อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 46

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 46 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 46 การล่อลวงไปสู่จุดจบ

 

โชคไม่ดีเสียเลย มันมีคนไม่มากที่ส่งซองแดงกันในกลุ่มระดับเริ่มต้น เหมือนกับเขา พวกเขายังเป็นคนจากระดับเริ่มต้นที่ส่งซองแดงหลายชิ้น

 

เหมือนกับพวกที่อยู่ระดับ 2 ขึ้นไป มันเป็นการดีที่ส่งซองแดงในไม่กี่วัน

 

แน่นอนว่าเขาพบปัญหาแล้ว นั่นก็คือ ผู้คนที่สามารถใช้ระบบซองแดงได้ในโลกนั้น ดูเหมือนว่ามีไม่มากเช่นกัน

 

ดูอย่างคนที่อยู่ในกลุ่ม ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเหล่ต้า พวกเขาทั้งเจ๋งแล้วก็หล่อเหลา คนเหล่านั้นเล่นกับยานรบ เป็นเศรษฐีหนุ่มผู้สร้างอาวุธผิดกฎหมายและชุดเกราะในตระกูลที่เกี่ยวของกับชุดเกราะ ต้นคริสตัลพลังงานทองของครอบครัวชาวไร่เป็นที่ต้องการของทุกคน

 

อู๋ ฮ่าวเหรินได้เห็นพวกเขาเหล่านั้นผู้ที่ซึ่งสามารถส่งซองแดงแบบพิเศษได้ ดูเหมือนว่าเที่ยนหยูกรุ๊ปจะพยายามอย่างมากในการเฟ้นหาคนเพื่อมาคอยขัดขวางไม่ให้เกิดเหตุการณ์ห้องแชทว่างโดยที่ไม่มีใครส่งซองแดง

 

แน่นอนว่าต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้าง และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเที่ยนหยู่กรุ๊ปที่อยู่เหนือพวกเขาเหล่านั้นจะทำอะไรหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

 

หลังจากปล้นซองแดงมาถึง 5 ชิ้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็ยอมแพ้ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความลำบากบางอย่างในการอัพเกรดวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบัน 200 เหรียญพลังงานอาจจะไม่พอ

 

อู๋ ฮ่าวเหรินถอยทัพ แต่ยังคงมีผู้คนในกลุ่มพูดถึงเขา มันคนกลุ่มน้อยที่สามารถใช้วิธีอัพเกรดแบบเศรษฐีใหม่ได้ในระบบซองแดง

 

นั่นก็เพราะว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนอู๋ ฮ่าวเหริน พวกเขากระตือรือร้นที่จะเพิ่มระดับของพวกเขาให้สูงขึ้นและมากกว่านี้ไปเรื่อยๆ ในขณะที่อู๋ ฮ่าวเหรินซึ่งออกจากระบบซองแดงไปแล้วกำลังออกจากบ้านและเดินตรงไปในหมู่บ้าน

 

ในวันนี้ ผู้คนในหมู่บ้านซุยฉุยต่างยุ่งกันไปหมด ภูเขาทั้ง 3 ลูกที่ล้อมรอบหมู่บ้านนั้นตราบใดที่มันยังเป็นที่ดินฟรี มันก็จะถูกพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับปลูกดอกกล้วยไม้สีม่วงต่อไป

 

ด้วยเงินเก็บ 5 ล้านหยวนของอู๋ ฮ่าวเหริน มันทำให้เหล่าผู้คนในหมู่บ้านซุยฉุยมีแรงผลักดัน

 

เพียงไม่กี่ก้าวหลังจากออกจากสนาม เขาก็เห็นคุณยายมากับหลานของเธอ

 

“คุณยายเหลียง กำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย?”

 

“ฮ่าวเหริน ยายไม่ได้ไปเทศบาลวันนี้ ยายพาหลานไปที่ภูเขาเพื่อดูนู่นดูนี่มา” เมื่อคุณยายเหลียงเห็นอู๋ ฮ่าวเหริน เธอก็ยิ้มออกมาทันที

 

“ถ้างั้นก็ระวังทางด้วยนะครับ มันยากที่จะเดินบนภูเขาแต่หลังจากช่วงเวลาสั้นๆนี้ ทุกๆคนก็จะสะดวกสบายจะมีการปรับปรุงถนนบนภูเขา ในอนาคต นักท่องเที่ยวบางส่วนจะมา มันคงไม่ง่ายเลยที่จะเดินบนทางแบบนี้”

 

“ไว้ค่อยคิดเถอะ ยายปลูกกล้วยไม้ไว้บนภูเขาด้วย ไม่งั้นยายจะไม่มีทางที่จะไปเก็บเกี่ยวมัน เป็นเรื่องที่โชคไม่ดีเอาซะเลย”

 

หลังจากเดินไปทั่วหมู่บ้านแล้ว เขาก็พบว่าทุกๆครอบครัวล้วนแต่วุ่นวายอยู่บนภูเขาในตอนนี้

 

 

ในวันต่อมา เขาเดินทางไปยังเขตของโรงงานด้วยรถยนต์ก่อนเพื่อตรวจดู สถานการณ์ที่นี่เป็นไปด้วยดี ยึดถือตามความสำเร็จปัจจุบัน มันแน่นอนแล้วว่าเสร็จแน่ๆ

 

หลังจากที่เขาออกจากส่วนก่อสร้าง เขาก็เดินทางตรงไปยังตึกสำนักงานของบริษัทแทบจะทันที เหลือเชื่อเลยว่า หลิว เหมยหรู่กำลังทำหน้าที่อยู่ที่สำนักงานนั้นแล้ว

 

“คุณนักบัญชี ยุ่งอยู่หรือเปล่า?”

 

หลิว เหมยหรู่เมินเฉยต่อคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณเป็นเจ้าของบริษัทนะ ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะทำอะไรด้วยตนเอง คุณสามารถหาคนซัก 2 คนมาช่วยคุณได้”

 

“ดีเลย ผมกำลังอยากจะจ้างพนักงานเพิ่ม แต่คุณรู้สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทดีนี่ มันยากมากที่จะจ้างคนได้ในตอนนี้ พวกเราไม่ต้องการพนักงานที่ไม่มีประสบการณ์”

 

“โอเค โอเค ฉันใส่ข้อมูลการรับสมัครงานลงในอินเตอร์เน็ตแล้ว และหลังจากนั้นฉันจะจ้างคนซัก 2 คนมาทำอะไรพวกนี้ก่อนเลย”

 

อู๋ ฮ่าวเหรินคิด ช่างเป็นโชคของเขาจริงๆ ที่เขาสามารถจ้างพนักงานบัญชีที่มีความสามารถขนาดนี้ได้ ไม่เช่นนั้นบริษัทคงเละไม่เป็นท่าไปแล้วแน่ๆ

 

“อย่างไรก็ตาม พี่หลิว วันนี้จะมีพวกคนที่มีความสามารถมาที่บริษัท 3 คน คุณช่วยตรวจดูพวกเขาให้หน่อย นี่เป็นข้อมูลของคนเหล่านั้น”

 

หลิว เหมยหรู่ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อเธออ่านข้อมูลเหล่านั้น เธอก็ต้องตกใจและพูดขึ้นมา “บอส คุณจัดการพวกนี้ได้ยังไง? ทำไมคนที่มีความสามารถเหล่านี้ถึงมาที่บริษัทของเราเพื่อสมัครงานล่ะ?”

 

ใบหน้าของอู๋ ฮ่าวเหรินเปลี่ยนเป็นสีดำ เธอพูดอะไรออกมา และทำไมพวกเขาถึงมายังบริษัทของเราเพื่อสมัครงานนะ แต่เมื่อคิดถึงสภาพปัจจุบันของบริษัท อู๋ ฮ่าวเหรินก็วิตกอีกครั้ง

 

อันที่จริง ด้วยประสบการณ์การทำงานของสามคนข้างต้นนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาสมัครงานกับบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่เช่นนี้ เขาเกรงว่ามันจะเป็นแค่การมองผ่านๆ บริษัทของเราคงจะโดนกรองออกแทบจะทันที

 

ชื่อนี้ ฟิวเจอร์ ดริ้งกรุ๊ป ในความเป็นจริงแล้วข้างในมีความตระหง่านอยู่ แม้แต่ในความตระหง่าน ก็ยังไม่สามารถสลัดคราบบริษัทเปิดใหม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ

 

ในตอนปัจจุบัน บริษัทยังไม่มีโครงการใดๆ โรงงานผลิตเครื่องดื่มนั้นยังไม่สมบูรณ์ดี และยังไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนวัสดุใบพืชได้

 

มันสำคัญมากๆ นั่นก็เพราะสถานการณ์ของดู โบ๋ ผู้ที่ซึ่งลงมาเพื่อจะหาข่าว เขาจะเห็นสถานการณ์ปัจจุบันและกลับไปส่งรายงานให้นายกเทศมนตรี ซึ่งนั่นอาจจะทำให้โครงการถูกยกเลิกได้

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรค่าที่สุดแก่ 200 ล้านดอลล่าห์นั้น โครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัตในเทศบาลเรียบร้อยแล้ว

 

ในตอนนี้คนจากสำนักงานเทศบาลผู้ที่ไม่ฟังเสียงจากฝ่ายค้านนั้น กำลังทำงานร่วมกับส่วนก่อสร้างของโรงงาน การตรวจสอบและอนุญาติที่ดินเพื่อสร้างตึกนั้น ทั้งหมดเดินหน้าตามแผนของอู๋ ฮ่าวเหริน

 

ด้วยเหตุผลนี้เอง อู๋ ฮ่าวเหรินจึงใช้เงินกว่า 2 ล้านหยวนเพื่อซื้อสิทธ์ในการใช้พื้นที่กว่า 12 เอเคอร์ของซาลีน ฮัลคาลี บวกกับหุบเขาทั้ง 5 รอบๆโรงงานผลิตเครื่องดื่มเป็นเวลา 50 ปี

 

แน่นอนว่าภูเขานั้นไม่อนุญาตให้เป็นเจ้าของและพัฒนา นั่นหมายความว่า อู๋ ฮ่าวเหรินที่ต้องการที่จะพัฒนาภูเขาทั้ง 5 นั้นซึ่งสิ่งที่มันสามารถเป็นไปได้ก็คือทำให้เขียวขจีมากขึ้นหรือไม่ก็เพาะปลูกเท่านั้น

 

มองไปยังหลิว เหมยหรู่ที่กำลังตกใจ อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าท้ายสุดแล้วเขาคงจะโดนประท้วงในอำนาจที่มี ถึงแม้เขาจะโดนเหยียดหยามก็ตาม

 

“แน่นอน ผมประทับใจพวกเขาด้วยความสามารถที่แท้จริงเหล่านั้น นี่เป็นข้อมูลที่ผมจัดเตรียมไว้ ผมจะให้คำถามสำหรับสัมภาษณ์กับพี่สาวหลิวนะ”

 

“ข้อมูลของคุณ? คุณไม่ได้กำลังจะบอกว่าพวกเขามาเพราะข้อมูลพวกนี้หรอกนะ!”

 

“ อาจจะ.. แล้วก็ ส่วนหนึ่งก็มาจากพวกข้อมูลนี่แหละและแน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เพราะกำลังของบริษัทเราเอง”

 

หลิว เหมยหรู่พูดอะไรไม่ออก น่าเสียดายที่บอสของเธอตั้งใจจะหลอกล่อเหยื่อไปจนจบงาน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการที่จะมาทำ แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ข้อมูลนั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไร โรงงานยังอยู่ในขั้นตอนการสร้าง ตึกสำนักงานเองในข้อมูลก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้รับเหมาโครงการนี้

 

สำหรับที่พักพนักงาน โรงงานผลิตวัสดุใยพืช ห้องวิจัย และอื่นๆ ทั้งหมดนี้ยังไม่มีอะไรที่ดูใกล้ความเป็นจริงขึ้นมาเลย

 

อู๋ ฮ่าวเหรินทำลับๆล่อๆออกไปขณะที่หลิว เหมยหรู่กำลังอ่านข้อมูลพวกนั้น เขารู้ว่าในเวลานี้มันจบแล้วจริงๆ แต่เขาช่วยไม่ได้ มิเช่นนั้น คนเหล่านั้นจะไม่มีแม้อ่านรายละเอียดของบริษัท เขาคงจะตั้งใจมาสมัครอย่างเดียว

 

“จี้ ผู้รับเหมานี่เรียบร้อยหรือยัง”

 

“ในปัจจุบัน มีคนตอบกลับมา 6 คนครับ 3 จากทั้งหมดหวังว่าเราจะเพิ่มทุนและเราต้องจ่าย 100 ล้านดอลล่าห์เพื่อใช้ในการก่อสร้าง ส่วนอีก 3 นั้นสนใจ แต่แค่สนใจเพราะยังลังเลใจอยู่ครับ”

 

อู๋ ฮ่าวเหรินเข้าใจว่าคนเหล่านั้นไม่มั่นใจว่าจะสร้างเทคโนโลยีที่พูดถึงนั่นได้หรือเปล่าเพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นป่านนี้พวกผู้รับเหมาแห่กันมาแย่งที่จะสร้างตึกแล้ว

 

“คนพวกนี้…ลดทุนไปอยู่ที่ 80 ล้านดอลล่าห์ และสร้างฐานการผลิตวัสดุใยพืชให้ฉัน จากนั้นฉันก็ส่งเอกสารให้พวกเขา ในเอกสารนี้ ฉันแนบ2 ตึกแรกที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีไปด้วย และฉันไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะไม่เอามันไป”

 

อู๋ ฮ่าวเหรินยังคงปรับแก้มัน ท้ายสุดแล้ว ตึกเทคโนโลยีนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของบริษัท ในที่สุดก็จะได้แทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ปล่อยภาพบางอย่างให้พวกเขาเห็นว่าจะเป็นยังไงถ้าบริษัทของพวกเขาได้สร้างของที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงนี้

 

“อ้า แล้วห้องวิจัยในญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้าง? พวกเขาจะซื้อองค์ประกอบที่เหลือหรือยัง?”

 

“ขั้นแรกของการวิจัยเสร็จสิ้นแล้วครับ แต่พวกเขากำลังพยายามหยุดยั้งส่วนที่สองของงานวิจัยอยู่ มันคงใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าพวกเขาจะสามารถซื้อส่วนที่สองจากเราได้ครับ”

 

พวกคนญี่ปุ่นกลุ่มน้อยนี่วางแผนได้ดีจริงๆ ถ้าคุณต้องการงานวิจัยเหล่านี้จริงๆ ใครจะขายส่วนที่เหลือให้กันล่ะ

 

ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องเพิ่มอะไรบางอย่างเพื่อกระตุ้นพวกเขาเสียแล้ว

 

“จี้ ส่งข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับงานวิจัยชิ้นนี้ไปยังการประขุมใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ เพียงแค่เมื่อไหร่ที่น้ำกลายเป็นโคลนเมื่อนั้นเราจะได้ประโยชน์เพิ่ม ฉันเชื่อว่าเมื่อเราถามถึงราคา พวกเขาจะไม่ต่อรองอะไรกับเรา”

 

แน่นอนว่าอู๋ ไม่ได้คิดถึงมันเลย หลังจากที่ข้อมูลประเภทนี้ถูกส่งออกไป หลายประเทศอาจจะศึกษาเทคโนโลยีนี้ และในเวลาเดียวกัน มันจะไม่ใช่ของญี่ปุ่นเพียงแห่งเดียว

 

ถ้าเทคโนโลยีดังกล่าวทำขึ้นเพื่อพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นเล็กๆ และเมื่อข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จทางเทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ถูกเผยแพร่ออกไป ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะได้หนาวกว่านี้แน่นอน

 

 

 

—————————–

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด