อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 201

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 201 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 201 ความอับอาย
เห็นได้ชัดว่า สถาบันวิจัยลับเช่นนี้ไม่สามารถสร้างอยู่บริเวณชานเมืองได้ หลังจากขับรถมาได้สักพักแล้วก็เข้าไปในภูเขาอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ ฮ่าวเหริน ยังพบว่ามีด่านลับอีกหลายๆด่านที่ซ่อนอยู่ในภูเขา พร้อมเหล่าทหารคอยป้องกันสถาบันวิจัย
ราว 20 นาทีต่อมา อู๋ ฮ่าวเหรินจึงจอดรถ เขาเห็นบ้านที่ฝังตัวอยู่ในภูเขาตรงหน้า นี่ล่ะคือความลับจริงๆ ที่แม้แต่ดาวเทียมสอดแนมยังหาไม่เจอ
นอกจากนี้ ยังได้ปลูกต้นไม้เป็นจำนวนมากเพื่อที่จะปกป้องภูเขารอบๆนี้
“คุณอู๋ เชิญคุณพักที่นี่เป็นเวลาหนึ่งคืน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปสถาบันวิจัย”
การได้เข้ามาที่นี่ อู๋ ฮ่าวเหริน ไม่กล้าที่จะใช้ความรู้ออกไปมั่วๆ เพราะถ้าพวกเขาจับท่าทีได้ล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ
ดังนั้น อู๋ ฮ่าวเหริน จึงทำได้แค่เข้าไปในระบบซองแดงและฝึกความเร็วมือกับคนพวกนั้น
“แปลกไหมที่ที่นั่นมีอารยธรรมอันแตกต่างจากมนุษย์เราที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบซองแดง แล้วนี่ทำไมถึงไม่มีคนใหม่ๆเพิ่มเข้ามาเลยล่ะ
“ในปัจจุบัน มีเพียงอารยธรรมไม่กี่อย่างที่เรามีเหมือนๆกัน และกลุ่มเทียนหยูก็กำลังสนับสนุนเรื่องนี้ มีคนเพียงไม่มากที่ยังมีอารยธรรมอื่นๆ ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับโชคว่าจะมีคนใหม่ๆจากอารยธรรมอื่นมาอีกหรือไม่”
อู๋ ฮ่าวเหริน ดูข้อมูลที่พวกเขากำลังคุยกัน จากนั้นจึงถามขึ้น “พวกคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมอื่นๆอีกไหม ผมอยากจะรู้จักอารยธรรมพวกนั้นก่อนและหลังจากนั้นก็จะเป็นสิ่งที่พวกเขาส่งออกไป นั่นคงจะดี”
“อ่ะ นี่ไงล่ะ สารานุกรมพันธมิตรจักรวาล มีบทนำในทุกๆเรื่องเพื่อใช้ค้นหาเรื่องอารยธรรม แต่ว่านะ ฉันไม่เคยได้ยินว่าเคยมีใครอ่านบทนำพวกนี้หรอก”
อู๋ ฮ่าวเหริน มองไปที่อุปกรณ์คล้ายกับหนังสือ หลังจากอ่านบทนำแล้ว มันก็คือหนังสือดีๆนี่เอง แต่อย่างไรก็ตาม วิธีที่ใช้อ่านหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างไม่เหมือนใคร เหมือนกับเกมที่มีผู้เล่นคนเดียวและคอยเชิญชวนให้คนเข้าไปในโลกของหนังสือเพื่อดูสิ่งต่างๆ
เริ่มแรกนั้น แค่ต้องการเอามันออกมาดู แต่เขาคิดว่าตอนนี้อยู่ในโรงนอนทหาร อู๋ ฮ่าวเหริน คิดว่าควรจะระวังไว้ดีกว่า
ในกลุ่มเดอะเชฟ หลังจากพูดคุยกับคุณลุงชาวจีนสักพักแล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหริน จึงออกจากระบบซองแดงพลางมองดูความวุ่นวายต่างๆของระบบดังกล่าว นอกจากนี้ ไวน์บางส่วนสำหรับคุณปู่ไปแล้วนั้น คงมีอุปกรณ์บางส่วน ซึ่งทั้งหมดนั้นเขาได้มาจากการฝึกปล้นซองแดงในช่วงนี้
ตัวอย่างเช่น รุ่นเรือรบสุดหล่อโคตรเจ๋ง, อุปกรณ์สื่อสารของมิสเตอร์เรดาห์, อัญมณีลักษณะแปลกๆจากแร่หิน ฯลฯ

เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปที่ทหารที่กำลังฝึกอยู่ด้านนอก หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เขาจึงตามพวกทหารเข้าไปในภูเขาลึกขึ้นกว่าเดิม
“อาจารย์โจ้ว คุณอู๋ ฮ่าวเหริน มาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ข้างนอก”
ชายสูงวัยอายุประมาณ 50 ปี วางอุปกรณ์ลง เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า “ออกไปพบหนุ่มน้อยคนเก่งกันเถอะ”
ในขณะที่มองไปที่อาจารย์โจ้ว เซวี่ยหงนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็รู้ว่าเขาคือผู้อำนวยการหลักของสถาบันวิจัยหุ่นยนต์และเป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์รายใหญ่อีกด้วย
“คุณอู๋ คุณอยากจะพักสักหน่อยหรือจะออกไปดูหุ่นยนต์เลยดีล่ะ”
“ไปเลยสิครับ ผมเองก็อยากจะรู้ระดับของการวิจัยหุ่นยนต์ในประเทศนี้เหมือนกัน”
หลังจากได้ยินน้ำเสียงของ อู๋ ฮ่าวเหรินแล้วนั้น นักวิจัยหุ่นยนต์บางคนที่อยู่ข้างๆ โจ้ว เซวี่ยหงนั้นต่างก็หมดความประทับใจในตัวของเขาทันที
แน่นอนว่า อู๋ ฮ่าวเหรินจะไม่ถูกตำหนิเพราะข้อมูลที่เขาได้รับมาก็คือเชิญมาสอนเรื่องการวิจัยหุ่นยนต์
แต่ทว่า บรรดานักวิจัยที่ภูเขานี้ต่างก็ไม่รู้ว่า อู๋ ฮ่าวเหรินนั้นพัฒนาหุ่นยนต์และข้อมูลข้างต้นก็ไม่ได้ส่งมาที่นี่
“ผู้ชายอะไร ไม่มีมารยาท ฉันคงจะคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ทำได้ทุกอย่าง ฟังจากน้ำเสียงเขาสิ ทำยังกับว่าตัวเองมีงานวิจัยหุ่นยนต์มากมายอย่างงั้นแหละ”
“ใช่ๆ พวกเราไม่ต้องการให้เขามาแก้ไขปัญหาระบบอัจฉริยะหรอก พวกเราคิดว่าเขาควรจะไปศึกษาหุ่นยนต์ ถึงแม้จะไม่รู้วิธีสร้างส่วนประกอบก็เถอะ”
“หรือจะพูดสั้นๆคือพวกเราไม่เก่งเหมือนคนอื่นที่จะส่งเสริมระบบสติปัญญาหรอก”
อู๋ ฮ่าวเหรินถูกนำตัวมาที่ห้องแล็บขนาดใหญ่ซึ่งถูกขุดลึกลงมาในเขา ถ้าคุณได้มองอุปกรณ์ที่นี่และพอคิดถึงของตัวเอง เขาถึงกับพูดไม่ออก
คนแถวนั้นต่างมองท่าทีที่ อู๋ ฮ่าวเหรินแสดงออกมา พวกเขาเองรู้สึกภูมิใจ เมื่อคุณเจอเรื่องให้ประหลาดใจแล้ว พวกเขาก็คิดว่าเรื่องถัดไปคุณจะได้รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า
“ผู่เฒ่าโจ้ว นี่คืออะไร ดูเหมือนชิ้นส่วนของหุ่นยนต์เลยนี่ ใช่ไหม”
“นี่เป็นส่วนแขนของหุ่นยนต์ เราสามารถทำให้แขนของหุ่นยนต์เคลื่อนไหวแบบยืดหยุ่นไปมาได้โดยอาศัยเทคโนโลยีแกนกับล้อ” โจ้ว เซวี่ยหงอธิบาย
อู๋ ฮ่าวเหริน มองการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่นไปมาตามที่เขาพูด ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แม่เหล็กที่อาศัยเทคโนโลยี แม้ว่าจะต้องรู้สึกอายที่จะต้องมาฟังตั้งแต่เริ่มแรก แต่ผมก็พูดอะไรไม่ได้จนเมื่อมองไปที่สีหน้าของชายชราและช่างที่ยืนอยู่รอบๆ
กับคนพวกนี้ การที่ต้องมาเรียนเรื่องเทคโนโลยีการผลิตหุ่นยนต์ขั้นสูงนั้นทำให้ อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกอับอายไม่น้อย เขาไม่สามารถพูดได้ว่าพวกคุณทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดและความมั่นใจของพวกเขาจะต้องพังทลาย
แต่ในท้ายที่สุด จากการศึกษาเหล่านี้ พวกเราต่างพบสิ่งอะไรดีๆบางอย่างซึ่งก็คือ ระบบพลัง แต่ว่าผู้คนกลับไม่ใช้เครื่องยนต์พวกนี้ที่พวกเขาจ่ายไป
“ระบบพลังนี้ล่ะดี สามารถจ่ายพลังงานไปให้หุ่นยนต์ได้ใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำให้หุ่นยนต์วิ่งได้นานขึ้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าเขาเองดูถูกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก บางสิ่งอาจได้รับการพัฒนา แต่กลับถูกประเทศเหล่านั้นซ่อนเร้น ไม่ยอมเปิดเผยให้ผู้คนรับรู้
ทีแรก ผมคิดว่าถ้ามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นั่นอาจจะก่อปัญหาได้ แต่ดูท่าผมคงต้องคิดเรื่องนี้ให้หนักแล้ว
“คุณอู๋คิดอย่างไรกับหุ่นยนต์ของพวกเราครับ”
“เอ่อ ระบบพลังดี ก้าวล้ำไปไกลกว่าที่ผมคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเชื้อเพลิง”
หน้าของโจ้ว เซวี่ยหงตึงขึ้นเล็กน้อย เขาคิดว่าคนอัจฉริยะควรจะต้องถ่อมตนและขยัน แต่นี่กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ดูอวดภูมิและเย่อหยิ่ง
“หมายความว่ายังไง เราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว นี่คุณคงไม่คิดที่จะประดิษฐ์ของเพียงแค่จะดูถูกคนหรอกนะ” นักวิจัยคนหนึ่งอดพูดขึ้นไม่ได้
ในตอนนั้นเอง ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้นก่อนจะกล่าวด้วยเสียงอันดัง “ครูครับ ครู ผมเพิ่งได้รับข่าวมา เมื่อวานนี้ คุณอู๋ ฮ่าวเหรินได้พัฒนาหุ่นยนต์สูงสี่เมตร ยืดหยุ่นดีมากเหมือนกับใช้เทคโนโลยีแม่เหล็ก รวมทั้งยังแก้ระบบความสมดุลและระบบการควบคุมของหุ่นยนต์ด้วย”
“เอ่อ ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ อ้าว คุณอู๋ มาแล้วนี่นา เร็วจังนะครับ”
หลังจากได้เห็นท่าทีที่ตื่นเต้นของนักเรียนตน และข่าวที่นักเรียนคนนั้นเพิ่งพูดออกมานั้นทำให้บรรยากาศในสถาบันวิจัยเต็มไปด้วยความอับอายในทันที
นักวิจัยคนที่เพิ่งพูดไปถึงกับหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งหน้า เขาอยากจะหารูหนูมุดหนีลงไปเสียจริง
ในตอนนี้ คนกลุ่มดังกล่าวต่างเข้าใจแล้วว่าทำไมอู๋ ฮ่าวเหรินจึงไม่ได้ออกความเห็นใดๆเมื่อเขาเห็นชิ้นส่วนหุ่นยนต์
พวกเขาแต่ละคนต่างยกย่องว่าชิ้นส่วนพวกนี้ดีมาก คุณคิดว่าพวกมันเป็นอย่างไร คุณคิดว่าชิ้นส่วนพวกนี้เป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ไหม
อู๋ ฮ่าวเหรินเองไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ เขาคิดว่าคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าเขาพัฒนาหุ่นยนต์ ด้วยเหตุนั้น เขาจึงถูกขอให้มาที่นี่เพื่ออภิปรายเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับหุ่นยนต์
หลังจากช่วงเวลาอันแสนนานผ่านไป คนพวกนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ออกความเห็นอะไรแล้วในตอนนี้ หรือไม่เช่นนั้นก็คงรู้สึกอายถ้าเกิดจะเถียงอะไรขึ้นมา
“ครูครับ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ คุณอู๋มาแล้ว ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” นักเรียนของโจ้ว เซวี่ยหงถามในสิ่งที่แทงใจทุกคนเข้าอย่างจังอีกครั้ง
อู๋ ฮ่าวเหริน เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้น “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมแค่จะมาคุยเรื่องหุ่นยนต์กับพวกเขาเท่านั้นเอง”
—————————

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด