่มีผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันหนึ่งล้านคน ยอดฝีมือที่มีวาสนาดีไม่ได้มีแค่เยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว แม้ความเร็วของเขาจะเหนือกว่าผู้เล่นทั่วไปเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องมีผู้เล่นส่วนน้อยที่ความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเขาอยู่แล้ว

นอกประตูฝั่งทิศเหนือของเมืองหังโหว เขาพบกับยอดฝีมือแบบนี้แล้วคนหนึ่ง

เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยความเร็วของท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกเลเวลสามวิ่งตะบึงออกมาแล้วสามลี้ แต่ยังมีผู้เล่นสำนักถังเหมินคนหนึ่งตามหลังเขาอยู่ ไม่เพียงแค่ไม่ดึงระยะห่างออกจากกัน กลับมีระยะห่างลดลงเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ!

จะเห็นได้ว่าความเร็วของผู้เล่นสำนักถังเหมินคนนั้น เร็วกว่าเยี่ยเว่ยหมิงเสียอีก!

“ฮ่าๆ…” เมื่อเห็นเหยื่ออยู่ห่างจากตัวเองแค่ร้อยเมตร ศิษย์สำนักถังเหมินที่ไล่ตามหลังเยี่ยเว่ยหมิงก็หัวเราะลั่นอย่างฮึกเหิม “ศิษย์น้องโหยวโหยว ข้าถังซานไฉ่ไม่เหมือนคนอื่นหรอกนะ เจ้าสลัดคนอื่นได้ แต่สลัดข้าไม่ได้หรอก! พวกเรามาเจรจากันสักครั้งดีไหม เจ้าส่งหน้าไม้เทพจูเก๋อให้ข้า ข้าถังซานไฉ่สัญญาว่าจะช่วยเจ้าลงมือสามครั้ง ไม่ว่าจะทำภารกิจไหน จะฆ่า BOSS หรือจะ PK ก็ได้ ศิษย์น้องคิดว่าอย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงใช้พิราบส่งจดหมายหาโหยวโหยว [ ถังซานไฉ่คือใคร?]

อีกฝ่ายตอบกลับว่า [ไม่เคยเห็นตัวจริง แต่ก่อนหน้านี้เคยได้ยินพวกแกงหมูน้ำมันพริกเอ่ยถึง คนคนนี้เมื่อก่อนเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ ของเกมอื่น และตอนนี้ก็แสดงความสามารถโดดเด่นในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แล้ว แกงหมูน้ำมันพริกบอกว่าเขาอาจจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของศิษย์สำนักถังเหมินในปัจจุบัน เจ้าเจอเขาแล้วหรือ]

เขาใช้พิราบส่งจดหมายอีกครั้ง [ในเมื่อข้ามีเวลามาส่งจดหมายหาเจ้าได้ ก็แสดงว่าข้าไม่มีอันตราย แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ]

[อ้อ] โหยวโหยวจบประโยคสนทนา

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหมู่ผู้เล่นสำนักถังเหมินเหรอ

น่าสนใจอยู่นะ!

หลังจากอ่านคำตอบของโหยวโหยวจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันเบรกกะทันหัน จากนั้นหมุนตัวร้อยแปดสิบองศา มือซ้ายงอนิ้วคำนวณ มือขวาชี้หน้าไม้ไปทางถังซานไฉ่

ใช้งานผลแอคทีฟสกิลไท้ซัวเป็นไฉน!

เมื่อได้รับเอฟเฟ็กต์ของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ถังซานไฉ่ก็รู้สึกเริ่มเย็นวาบขึ้นมาจากหลังเท้า พุ่งตรงขึ้นมากลางกะโหลกศีรษะ!

เขารู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ไล่ตามคน จนเหมือนจะมองข้ามปัญหาสำคัญไปอย่างหนึ่ง…

หลังจากเบรกกะทันหัน ถังซานไฉ่ก็เลี้ยวหนีไป!

คุยโม้อะไรกัน?

ในมืออีกฝ่ายถือหน้าไม้เทพจูเก๋อเชียวนะ!

หน้าไม้เทพจูเก๋อไม่ใช่อาวุธที่คนคนเดียวจะสู้ไหว!

ฉันจะตามเร็วไปขนาดนั้นทำไมกัน

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วอ้อมไปทางประตูฝั่งตะวันออกของเมืองหังโหว ความเร็วเหนือกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเลย เป็นเพราะในระหว่างหนีการไล่ล่า ในที่สุดท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกของเขาก็อัปถึงเลเวลสี่แล้ว

แต่พอนึกได้ว่าผู้เล่นที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังอาจจะเป็นยอดฝีมือของเกม และในฐานะที่เป็นยอดฝีมือของเกม ก็แยกออกได้ง่ายมากว่าค่าตบะที่ได้จาก BOSS ตัวเดียว บวกกับรางวัลจากภารกิจจับกุมนั้น อัปวิชาตัวเบาระดับต้นของโหยวโหยวให้เกินเลเวลสามไม่ได้

ดังนั้น เขาถึงไม่ได้เร่งความเร็วทันทีหลังจากอัปเลเวลวิชาตัวเบาได้ แต่ใช้พลังข่มขู่ของหน้าไม้เทพจูเก๋อมาทำให้ถังซานไฉ่ตกใจถอยไป

ตอนนี้ โหยวโหยวก็ยังอยู่บนทางไปหมู่บ้านหลงจิ่ง

หลังจากนั้นอีกยี่สิบนาที ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อ้อมไปอยู่ในป่าผืนเล็กนอกประตูเมืองฝั่งตะวันออกของเมืองหังโหวแล้ว เพิ่งคิดว่าจะดึงค่าความแค้นสักหน่อย แต่กลับได้รับพิราบส่งจดหมายจากโหยวโหยว

[ภารกิจเสร็จสิ้น ในภายหลังจากต้องการความช่วยเหลือ เรียกเมื่อไรก็จะไปหาเมื่อนั้น…โหยวโหยว]

ประโยคที่เรียบง่ายสุดๆ แต่กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหมือนได้เห็นใบหน้าสวยพริ้มเพราที่เคร่งขรึมพูดน้อยของโหยวโหยว

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบอะไร เขาเปลี่ยนกลับมาใส่เครื่องแบบทางการของตัวเองเสียเลย แล้วเข้าเมืองหังโหวจากประตูฝั่งตะวันออกอย่างไม่รีบร้อน

ผู้เล่นสำนักถังเหมินมาไวและแยกย้ายไว เมื่อโหยวโหยวลงรถม้าตรงจุดพักม้าของสำนักถังเหมิน ก็มีผู้เล่นเห็นนางแล้ว โดยเฉพาะตอนที่เห็น NPC เลเวลสูงคนหนึ่งมาหานางเพื่อรับรายงานภารกิจ ยังจะมีใครไม่รู้อีกว่าฉากการไล่ล่าของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว

ดังนั้น บรรดาผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมการไล่สังหารเริ่มใช้พิราบส่งจดหมายให้เพื่อนของตัวเอง ข่าวแพร่จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ผ่านไปไม่นานทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อหน้าไม้เทพจูเก๋อแล้ว จึงได้ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

อย่างไรเสียทุกคนก็งานยุ่งมากไม่ใช่หรือ

……

ภายใต้แสงอาทิตย์สายัณห์ ทิวทัศน์ริมทะเลสาบซีหูย่อมงดงามจนเชยชมไม่ชนะ สะพานขาดเป็นหนึ่งในสิบทิวทัศน์ของทะเลสาบซีหู ทั้งยังมีตำนานอันงดงามเกี่ยวกับนางพญางูขาว เป็นสถานที่นัดเดตของบรรดาคู่รักในเกม ระหว่างที่เดินจะเห็นผู้เล่นชายหญิงจับคู่กันพูดคุยไปหัวเราะไปเป็นระยะ บางครั้งก็จะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงประมาณว่า ‘ผีสาวอยู่ข้างหน้า’ พร้อมโปรยธัญพืชกำใหญ่มาด้านนอก

ส่วนที่บอกว่า ตอนเป็นมือใหม่คือช่วงเวลาล้ำค่าในการยกระดับความสามารถของตัวเอง ต้องรักษาระยะห่างกับคนอื่นน่ะหรือ

สำหรับคนมากมายที่อายุเท่าพวกเขา ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ยังไม่สำคัญเท่าการมีแฟนออกเดตเลย!

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เตรียมจะมีแฟนในเกมนี้ แต่เมื่อเห็นคู่รักที่อยู่รอบๆ เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดมาก ความรู้สึกอึดอัดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเห็นคนอื่นอวดคู่รัก แต่เป็นเพราะ…

ในช่วงเวลายอดนิยมของการมีความรัก เขาถ่อมาถึงสถานที่ยอดนิยมสำหรับออกเดต แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเพื่อเจอกับนักพรตเต๋าคนหนึ่ง จะไม่รำคาญใจไหวหรือ

ที่น่ารำคาญใจยิ่งกว่านั้นก็คือ คนที่ฉันต้องพบแม่งยังเป็นนักพรตเต๋าผู้ชายอีกด้วย!

“สหายเยี่ย เจ้ามาแล้วหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอินปู้คุยที่สวมชุดนักพรตเต๋าโบกมือทักทายเขาตั้งแต่ไกลๆ ทำให้บรรดาคู่รักรอบๆ มองมาด้วยสายตาแตกต่างกันไป

เยี่ยเว่ยหมิงเดินหน้ามืดครึ้มไปตรงหน้าอินปู้คุย แล้วบ่นอย่างอดไม่ได้ว่า “ดูสถานที่ที่เจ้าเลือกสิ!”

“ข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน” อินปู้คุยทำสีหน้าจนใจใส่เขา “ไม่ว่าจะเป็นในเกมหรือในชีวิตจริง ข้าก็เพิ่งเคยมาหังโจวครั้งแรก สถานที่ที่ข้ารู้จักชื่อ รวมๆ แล้วก็มีไม่กี่ที่หรอก ส่วนใหญ่ก็มีทะเลสาบซีหู สะพานขาด เจดีย์เหลยเฟิง วัดหลิงอิ่น ที่ทะเลสาบซีหูมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เจดีย์เหลยเฟิงที่เขตฝึกอัปเลเวล มีสายตาคนจับจ้องมากเกินไป ส่วนวัดหลิงอิ่น…ข้าเดาว่าพวกเขาอาจไม่ต้อนรับนักพรตเต๋า”

จุดอัปเลเวลมีคนเยอะ แล้วตรงนี้มีคนน้อยหรือไง

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาหลากหลายรอบตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีหนามแทงหลัง “พวกเราเปลี่ยนสถานที่คุยกันดีกว่า ข้ารู้สึกว่าสายตาที่พวกเขามองข้า เหมือนเวลาที่นารูโตะกำลังตะโกนเรียกซาสึเกะอย่างนั้นแหละ”

“ก็ได้ ที่จริงข้าก็รู้สึกได้เหมือนกัน”

ทั้งสองต่างคนต่างใช้ท่าร่าง พุ่งออกนอกเขตอำนาจของคู่รักบริเวณสะพานขาดราวกับหลบหนี แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “เป้าหมายภารกิจของพวกเราเหมือนกัน มีพื้นฐานให้ร่วมมือกัน แต่ข้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับภารกิจนี้น้อยเกินไป เจ้าเดินทางจากเขาอู่ตังมาถึงที่นี่ น่าจะรู้มากกว่าข้าอยู่บ้างแหละน่า”

“เจ้าอยากรู้อะไร” อินปู้คุยถาม

“ถ้าจะให้ดีที่สุดก็เล่าตั้งแต่ต้นเลย”

“ถ้าจะเล่าตั้งแต่เริ่มต้น ก็ต้องเริ่มจากดาบฆ่ามังกร” อินปู้คุยกล่าว

“ดาบฆ่ามังกร?”

“สหายเยี่ยก็เคยได้ยินเรื่องดาบฆ่ามังกรมาก่อนใช่ไหม”

“แน่นอน” เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ข้ายังจำประโยคพูดติดปากเกี่ยวกับดาบฆ่ามังกรได้ เหมือนจะเรียกว่าอะไรนะ…ใช่แล้ว!”

“ดาบฆ่ามังกรล้ำค่า กดแล้วส่งให้เลย!” เยี่ยเว่ยหมิงตบต้นขา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด