อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 11
CF:บทที่ 11 อิทธิพล
ขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังจัดการกับหยกอยู่ หญิงปากร้ายที่กลับมาจากบ้านเช่า รีบโทรหาพี่ชายของเธอ หม่า เกี๋ยนจุน หัวหน้าของอู๋ฮ่าวเหรินและเป็นผู้จัดการบริษัท
“เกี๋ยนจุน พนักงานบริษัทพี่ที่ชื่ออู๋ฮ่าวเหรินคนที่เป็นเด็กยากไร้จากบ้านนอกนั่นน่ะ วันนี้มันซัดเสี่ยว เฟิงหลานพี่แล้วก็ย้ายออกจากบ้านเช่าไปแล้ว ไม่ว่าพี่จะคิดยังไง ฉันต้องการจะไล่เขาออกจากบริษัทเมื่อฉันไปทำงานในปีหน้า”
ฟังเสียงน้องสาวเขาหายหอบใจ หม่า เกี๋ยนจุนที่กำลังกินข้าวอยู่ที่บ้านก็วางตะเกียบลง
“อารมณ์ของเสี่ยว อู๋คงไม่ค่อยจะดีมั้ง เขาอยู่ที่นั่นเป็นปีๆแต่ไม่เคยพูดอะไร เขาจะกล้าสู้เสี่ยว เฟิงได้ยังไง?”
“ฉันไม่สนว่าเขากล้าสู้ได้ยังไง พี่ต้องไปหาเหตุผลที่จะไล่เขาออกไป ฉันจะได้ดูว่าไอ้เด็กยากไร้นี่จะทำยังไง แล้วก็อย่าลืมหาพนักงานใหม่มาเช่าบ้านแทนที่เขาด้วย”
“ตกลง เข้าใจแล้ว บริษัทเราก็กำลังจะรับพนักงานเพิ่มในปีหน้าพอดี ฉันเจอเหตุผลที่จะใช้เล่นงานเขาแล้ว และบางทีฉันอาจจะเอาเงินจากเขามาได้บ้าง ฉันเคยคิดนะว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ และน่าจะได้เลื่อนขั้นในปีหน้า และนั่นจะทำให้เขาช่วยฉันหาเงินเพิ่มได้อีก ไม่คิดเลยว่าเขาจะก่อเรื่อง”
ณ ตอนนี้ภรรยาเขาได้เดินออกมาจากครัวและถามว่า “มีเรื่องอะไรกัน? น้องสาวคุณมาขอให้คุณช่วยอีกแล้ว? ฉันบอกแล้วไงว่าให้ตามใจเธอน้อยลง สักวันคุณจะตกอยู่ในกำมือเธอนะ”
“เธอจะรู้อะไร พนักงานบริษัทที่เคยอยู่ที่นั่นซัดเสี่ยว เฟิงแล้วก็ย้ายออกไป ฉันจะตัดเงินเดือนเขาออก 100 หยวนคนแบบนั้นมีปัญหากับฉันคงจะปล่อยให้อยู่ในบริษัทไม่ได้อีกอย่าง ถ้าฉันไล่เขาออกฉันก็จะทำเงินได้สักหน่อย”
เขาคิดว่าเขาจะทำเงินได้จำนวนมากในปีถัดไป อย่างเช่นการจะไล่”พนักงานเก่า”อย่างอู๋ฮ่าวเหรินออก เขาไม่มีภาระใดในหัวเลยและไม่นึกถึงความรู้สึกของอู๋ฮ่าวเหริน เขาคิดกระทั่งหนึ่งในเป้าหมายของบริษัทเมื่อปีก่อนนั้นมีอะไรผิดพลาดไป และเขายังหาแพะรับบาปไม่ได้ นายคนนี้นี่กำลังเหมาะเลย
“ภรรยาเอ๋ย ไปเอาขวดไวน์แดงมา เราจะดื่มกัน”
…
อู๋ฮ่าวเหรินไม่คิดว่าหัวหน้าเขาหาเหตุผลดีๆที่จะกำจัดเขาได้แล้ว แน่นอนว่าต่อให้เขารู้ เขาก็ไม่สนหรอกตอนนี้
ขณะนี้เขาดูหนังอยู่ในห้อง โชคร้ายที่เขาพบว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีแต่เรื่องโกหกในเวลาไม่นาน และไม่เจออะไรดีๆเลย
“เหลา หลี เจอข้อมูลติดต่อรึยัง?”
“ไม่ ผู้จัดการ เลขเจ้าของกระทู้นี่เพิ่งเพิ่มเขามาวันนี้เอง ไม่มีข้อมูลอะไรเหลือแล้ว”
“ถ้าเราซื้อมันได้ก่อนเราก็จะไม่ต้องไปสู้กับคนอื่น”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องอื้อฉาวที่เกิดจากวิดิโอของเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ตอนแรกมันเป็นแค่ทำให้นักซื้อเพชรจำนวนน้อยนิดสนใจแต่หลังจากมีคนขอให้คนจากบริษัทใหญ่ให้วินิจฉัยวิดิโอ ซึ่งนำไปสู่การมีส่วนร่วมของบริษัทใหญ่นั้น
และหลังจากนั้นข่าวก็รั่วไปและเป็นที่สนใจของบริษัทเพชรพลอยรายใหญ่อื่นๆ ตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินไม่ต้องเผยแพร่หยกเองแล้ว คนอื่นโพนทะนาเรื่องหยกของเขากันหมด
ณ ตอนนี้ ผู้ดูแลเว็ปที่ช่วยคัดกรองกระทู้ของอู๋ฮ่าวเหริน เขาเสียใจเพราะถ้าไม่มีข่าวแบบนี้ เขาคงทำเงินจากมันได้ไปแล้ว!
โชคร้ายที่เขาไม่มีโอกาสแล้ว แน่นอนว่าเขากำลังยุ่งกับการหาข้อมูลติดต่ออู๋ฮ่าวเหรินเพราะว่ามีบริษัทเพชรพลอยขนาดใหญ่แปดบริษัทและบริษัทเล็กอีกเป็นโหลที่บอกคร่าวๆว่าถ้าเขาหาข้อมูลการติดต่อกับอู๋ฮ่าวเหรินให้ได้พวกเขาจะจ่ายเงินให้
“คนๆนี้ไม่ยอมออนไลน์เลย ฉันจะตรวงที่อยู่ IP เขาตรงๆเลยได้ไหม”
เขารู้ว่าการกระทำแบบนั้นมันอาจจะผิดกฎหมายได้
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้จัดการร้านเครื่องประดับที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ไปมา ก็ได้รับสายจากหัวหน้าผู้บริหาร ผู้บริหารที่กำลังฉลองวันปีใหม่อยู่ในบ้าน
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถูกเจ้านายของเขาด่า
แล้วก็ให้เขาไปที่ร้านเครื่องประดับเพื่อไปตรวจดูว่ามีใครมาถามเกี่ยวการขายหยกในร้านนี้ไหม
ขณะที่เขากำลังไปที่ร้านและรับรู้สถานการณ์จากเพื่อนร่วมงานเขาก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย คิดว่า ถ้าเป็นใครสักคนที่อยากจะซ่อนตัวขนาดนั้น ทำไมต้องส่งวิดิโอแบบนั้นลงบนอินเตอร์เน็ต ที่ๆจะขายก็ยังเป็นร้านที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาอยู่ดี
ในร้านเครื่องประดับ พี่หลีและเสี่ยวเหมยที่ยืนคุยกันอยู่ที่เคาท์เตอร์เมื่อเห็นผู้จัดการรีบเดินเข้ามา พวกเธอก็อารมณ์ดีทันที
หลีรีบวิ่งไปจากเคาท์เตอร์เสี่ยวเหมยก็ตามเธอไป
“ผู้จัดการ อะไรทำให้อยากมาที่นี่ในวันปีใหม่กัน?”
เมื่อผู้จัดการเห็นหลี เขาพูดด้วยสีหน้าเศร้า ”ไม่ ฉันไม่ได้อยากมา ผู้จัดการบริษัทเป็นคนเรียกฉันมา เอาคอมพิวเตอร์นั่นมาตรงนี้ที ฉันมีอะไรอยากจะถามพวกเธอ”
ผู้จัดการตรงไปที่กระทู้นั้นกดเล่นวิดิโอ มองดูมันแล้วถามว่า “วันนี้มีใครมาที่ร้านแล้วถามเกี่ยวเรื่องหยกไหม ทั้งสองคนดูหยกนี่สิ”
ดูวิดิโอแล้วหลีก็ตอบว่า ”ไม่ค่ะ วันนี้มีลูกค้ามาแค่สามหรือสี่คนเอง มีเพียงคนเดียวที่ทำการซื้อขาย และไม่มีใครขายหยกเลย แต่เหมือนว่าเมื่อประมาณ 10 โมงมีลูกค้าที่ถามเกี่ยวกับหยกเหมือนกัน เสี่ยวเหมยกับฉันก็ให้ข้อมูลเขาไปด้วย”
ตอนแรกผู้จัดการไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่พอเขาได้ยินว่ามีคนมาถามข้อมูลนี้ เขาก็ตกใจและถามว่า “คนๆนี้เขาอยู่ที่ไหน มีข้อมูลติดต่อเขาไหม?”
เมื่อครู่เขายังคิดว่าใครซักคนกำลังจะหลอกเขา แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเจ้าของวิดิโอนั่นมาที่นี่เพื่อขายหยกจริงๆ
ตอนนั้นเขามาสอบถามราคาของหยก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องลงวิดิโอบนอินเตอร์เน็ตด้วย บางทีอาจจะเพื่อป้องกันการถูกโกง
ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าเหตุผลคืออะไร การหาตัวชายคนนี้ต่างหากคือสิ่งที่เขาต้องทำ
“เอ่อ ผู้จัดการคะ ลูกค้าแค่มาถามข้อมูล เราไม่สามารถขอข้อมูลติดต่อเขาได้หรอกนะคะ อย่างไรก็ตาม ดิฉันได้บอกเขาไปว่า ถ้ามีหยกอะไรจะขายล่ะก็ทางเราจะรับซื้อในราคาที่สูง ผู้จัดการ อย่าบอกนะว่าหยกที่ชายคนนั้นจะขายคือหยกในวิดิโอนั่นน่ะ”
ผู้จัดการไม่พูดตอบ เพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น หลีก็ตัวแข็งหน้าไร้อารมณ์ ใช้เวลาสิบวินาทีกว่าๆถึงจะฟื้นตัวได้ แต่สีหน้าเธอก็ยังแย่อยู่
เพราะเธอรู้ว่าวันนี้เธอพลาดไป ถ้าเธอสามารถขอข้อมูลติดต่อและซื้อหยกนั่นมาได้ เธอก็คงได้ไปงานเลี้ยงฉลองครบรอบของบริษัทและรับค่าคอมมิชชั่นเป็นหมื่นเป็นแสน
แน่นอนว่าผู้จัดการเข้าใจความรู้สึกหลีในตอนนี้ดี ถึงเขาจะเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแต่การที่ต้องเสียโอกาสดีๆแบบนี้ไปทำให้เขารู้สึกไม่ดี
ถ้าหยกนั่นถูกร้านนี้ซื้อไว้จริงๆล่ะก็ ปีนี้เขาต้องไปได้ไกลขึ้นอย่างแน่นอน ช่างโชคร้ายเสียจริง
เขาตบบ่าให้กำลังใจเธอและพูดว่า “เรายังมีโอกาสอยู่ แม้ว่าข่าวจะกระจายออกไปแล้ว แต่เขาบอกว่าจะเอาหยกมาขายที่ร้านเรา เธอน่าจะยังจำเขาได้ เธอก็จะเห็นเขาก่อนคนอื่น หาเขาและซื้อหยกมา ฉันจะขอความช่วยเหลือจากออฟฟิตเอง”
แต่หลีไม่คิดเช่นนั้น เธอรู้ว่าโอกาสนั้นหลุดมือไปแล้ว ต่อให้บริษัทซื้อหยกมาได้ในวันพรุ่งนี้ ความดีความงามของเธอก็คงน้อยมากๆ
มองดูเสี่ยวเหมยที่ยืนเงียบอยู่นาน เธอเสียใจที่ว่าถ้าเธอไม่คิดว่าคนๆนั้นไม่มีน้ำยาจะซื้อของที่นี่ บางที่เธออาจจะได้ข้อมูลติดต่อคนๆนั้น ผลก็คงไม่ออกมาเป็นแบบนี้
อนิจจา โอกาสนั้นเสียไปแล้ว ต้องดูว่าจะเยียวยามันได้อย่างไรในวันพรุ่งนี้
แต่โชคร้ายที่เธอไม่ได้คิดเลยว่า สถานการณ์ในวันพรุ่งนี้จะไม่ให้โอกาศเธอได้เยียวยามัน
—————————–
คอมเม้นต์