ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 9 รางวัลภารกิจไม่เจ๋งเลย!
ตอนที่ 9 รางวัลภารกิจไม่เจ๋งเลย!
นั่งรถม้ากับซานเย่ว์กลับนครหลวงตะวันออก เมืองเปี้ยนเหลียง ระหว่างทางถือโอกาสซื้อพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึกกับกระปุกแป้งเปียกและกรรไกรเล่มหนึ่ง หลังจากซานเย่ว์เข้าสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับมาที่ห้องของตัวเองแล้ว
ที่จริงแล้วสวัสดิการของสำนักมือปราบเทพก็ไม่เลวเลย นอกจากแจกเครื่องแบบทำงานฟรีแล้ว ก็ยังแบ่งห้องชุดให้เขาห้องหนึ่งด้วย แม้พื้นที่ห้องจะไม่ใหญ่มาก วางได้เพียงโต๊ะเก้าอี้และเตียงอย่างละหนึ่งตัว แต่ก็ดีตรงที่เป็นห้องเดี่ยว เมื่อทำภารกิจตีมอนเหนื่อยแล้วก็กลับมาพักผ่อนได้ทุกเมื่อ
เมื่อเข้ามาในห้อง เปิดหน้าต่างออก เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ที่ดรอปได้จากตัวโฉวป้า อัปเลเวลเคล็ดชำระปราณเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับพอดี
จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็นำวิชาตัวเบาระดับต้นที่ชื่อว่า ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ขึ้นมาอีก หลังจากใช้งานจนตำราลับกลายเป็นแสงสีขาวหายไป คอลัมน์สกิลของเยี่ยเว่ยหมิงก็มีรายการใหม่เพิ่มขึ้นมาแล้ว
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 0/250
เป็นวิชาตัวเบาเฉพาะสำนักที่แพร่หลายในยุทธภพ ใช้เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนย้ายร่างกายได้เยอะมาก
ท่าร่าง +20]
ไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น เยี่ยเว่ยหมิงใช้ค่าตบะที่ได้จากการฆ่าโฉวป้าและทำภารกิจสำเร็จก่อนหน้านี้อัป ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ให้ถึงเลเวล 3
ค่าตบะคือของดี มันเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ของทักษะยุทธ์ใดๆ ก็ได้ เท่ากับเป็นค่าประสบการณ์สารพัดประโยชน์ เพียงแต่ได้มายากมาก ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงทำภารกิจสำเร็จเกินเป้าหมาย ทั้งยังข้ามขั้นไปฆ่า BOSS เลเวล 25 แต่ก็ได้ค่าตบะมาเพียง 800 แต้มเท่านั้น
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้อยู่สักพัก สเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจำนวนมหาศาลอีกครั้ง
[เยี่ยเว่ยหมิง เลเวล: 13]
……
พลังชีวิต: 680/680
กำลังภายใน: 530/530
ความแข็งแกร่ง: 66
พละกำลัง: 66
ท่าร่าง: 131
ความว่องไว: 66
สติปัญญา: 25
ค่าตระหนักรู้: 28
……
[ทักษะยุทธ์]
[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น)]
เลเวล: 6
ค่าประสบการณ์: 32/3200พลังชีวิต +300
กำลังภายใน +300
ความแข็งแกร่ง +30
พละกำลัง +30
ท่าร่าง +30
ความว่องไว +30
……
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น)]
เลเวล: 6
……
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)]
เลเวล: 3ค่าประสบการณ์: 0/1000
ท่าร่าง +60
……
เคล็ดวิชาระดับต้นก็เจ๋งแบบนี้ ตอนนี้ในช่องสเตตัสสี่มิติของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกินหนึ่งร้อยแล้ว
หลังจากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้มาวันนี้ให้เป็นพลังของตัวเองแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำ ‘ลูกเต๋าไม้ประหลาด’ ที่เป็นผลผลิตใหญ่ที่สุดของวันนี้ออกมาอีก
โครงสร้างของไอเทมนี้เหมือนกับรูบิก แต่รูบิกยังมีสีแตกต่างกันให้แยกว่าด้านไหนเป็นด้านไหน แต่บน ‘ลูกเต๋าไม้ประหลาด’ นี้กลับไม่มีสีให้แยกแยะ มีเพียงภาพสลักที่ทำให้คนเห็นแล้วไม่ค่อยเข้าใจ
แต่สิ่งนี้ก็ไม่ยากเกินความสามารถเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน
หลังจากนำพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ออกมา เยี่ยเว่ยหมิงคัดลอกภาพทั้งหมดหกด้านบนลูกเต๋านี้ จากนั้นค่อยใช้กรรไกรตัดเป็นภาพชิ้นเล็กแยกไว้ แล้วก็ใช้วิธีการต่อจิ๊กซอว์นำภาพชิ้นเล็กมาต่อในแนวราบใหม่และติดไว้บนกระดาษแผ่นเดียวกัน ตอนนี้ถึงได้พบว่า ที่แท้บนลูกเต๋าไม้ประหลาดนี้ สลักภาพทิวทัศน์ไว้ห้าภาพ และเขียนบทกลอนไว้หนึ่งบท
สิ่งที่บรรยายไว้บนภาพทิวทัศน์ห้าภาพนี้ก็คือ:
ดวงตะวันโผล่พ้นไท่ซาน
ทะเลเมฆขาวโพลนดุจจานหยก
แสงยามสายัณห์สาดส่อง
ทะเลเหลืองสายพานทอง
สี่ปรากฏการณ์อัศจรรย์เขาไท่ซาน พลันปรากฏเป็นสิบแปดทิวทัศน์บนกระดาน
บนด้านสุดท้ายก็สลัก ‘แลขุนเขา’ ของปราชญ์กวีเอาไว้ว่า
ไท้ซัวเป็นไฉน เขียวชอุ่มกว้างไกลไร้ขอบเขต
ธรรมชาติสรรค์สร้างอัศจรรย์ ร่มเงาแห่งสายัณห์รุ่งอรุณ
เมฆขาวชะล้างซอกใจ ข้าเพ่งวิหคบินกลับรัง
ยืนอยู่บนยอดภู ขุนเขาแลดูเล็ก
จากภาพและกวีนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าภารกิจที่ซ่อนอยู่ในลูกเต๋านี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขาไท่ซานแน่นอน
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ละพยายาม ทำเครื่องหมายที่กระดาษ 54 ชิ้นบนลูกเต๋าตามบทกวีและภาพวาด
การเตรียมงานตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้เขาเสียเวลาไปแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ขณะมองผลงานหนึ่งชั่วโมงของตัวเอง ในที่สุดบนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็สังเกตโครงสร้างลูกเต๋าที่ตัวเองทำเครื่องหมายไว้อย่างคร่าวๆ ต่อด้วยเริ่มบิดหมุนอย่างรวดเร็ว
ในปีนั้น ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงยังเรียนหนังสือ ในโรงเรียนจะมีเกมน่าสนใจที่เป็นกระแสอยู่เรื่อยๆ นอกจากทักษะหมุนปากกาหมุนหนังสือที่ไร้ประโยชน์แล้ว เกมประเภทรูบิก กลเก้าห่วงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
แกร๊กๆๆ!
เสียงดังแกร๊กๆ อย่างต่อเนื่อง หกด้านของรูบิกก็เริ่มกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม
หลังจากนั้นประมาณสามสิบวินาที…
แปะ!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงบิดด้านบนสุดของลูกเต๋าครั้งสุดท้าย จัดให้หกด้านตรงกันทั้งหมด กลางลูกเต๋าก็มีเสียงที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ดังขึ้นทันที ด้านที่เขียนว่า ‘แลขุนเขา’ เด้งออกมาจากกลางลูกเต๋าทั้งหกด้าน เผยช่องลับที่เล็กมากด้านใน มีก้อนกระดาษเล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดไข่มุกเด้งออกมา
จะว่าไปแล้ว ในเมื่อใช้วิธีการแบบนี้ซ่อนของ ถ้าฉันทุ่มลูกเต๋านี่ให้พังก็จะได้ของเหมือนกันหรือเปล่า
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ยังรู้สึกว่าความคิดแบบนี้ค่อนข้างอันตราย ไม่น่าเชื่อว่าผู้เฒ่าหลี่จะกล้านำมันมาใช้ซ่อนความลับ แสดงว่าจะต้องเหลือทางหนีทีไล่ไว้แน่นอน ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าก้อนกระดาษเล็กๆ นี้จะถูกทำลายไปพร้อมกับลูกเต๋าด้วย
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บก้อนกระดาษขึ้นมาจากบนโต๊ะ คลี่ออกอย่างระมัดระวัง แต่กลับเห็นบนนั้นเขียนตัวอักษรเล็กๆ ไว้หนึ่งแถว ผู้เฒ่าหลี่สมกับเป็นผู้อาวุโสฝีมือสูงส่งในยุทธภพ ตัวหนังสือของเขาเขียนไว้ไม่เลวเลยจริงๆ แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับอ่านออกแค่ไม่กี่ตัว
ตัวหนังสือเขียนชุ่ยเกินไปจริงๆ!
ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังพิจารณาว่าจะไปให้จ่านเจาช่วยแปลดีไหม หน้าอินเตอร์เฟสระบบกลับเด้งคำแนะนำออกมา
[ติ๊ง! คุณไขความลับ ‘ลูกเต๋าไม้ประหลาด’ สำเร็จ ได้รับคำชี้แนะสมบัติลับ:
‘ข้าได้รับวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักไท่ซาน ฝึกหนักสิบปียังไม่สำเร็จ หลังจากปลีกวิเวกแล้วตัดใจทิ้งไม่ลง จึงซ่อนไว้ในห้องใต้ดินของเจดีย์เหลยเฟิง’
รายละเอียดที่อยู่ของสมบัติลับและข้อควรระวังดังนี้…]
พลิกกระดาษเปิดมาด้านหลัง ก็เป็นแผนที่อย่างง่ายๆ ภาพหนึ่ง ระบุตำแหน่งโดยละเอียดของตำราลับ
เจดีย์เหลยเฟิง?
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ผู้เฒ่าหลี่คนนี้เรียนทักษะที่สำนักไท่ซานก่อน ตอนหลังมาปลีกวิเวกที่หมู่บ้านตู้คัง หลังจากปลีกวิเวกก็ยังหาทางบรรลุวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักไท่ซานที่ตัวเองยังฝึกไม่สำเร็จต่อไป จากนั้นถ่อเอามันไปซ่อนไว้ที่หังโจวแล้ว?
สมกับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ชอบทำอะไรให้มันยุ่งยากแบบนี้แหละ!
แม้ในใจจะเหยียดหยามสไตล์การทำเรื่องให้ยุ่งยากของผู้เฒ่าหลี่ แต่ด้วยความเย้ายวนใจของตำราลับทักษะยุทธ์ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังตัดสินใจจะไปด้วยตัวเองสักรอบ เพียงแต่ก่อนจะไป เขายังต้องไปหาจ่านเจาเพื่อรับภารกิจเลเวลเดียวกันบริเวณใกล้เคียงหังโจวสักหน่อย
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จ่านเจาจะไม่อยู่ NPC ที่แจกภารกิจกลายเป็นชายหน้ากากเหล็กอย่างโหยวจิ้น
“หากเจ้าต้องการจะไปหังโจว ข้าก็มีหนึ่งภารกิจที่ไม่เลวจะแนะนำให้เจ้า” หลังจากรู้เจตนาที่มาของเยี่ยเว่ยหมิง โหยวจิ้นก็เป็นฝ่ายแนะนำภารกิจให้เขาก่อน
[สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน ระดับภารกิจ: 5 ดาว]
[สำนักคุ้มภัยหลงเหมินที่หังโจวมีความเสี่ยงจะถูกฆ่าล้างสำนัก ในฐานะที่เป็นฝ่ายอำนาจในยุทธภพที่ชอบด้วยกฎหมายและชำระภาษีตามระเบียบ สำนักมือปราบเทพมีหน้าที่ให้การคุ้มครองพวกเขา จงไปสืบหาความจริงที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน ใช้นกพิราบรายงานความจริงขึ้นมาที่สำนักมือปราบเทพ คุ้มครองเด็กและคนชราในสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน]
[รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม ค่าตบะ 500 แต้ม เงิน 100 เหรียญทอง]
หลังจากอ่านภารกิจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ปฏิเสธอย่างนิ่มนวลมาก “ข้าไม่รับ!”
โหยวจิ้นได้ยินแล้วเงียบไปไม่กี่วินาที มองไม่ออกด้วยว่าภายใต้หน้ากากเหล็กดำนั่นมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีถึงได้ถามว่า “เพราะอะไร”
“ข้าน้อยความสามารถไม่พอ เกรงว่าจะทำให้งานล่าช้า ใต้เท้าโหยวได้โปรดเลือกคนอื่นที่เหมาะสมดีกว่าขอรับ” ปากก็บอกว่าตัวเองมีความสามารถไม่พอ แต่เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธภารกิจนี้กลับเป็น…
รางวัลภารกิจไม่เจ๋งเลย!
คอมเม้นต์