ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 122 ทั้งต้นทุนทั้งกำไร

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 122 ทั้งต้นทุนทั้งกำไร อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ผู้น้อยเดิมทีเป็นมือปราบที่เมืองหลวง ฆ่ามอนสเตอร์ ฝึกอัปเลเวล ทำภารกิจ เล่นเกมอย่างหรรษา

แต่เหมียวเหรินเฟิ่งนั่น เขาไม่ปรานีกันเลย

คิดว่าจวนขุนนางไม่มีตาหรืออย่างไร ถึงมาฮุบรางวัลภารกิจของข้า

รางวัล

ของ

ข้า!

……

ตอนทำภารกิจพูดไว้ชัดเจนแล้วแท้ๆ ว่าหลังจากทำภารกิจสำเร็จจะได้อัปเลเวลวิชาดาบหรือเคล็ดกระบี่อย่างใดอย่างหนึ่ง

เหตุใดหลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนไปล่ะ

ก่อนทำภารกิจ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของข้าอยู่ในเลเวลเก้าแล้วแท้ๆ ท่านมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าตอนนี้ชี้แนะไม่ไหว

แล้วยังจะมีกฎหมายไว้ทำไม

ยังจะมีกติกาไว้ทำไมอีก!

สำหรับอำนาจชั่วร้ายที่พูดจาไม่เป็นคำพูด ฮุบรางวัลคนอื่นไว้แบบนี้ ผู้ที่มั่นคงซื่อตรงอย่างเยี่ยเว่ยหมิงย่อมไม่อาจก้มหัวให้อยู่แล้ว!

แม้จะสู้ไม่ไหว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบด้านเหตุผล

ขณะมองเหมียวเหรินเฟิ่งที่มีสีหน้าลำบากใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้พิษภัยออกมา “ในเมื่อจอมยุทธ์เหมียวรู้สึกลำบากใจกับสิ่งนี้ เช่นนั้นรางวัลภารกิจนั่น ก็ใช่ว่าข้าจะต้องได้เสมอไป…

…เพียงแต่คนอย่างข้าน่ะปากไว เมื่อพบเจอเรื่องขุ่นมัวใจก็ไม่ชอบเก็บกดเอาไว้ในใจอยู่แล้ว ข้าตั้งใจว่าหลังจากกลับถึงเมืองเปี้ยนเหลียง ข้าจะให้สหายเหวยเสี่ยวเป่าช่วยข้าหานักเล่านิทานสักสองสามคน เรียบเรียงเรื่องที่จอมยุทธ์เหมียวพูดจาไม่เป็นคำพูด ฮุบรางวัลภารกิจ แล้วนำไปเล่าตามโรงเตี๊ยม…”

เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ออกมา อย่าว่าแต่เหมียวเหรินเฟิ่งเลย แม้แต่ผู้เล่นสามคนที่มากับเขาก็เริ่มมีสีหน้าแปลกๆ แล้ว

เจ้าเด็กดี ว่าแล้วว่าต้องโหด!

ตั้งแต่เกมเปิดเซิร์ฟมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นเวลาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากผ่านประสบการณ์เล่นเกมมายาวนาน ทุกคนก็พอจะเข้าใจธรรมชาติของเกมนี้พอสมควร พอจะเข้าใจเรื่องราวยุทธภพในระดับหนึ่งแล้ว

ในยุทธภพนี้ พวกที่ยอมขายชีวิตแลกเงินมักเป็นตัวละครเล็กๆ ที่ฝีมือกาก บุคคลที่มีหน้ามีตาจริงๆ ส่วนใหญ่มองเงินเป็นเหมือนอุจจาระแล้ว ยามเผชิญหน้ากับอำนาจที่เข้มแข็งก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน ถึงขั้นที่เป็นคนโหดไม่สนใจความเป็นความตายด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างไรยุทธภพก็ไม่ใช่สถานที่บ่มเพาะนักปราชญ์ ยิ่งเป็นคนโหดที่ดูเหมือนตีรันฟันแทงไม่เข้าเช่นนี้ ก็ยิ่งปล่อยวางกับคำว่า ‘ชื่อ’ ไม่ได้มากที่สุด

คําขวัญของพวกเขาก็คือ

ยอมให้ชื่ออยู่แล้วตัวตาย ดีกว่าชื่อตายแล้วตัวอยู่!

ดูจากการแสดงออกต่างๆ ที่ผ่านมาของเหมียวเหรินเฟิ่ง ฟังจากเรื่องราวอันห้าวหาญผดุงคุณธรรมที่เขาเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ก็รู้แล้ว ว่าเขาเป็นคนโหดที่เห็นชื่อเสียงสำคัญกว่าชีวิต!

คำขู่ของเยี่ยเว่ยหมิง โจมตีโดนจุดอ่อนโดยตรง!

ลองถามใจตัวเองดูแล้ว หากเปลี่ยนให้เยี่ยเว่ยหมิงเป็นพวกเขา บางทีพวกเขาอาจพยายามต่อสู้กับเหมียวเหรินเฟิ่งด้วยเหตุผลได้ แต่ใช้ท่าไม้ตายโหดที่ชั่วร้ายอย่างนี้ไม่ได้แน่นอน

ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว อีกฝ่ายจะอยู่อย่างสบายที่สุดได้อย่างไรล่ะ

นี่ก็คือความแตกต่าง!

ชั่วขณะนั้น ทั้งสามก็มองไปทางเหมียวเหรินเฟิ่งด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

เหมียวเหรินเฟิ่งถูกเจ้าคนพวกนี้มองจนแอบขนลุกในใจ แน่นอนว่ารู้สึกจนปัญญากับคำขู่ของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ แม้ค่าพลังยุทธ์ของเขาจะโจมตีทุกคนที่อยู่ตรงนี้ได้สบาย แต่วีรบุรุษที่ชอบธรรมกลับไม่ได้รับอนุญาตให้รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าโดยไร้เหตุผล

ภายใต้ความจนใจ เหมียวเหรินเฟิ่งทำได้เพียงอธิบายกับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างเนิบนาบนุ่มนวล “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ที่จริงเหมียวผู้นี้ไม่ได้อยากกลืนน้ำลายตัวเองเลย เพียงแต่เคล็ดกระบี่ที่เจ้าแสดงให้ดูก่อนหน้านี้ มองเผินๆ เหมือนธรรมดาไม่มีอะไรแปลก แต่ตอนนี้มันอยู่ในจุดอิ่มตัวแล้ว หากอยากจะก้าวหน้าอีกขั้น ก็จะต้องทำให้ได้ถึงขั้นที่เปลี่ยนจากแย่ให้เป็นดี ส่วนระดับที่ว่ามานั้น เหมียวผู้นี้ลองถามใจตัวเองดูแล้ว พบว่าตัวเองทำไม่ได้ แล้วจะไปชี้แนะได้เจ้าอย่างไร”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ “ดังนั้น นี่ก็คือเหตุผลที่ท่านจะฮุบรางวัลภารกิจของข้าอย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว” เหมียวเหรินเฟิ่งกล่าวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยเหตุผล “สำหรับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่เจ้าแสดงให้ดูก่อนหน้านี้ ข้าอยากช่วยแต่ไร้ความสามารถจริงๆ หรือเจ้าจะเปลี่ยนเป็นเคล็ดกระบี่อื่นดีไหม เช่นเคล็ดกระบี่ที่เจ้าใช้ลงมือกับข้าก่อนหน้านี้ เคล็ดกระบี่ที่เจ้าร่วมมือกับแม่นางน้อยนั่น แม้เคล็ดกระบี่นั่นเจ้าจะฝึกจนถึงขั้นที่ข้าชี้แนะได้ลำบาก แต่ก็พอดันทุรังไหว”

เยี่ยเว่ยหมิงมองเหมียวเหรินเฟิ่งด้วยสีหน้าของคนที่ได้รับความอยุติธรรม “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ข้าต้องทิ้งทางเลือกที่ดีที่สุดนี้ไป ลดรางวัลภารกิจของตัวเองให้ต่ำลงหนึ่งระดับหรือ”

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ แล้วเห็นสีหน้าน้อยอกน้อยใจของเขาอีก เหมียวเหรินเฟิ่งก็อยากจะแทงเจ้าหนุ่มน่ารังเกียจนี่ให้ตายตอนนี้เลย

ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงไม่มี ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ แต่ดูแค่เลเวล ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของเขาอย่างเดียว ก็สูงกว่าเลเวลสัมพัทธ์ของพวกสะพานสวรรค์น้อยแล้ว

ที่เรียกว่าเลเวลสัมพัทธ์ ถ้าจะให้อธิบายก็ค่อนข้างซับซ้อน เปลี่ยนวิธีพูดให้ธรรมดาหน่อยก็คือ…

ตอนนี้เคล็ดกระบี่ฉวนเจินของเยี่ยเว่ยหมิงเลเวลห้า ส่วนเคล็ดกระบี่ดรุณีหยกของสะพานสวรรค์น้อยกับเคล็ดดาบตระกูลหูของเฟยอวี๋อาจไม่ได้ต่ำกว่าเลเวลเคล็ดกระบี่ฉวนเจินของเขา แต่การเพิ่มหนึ่งเลเวลของเคล็ดกระบี่ฉวนเจินต้องใช้ค่าประสบการณ์สี่หมื่นแต้ม ส่วนการเพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่ดรุณีหยก หรือเคล็ดดาบตระกูลหูต้องใช้ค่าประสบการณ์ประมาณหมื่นแต้มเท่านั้น

เพิ่มหนึ่งเลเวลเหมือนกัน แต่ผลประโยชน์ที่เยี่ยเว่ยหมิงได้รับจะเยอะกว่าคนอื่นหลายเท่าแน่นอน!

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเลเวลสัมพัทธ์!

ได้รับผลประโยชน์มากมายขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับแสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ

คนประเภทนี้ เจ้าว่าวอนโดนเท้ากระทืบไหมล่ะ

แต่เหมียวเหรินเฟิ่งเป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ตรงไปตรงมา เพื่อรักษาคาแรคเตอร์ของตัวเอง เขายังต้องข่มตัวเองไม่ให้วู่วามทำร้ายอีกฝ่าย ได้แต่กล่าวอย่างจนใจว่า “นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็บอกสาเหตุไว้แล้ว ความสามารถมีจำกัด หรือจะเอาอย่างนี้ล่ะ พวกเรามาแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกันหนึ่งอย่าง ขอเพียงเจ้าไม่ให้ข้าชี้แนะ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ข้าก็จะชี้แนะทักษะประเภทดาบกระบี่ทั้งหมดที่เจ้าเรียนมาหนึ่งรอบ เป็นอย่างไร”

ในเมื่อเหมียวเหรินเฟิ่งพูดขนาดนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงตอบตกลง เพียงแต่สีหน้าของเขายังดูหงอยเหงาเศร้าซึมนิดหน่อย

เมื่อได้เห็นฉากนี้ ในที่สุดเหมียวเหรินเฟิ่งก็โล่งอกแล้ว

เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กนี่ฝึก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ กับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เป็นหลัก แม้จะฝึกอย่างอื่นด้วย แต่ก็เป็นเพียงเคล็ดกระบี่ระดับต้นที่ที่เอาไว้เผื่อฉุกเฉินเท่านั้น ทั้งยังเลเวลไม่สูงด้วย

ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาคงไม่ทำสีหน้าอย่างนี้แน่นอน

จากนั้น…

เหมียวเหรินเฟิ่งก็ชี้แนะเยี่ยเว่ยหมิงทั้งคืน

ตั้งแต่โพล้เพล้จนกระทั่งดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า พระหน้าทองที่ถูกเรียกว่า ‘ทั้งใต้หล้าไร้คู่ต่อสู้’ ถึงได้กล่าวอำลาพวกเขา แล้วออกจากเขาเล่อซานไปราวกับกำลังหนี

ส่วนค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนแล้ว…

[เยี่ยเว่ยหมิง]

เลเวล: 19

……

พลังชีวิต: 7700/7700

กำลังภายใน: 3320/3320

ความแข็งแกร่ง: 307

พละกำลัง: 307

ท่าร่าง: 293

ความว่องไว: 187

สติปัญญา: 35

ค่าตระหนักรู้: 36

…….

[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น)]

เลเวล: 9

ค่าประสบการณ์: 0/25600พลังชีวิต +450

กำลังภายใน +450

ความแข็งแกร่ง +45

พละกำลัง +45

ท่าร่าง +45

ความว่องไว +45

……

[คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น]

เลเวล: 5

ค่าประสบการณ์: 0/10000พลังชีวิตสูงสุด +1500

กำลังภายใน +1500

ความแข็งแกร่ง +100

พละกำลัง +100

ท่าร่าง +100

ความว่องไว +100

สติปัญญา +10

ค่าตระหนักรู้ +5

……

[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น)]เลเวล: 9

ค่าประสบการณ์: 6365/300000

ประสิทธิภาพ +90%

แม่นยำ +90%

……

[มังกรร่อนล่อหงส์ (ระดับกลาง)]เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 311/20000

ป้องกัน +120%

แม่นยำ +120%

หลบหลีก +60%

เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ดีบัฟ

……

[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง)]เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 0/100000

โจมตี +120%

แม่นยำ +120%

พละกำลัง +120

ความแข็งแกร่ง +120

พลังชีวิตสูงสุด +1200

……

[คนผีร่วมวิถี](เป็นเคล็ดวิชาพิเศษ ไม่สามารถเพิ่มเลเวลได้)

โจมตี +300%

แม่นยำ +300%

……

[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)]เลเวล: 6

ค่าประสบการณ์: 5800/8000

ท่าร่าง +120

……

[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)]เลเวล: 3

ค่าประสบการณ์: 3595/4000

ดาเมจโจมตี +30%

แม่นยำ +30%

ดาเมจคริติคอล +30%

ดาเมจโจมตีจุดสำคัญมีโอกาส 5% ที่จะโจมตีครั้งเดียวถึงตาย!

……

[อุปกรณ์]

ข้าม

……

ทั้ง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ และ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ล้วนได้เพิ่มหนึ่งเลเวล ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงประหยัดค่าประสบการณ์ไปห้าหมื่นแต้ม เมื่อเห็นเหมียวเหรินเฟิ่งจากไปด้วยสีหน้าเหมือนกินแมลงวัน เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบสะใจเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง

และในขณะนี้เอง เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นอย่างทันเวลา

[ติ๊ง! เนื่องจากคุณใช้วิธีการต่ำช้าบีบจอมยุทธ์เหมียวเหรินเฟิ่ง ทำให้รางวัลภารกิจของตัวเองเพิ่มเยอะมาก ค่าวีรบุรุษ -20!]

อ้าว เฮ้ย!

เมื่อได้ยินแจ้งเตือนระบบแบบนี้ รอยยิ้มของเยี่ยเว่ยหมิงถูกแข็งค้างทันที

สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วรีบถาม “เป็นอะไรไป”

เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบ เพียงจับภาพข้อมูลส่งในช่องทีมเงียบๆ พร้อมแนบอิโมติคอนร้องไห้

o(╥﹏╥)o

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า เมื่อมีใครสักคนดวงซวย แล้วได้เห็นคนอื่นซวยเหมือนตัวเอง ก็จะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

เฟยอวี๋ก็เป็นคนต่ำช้าประเภทนั้น!

เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงถูกหักค่าวีรบุรุษ เขากลับหัวเราะลั่นอย่างไม่เห็นใจแม้แต่น้อย “ก่อนหน้านี้ตอนข้าวางเพลิงเผาบ้านก็ถูกหักค่าวีรบุรุษไปยี่สิบแต้ม ตอนนี้ในใจรู้สึกว่ายุติธรรมแล้ว”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าให้เขา แล้วกล่าวเสริม “ข้าใช้ค่าวีรบุรุษยี่สิบแต้ม แลกกับค่าตบะหนึ่งหมื่นแต้ม ไม่รู้เหมือนกันว่าคุ้มหรือเปล่า”

“ขอปิดกั้นตัวเองสักพัก…” เฟยอวี๋ตอบ

เยี่ยเว่ยหมิงรีบดึงเจ้าหมอนี่ที่จะแกล้งเป็นลม “อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเอง ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากข้าแล้วว่าจะช่วยทำภารกิจ…”

“หา?” เฟยอวี๋ได้ยินแล้วดึงสติกลับมา “จะว่าไปแล้วข้าก็แปลกใจมาตลอด เจ้าได้รับภารกิจอะไรกันแน่”

“คดีขโมยของในพระราชวัง!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด