ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 66 นี่คืออุบาย

อ่านนิยายจีนเรื่อง ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ ตอนที่ 66 นี่คืออุบาย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 66 นี่คืออุบาย

เมื่อเจรจาเงื่อนไขกับหลินเจิ้นหนานเสร็จ หกคนของทีมมือปราบเทพก็เริ่มรวมตัวประชุมเร่งด่วนก่อนต่อสู้กันทันที

ในสายตาของ NPC เหล่านั้น ผู้เล่นกลุ่มนี้ก็เหมือนมนุษย์หน้าโง่หกคนที่นั่งล้อมวงกันเงียบๆ บางครั้งก็เพียงยักคิ้วหลิ่วตาสื่อสารกันเท่านั้น

ที่จริงแล้วพวกเขากลับอยู่ในช่องทีม กำลังเจรจากันอย่างตึงเครียด

สะพานสวรรค์คริสตัล [จนป่านนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร ทำไมพวกเราต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แล้วก็หลินผิงจือนั่นอีก เขาสำคัญมากหรือ ทำไมต้องพาเขากลับสำนักมือปราบเทพให้ได้]

เฟยอวี๋ [แน่นอนว่าหลินผิงจือต้องสำคัญอยู่แล้ว ตามที่พวกหลินเจิ้นหนานบรรยายไว้ก่อนหน้านี้ คดีนี้เกิดขึ้นเพราะหลินผิงจือฆ่าผู้ชายหน้าหม้อนั่น เขาถึงเป็นตัวละครสำคัญของคดี]

ซานเย่ว์ [ข้าเข้าใจความสำคัญของหลินผิงจือคนนี้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมไม่หาข้ออ้างสักอย่างเพื่อพาหลินเจิ้นหนานกับฮูหยินไปสำนักมือปราบเทพด้วยกัน]

เฟยอวี๋ [อันนี้ก็ต้องถามสหายเยี่ยแล้ว ƪ(˘⌣˘)ʃ]

เยี่ยเว่ยหมิง [เฮ้อ…ฝ่ายเรากับฝ่ายศัตรูมีศักยภาพต่างกันเกินไป ข้าเองก็ทำไปเพื่อกระจายกำลังของศัตรู ถึงได้เกิดแผนการระดับต่ำนี้ขึ้น อิงจากข้อมูลที่แสดง ตระกูลหลินมีเพลงกระบี่ประจำตระกูลที่เป็นระดับสุดยอดวิชา พวกเขาถึงได้ถูกอำนาจหลายฝ่ายในยุทธภพจับจ้อง หากแยกกันปฏิบัติการ หลินเจิ้นหนานที่กุมความลับเพลงกระบี่ไว้จะช่วยกระจายกำลังของฝ่ายศัตรูไปได้เยอะมากแน่นอน]

สะพานสวรรค์คริสตัล [นี่เป็นความคิดที่ดีชัดๆ ทำไมถึงเรียกว่าแผนการระดับต่ำล่ะ]

เยี่ยเว่ยหมิง [พูดถึงจุดนี้น่ะหรือ ถ้าเป็นคนทั่วไปข้าไม่บอกหรอก]

ทุกคน [ชูนิ้วกลาง]

เยี่ยเว่ยหมิง [(。•ᴗ-) เอาละๆ อย่าตื่นเต้นไป]

[ที่จริงเป็นเพราะตอนที่ทำภารกิจ ข้าคนพบเคล็ดลับบางอย่าง นั่นก็คือในภารกิจเขียนรายการรางวัลเอาไว้ชัดเจน เป็นเพียงรางวัลพื้นฐานของภารกิจหนึ่งเท่านั้น หากมีระดับความสำเร็จที่ดีกว่าเดิม จะต้องได้รางวัลมากกว่าเดิมแน่นอน…

…ยกตัวอย่างเช่น เป้าหมายภารกิจครั้งนี้ของพวกเราก็คือสืบความจริงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสำนักคุ้มภัยฝูเวย ถ้าดูจากภายนอก ขอเพียงพวกเราไขคดีได้ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่าสำนักคุ้มภัยฝูเวยจะมีคนตายเท่าไร หรือหลังจากพวกเรามาถึงที่นี่แล้วจะมีคนตายเพิ่มอีกเท่าไร…

…พวกเราเพียงแค่ต้องสืบหาตัวคนร้าย รายงานรายละเอียดของคดีขึ้นไปก็พอ ศัตรูที่ร้ายกาจเหล่านั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องลงมือ…

…แต่ในความเป็นจริง หากพวกเราทำได้ดีกว่าเดิม รางวัลก็จะเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วยแน่นอน…

…หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ข้าก็แค่พบว่าแผนนี้เป็นความเสี่ยงต่ำที่ได้ผลตอบแทนสูงจริงๆ ข้าถึงได้ยอมถอยจากสิ่งที่ดีที่สุด แล้วมาเลือกสิ่งที่มีหลักประกันขั้นต่ำ…

…ดังนั้น ข้าถึงได้บอกว่านี่คือแผนการระดับต่ำ…]

ให้เวลาทุกคนเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อย่อยสิ่งที่อธิบายไปก่อนหน้านี้ แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็พูดต่อว่า [จะว่าไปแล้วก็โชคดีที่หลินผิงจือนั่นเอ่ยถึงสำนักคุ้มภัยทงเทียน ไม่อย่างนั้นข้าก็คิดวิธีการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำสุดอย่างนี้ไม่ออก…]

ตอนนี้ เฟยอวี๋ที่อยู่อีกด้านส่งข้อความมาพูดต่อจากเขาได้อย่างถูกจังหวะ [หากหลินเจิ้นหนานอยากรับประกันความสงบสุขของทุกคนในครอบครัว ก็ต้องควักเงินค่าจ้างคุ้มภัยจ่ายแต่โดยดี พวกเราก็จะได้นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มากที่สุดอย่างหลินผิงจือกลับสำนักมือปราบเทพโดยตรง ถึงตอนนั้นจะมี NPC ระดับสูงในสำนักคอยคุมพยานปากสำคัญคนนี้ แล้วพวกเราก็จะสืบหาความจริงได้เต็มที่แล้วเช่นกัน]

เจ้าหมอนี่ จนป่านนี้แล้วยังไม่ลืมที่จะแสดงถึงการมีอยู่ของตัวเอง มาแย่งซีนเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

จะว่าไปแล้ว ชื่อเสียงอันจอมปลอมของศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ สำคัญสำหรับเจ้าหมอนี่ขนาดนั้นเชียวหรือ

เยี่ยเว่ยหมิงมองสำรวจเจ้าหนุ่มที่ตั้งใจแข่งกับตัวเองปราดหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นสนทนา [ที่จริงแม้ข้าจะเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยอยู่ดี…

…นึกไม่ถึงว่าศัตรูจะกล้าทิ้งอักษรเลือดไว้ด้านนอกว่า ‘ออกจากประตูสิบก้าว ตาย’ ในเมื่อศัตรูไม่ปล่อยให้พวกเราพาสามคนของตระกูลหลินไปส่งให้สำนักคุ้มภัยทงเทียนอย่างปลอดภัย…

…ถ้าอย่างนั้น ต่อไปคงต้องเกิดศึกเดือดอีกไม่น้อย หากทุกคนมีอุปกรณ์อะไรที่ไม่ได้ใช้ก็นำออกมา แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองไม่มีกันสักหน่อย จะได้เพิ่มพลังรบให้ทั้งทีมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้]

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบพร้อมกัน เฟยอวี๋ก็ยิ่งหัวเราะหึๆ ในใจ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งค่าสเตตัสของปลอกข้อมือสีน้ำเงิน ปลอกข้อมือหนังกบและตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ ออกมาที่ช่องทีม [ใครต้องการอันไหน ตอนนี้เสนอราคามาได้เลย ขอเพียงราคาเหมาะสม พวกเราก็ตกลงซื้อขายกันตรงนี้ได้]

เฟยอวี๋ที่เดิมทีเตรียมจะเมินเฉย ตอนนี้ยิ้มไม่ออกแล้ว

ก่อนหน้านี้เขายังนึกว่าการที่เยี่ยเว่ยหมิงเสนอแบบนี้ เป็นเพราะอยากจะเอาเปรียบคนอื่น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะนำของออกมาแล้วจริงๆ ทั้งยังนำออกมาสามอย่างในรวดเดียวด้วย แบ่งเป็นอุปกรณ์สีฟ้าหนึ่งชิ้น อุปกรณ์สี่เขียวหนึ่งชิ้น กับตำราลับหนึ่งเล่ม!

ปล่อยของออกมาอย่างง่ายดายขนาดนี้…ดีนะที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้พูดแขวะ ไม่อย่างนั้นคงเท่ากับตบหน้าตัวเองดังเพี้ยะ!

ในตอนที่หลังจากค่าสเตตัสของอุปกรณ์และตำราลับปรากฏขึ้น กลุ่มปรึกษากลยุทธ์ก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มประมูลขายทันที

ถังซานไฉ่ [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 20 เหรียญทอง ตำราลับ ‘ขว้างดาราเหิน’ 10 เหรียญทอง!]

ซานเย่ว์ [‘ขว้างดาราเหิน’ 35 เหรียญทอง ปลอกข้อมือหนังกบ 25 เหรียญทอง! แต่ตอนนี้บนตัวข้าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ให้เจ้าได้แค่ 50 เหรียญทองก่อน ส่วนที่เหลืออีก 10 เหรียญทองเขียนใบติดหนี้ไว้ก่อนได้]

โหยวโหยว [ปลอกข้อมือสีน้ำเงิน 30 เหรียญทอง!]

ถังซานไฉ่ [ก็ได้ ข้ายอมแพ้…]

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง [สหายถังเหมือนจะไม่ค่อยสนใจของที่ข้านำออกมาเท่าไร]

ถังซานไฉ่อธิบายว่า [ปลอกข้อมือสีน้ำเงินก็เพิ่มพลังรบของข้าได้นิดหน่อย แต่ก็เพิ่มแบบมีขีดจำกัด สิ่งที่ข้าต้องการมากกว่าก็คือของที่เพิ่มประสิทธิภาพอาวุธลับ หรือไม่ก็ทำให้อาวุธลับเร็วขึ้น ปลอกข้อมือนี้เพิ่มความเร็วในการลงมือ ไม่ส่งผลลัพธ์แท้จริงต่อข้ามากนัก…

…ส่วน ‘ขว้างดาราเหิน’ นั่น ก็เหมือนที่บอกไว้ในข้อมูลแนะนำของมัน นี่คือสุดยอดทักษะมวยซั่นโส่วฉบับไม่สมบูรณ์ที่สำนักถังเหมินเผยแพร่ออกมาเท่านั้นเอง ข้าน่าจะเรียนมวยซั่นโส่วฉบับสมบูรณ์ของสำนักถังเหมินได้ ถึงตอนนั้นแม้จะรวมค่าประสบการณ์กันได้ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายมากนัก]

ดังนั้น…

ถังซานไฉ่ยักไหล่ สื่อว่าตัวเองไม่ได้ต้องการของสองสิ่งนี้มากขนาดนั้น

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วแบ่งอุปกรณ์กับตำราลับมาขายให้ซานเย่ว์กับโหยวโหยว และบอกกับซานเย่ว์ว่า “ใบแสดงหนี้น่ะไม่ต้องแล้ว ของสองชิ้นนี้ต่อให้นำไปประมูลขาย สุดท้ายราคาซื้อขายก็เท่ากับที่เจ้าบอกอยู่ดี แต่การประมูลขายต้องโดนหัก พอมาถึงมือข้า ได้ราคาห้าสิบเหรียญทองก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เราเป็นคนกันเองทั้งนั้น ของสองชิ้นนี้ข้าคิดราคากับเจ้าแค่ห้าสิบเหรียญทองแล้วกัน”

“ขอบคุณอาหมิง!”

หลังจากยิ้มบางๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็หันตัวไปถามคนอื่น “การตกลงซื้อขายจบแล้ว ยังมีใครจะนำของออกมาประมูลขายอีกไหม”

จากการสาธิตของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่การให้เปล่า เป็นการเปลี่ยนวิธีการขายของที่ตัวเองไม่ได้ใช้ทิ้งไปก็เท่านั้น แม้จะไมได้ราคาสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ขาดทุน

จากนั้น ถังซานไฉ่ โหยวโหยวและซานเย่ว์ก็ต่างคนต่างนำอุปกรณ์ที่ตัวเองไม่ได้ใช้ออกมาประมูลขาย บรรยากาศในทีมเปลี่ยนเป็นปรองดองอยู่พักหนึ่ง

เมื่อได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศในทีม สหายเฟยอวี๋ที่ลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายก็หยิบของออกมาชิ้นหนึ่งเช่นกัน

[แหวนกระบี่อวิ๋นไถ (สีเขียว): แหวนที่มีตราประทับรูปกระบี่

โจมตี +30

ป้องกัน +30

ความเร็วโจมตีอาวุธประเภทกระบี่ +1%!]

เมื่อเห็นค่าสเตตัสนี้ ก็รู้แล้วว่าเป็นชุดอุปกรณ์ของมือกระบี่ โดยเฉพาะรายการที่บอกความเร็วโจมตีอาวุธ ดูแล้วเอฟเฟ็กต์น่าจะไม่เลวเลย

ใจเต้นไม่สู้ปฏิบัติจริง เยี่ยเว่ยหมิงเสนอราคาผ่านช่องทีมจำนวนสามสิบเหรียญทองทันที

หลังจากได้เห็นราคาแล้ว สะพานสวรรค์คริสตัลที่ยืนกดอักษรอยู่เงียบๆ เพิ่งจะพิมพ์คำว่า ‘สิบห้าเหรียญทอง’ เสร็จก็ต้องลบแล้ว ก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้น แหวนคุณภาพสีเขียวที่ค่าสเตตัสไม่เลววงนี้ ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงซื้อไว้ด้วยราคาปกติ

หลังจากซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เฟยอวี๋ก็มองเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นมาสามสิบเหรียญทองบนหน้าบัญชีของตัวเอง พร้อมเริ่มขมวดคิ้วครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัว

ราวกับว่าตั้งแต่แรกเริ่ม ของที่เยี่ยเว่ยหมิงนำออกมามีแต่เหมาะสมกับสาวที่สนิทที่สุดอย่างซานเย่ว์กับโหยวโหยวเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่น ต่อให้จะบอกว่าไม่เหมาะกับถังซานไฉ่เหมือนกัน เขาก็แค่ประมูลขายไอเทมให้สำเร็จผ่านวิธีการประกาศแบบนี้ก็เท่านั้นเอง แต่แหวนวงนี้ที่เดิมทีตัวเองเตรียมจะขายทิ้งในงานประมูล สุดท้ายกลับยกประโยชน์ให้เจ้าหลานคนนี้เสียแล้ว?

นี่คืออุบายชัดๆ!

คนฉลาดอย่างฉัน ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกเจ้าหมอนี่วางอุบายใส่แล้ว!

น่าโมโหโว้ย!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด