อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 287

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 287 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF-บทที่ 287 รับสมัครหนูทดลองรักษามะเร็ง

 

มองดูใบหน้าที่สงสัยของหลิงเหยาแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็พูดออกมาพร้อมกับยิ้ม, “งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรกับวัตถุดิบที่คุณซื้อมา, เอาไว้ใช้ทําอะไร?”

 

ในห้องการแพทย์, ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้กําชับให้รปภ.ไล่ทั้ง 4 คนออกจากห้องให้กลับไปที่หอพักทุกวัน, เชื่อว่าพวกเขาก็คงหลับกันอยู่ในนั้นแน่นอน

 

หลายวันมานี้ มีพนักงานที่มาประจําที่นี่เพิ่มขึ้น, ซึ่งมีอยู่ 2 คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งที่ จื่อหยงไปได้มาจากเบื้องบน, ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการวิเคราะห์และจัดการด้านการรักษามะเร็ง

 

จริงๆแล้ว, งั้นตอนการทดลองได้ผ่านพ้นไปแล้ว, แต่อู๋ฮ่าวเหรินที่ยังไม่ได้ประกาศข่าวออกไป, เพราะเขานั้นรู้ดีว่าถ้าหากประกาศข่าวออกไปแล้ว ราคาของวัตถุดิบและสมุนไพรพวกนี้ราคาจะต้องถบตัวสูงขึ้นในทันใดแน่

 

ในตอนนี้บริษัทได้มีสมุนไพรและวัตถุดิบเพียงพอแล้ว ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ไปได้อีกซักระยะใหญ่ๆ ถึงแม้วัตถุดิบและสมุนไพรพวกนี้ราคาจะถีบตัวสูงขึ้นมา, ตราบเท่าที่เขาไม่ได้เป็นคนซื้อของพวกนี้ ก็คงไม่มีใครคิดซื้อสินค้าพวกนี้กักตุนแน่

 

เมื่อเวลาผ่านไป, ราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นนี้ก็จะค่อยๆตกลงมา จนลงมาอยู่ในระดับคงเดิม

 

ยกตัวอย่างเช่น, วัตดุสําหรับใช้ทําเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนได้กลับคืนสู่ราคาดั้งเดิมของวัตถุดิบ ในขณะที่วัตถุดิบพิเศษพวกนี้กลับมีราคาถีบตัวขึ้นสามเท่าแทน

 

“ที่นี่มันอะไรกัน? ดูอย่างกับสถาบันวิจัยของกองทัพเลย?”

 

“ที่นี่คือเขตแกนกลางของฟิวเจอร์กรุ๊ป, โดยปกติแล้วจะมีเพียงพนักงานที่เกี่ยวข้องและ รปภ.ของบริษัทถึงเข้ามาที่ส่วนนี้ได้, แน่นอนว่า ถ้าคุณอยากจะเข้ามาที่นี่ คุณจําเป็นที่จะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วสัญญาณเตือนภัยของที่นี่ก็จะดังขึ้นและจะถูกหมายหัวให้เป็นผู้บุกรุก”

 

“หลังจากที่โดนให้เป็นผู้บุกรุกแล้ว คงจะมีหุ่นยนต์โผล่ออกมาใช่มั้ย!” หลิงเหยาพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองเขา ทําสีหน้าแบบมีลับลมคมในแล้วพูดขึ้น “จะลองดูก็ได้นะ”

 

หลิงเหยาอยากจะพูดว่าใช่ แต่เขาก็นึกถึงเหตุการณ์สายลับบุกที่เขาได้ยินมา, เขาก็ส่ายหัวและตอบกลับไป ” ก็แค่สงสัยนะ, ผมไม่ได้อยากโดนอัดหรอกนะ”

 

อ่าวเหรินพาหลิงเหยาไปที่ห้องการแพทย์และเพื่อพบกับกลุ่มคนที่กําลังทําการทดลองกันอยู่

 

“ผลการทดสอบปกติดีและการรักษาก็เป็นไปได้ด้วยดี, ยิ่งไปกว่านั้นจากเห็น, พวกหนูมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

“ หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ, การรักษานี้ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแล้ว”

 

“ศจ.ฉินครับ, ดูเหมือนมันจะไม่มีผลข้างเคียงจริงๆครับ ถ้าไม่ได้กลัวว่าพวกหนูจะทนไม่ไหว การรักษานี้น่าจะสมบูรณ์ตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว”

 

ฉินซ่งหลิงผงกหัว

 

เขานั้นได้ย้ายมาจากกระทรวงสาธารณสุข, ซึ่งได้บอกกับเขาว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้คิดค้นวิธีการรักษาโรคมะเร็งได้แล้ว จึงอยากให้เขาช่วยไปดูสถานการณ์ให้หน่อย, ซึ่งในตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไร

 

แต่ในวันแรกที่เขาได้มาที่นี่, ทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนไปและขอเข้าร่วมการศึกษาเทคโนโลยีนี้ในฐานะนักเรียนด้วย, จากนั้นเขาก็พาเพื่อนร่วมงานเขาที่ชื่อต่งปี้หวูเข้ามาร่วมด้วย

 

” เรียกได้ว่าการรักษากับหนูสําเร็จแล้ว, รีบไปบอกเรื่องนี้ให้หัวหน้าทราบว่าเราทําสําเร็จแล้วกันเถอะ!” เหอตงหยางตะโกนอย่างตื่นเต้น

 

“ไม่ต้องมาบอกผมหรอก, ผมได้ยินแล้วล่ะ”

 

“อ๊ะ! หัวหน้ามาล่ะ”

 

ทุกคนหันไปมองอู๋ฮ่าวเหริน ซึ่งยืนมองอยู่ข้างหลังพวกเขา, ในเวลานี้อารมณ์ของพวกเขานั้นกําลังตื่นเต้นกันมาก, ถึงแม้พวกเขานั้นจะรู้ดีว่าการต่อสู้กับโรคมะเร็งในครั้งนี้นั้น พวกเขามีส่วนร่วมเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดถูกแก้ไขโดยเครื่องมือและยา

 

หลิงเหยามองดูท่าที่ที่ตื่นเต้นของพวกเขา จึงได้ถามขึ้นอย่างสงสัย “พวกคุณกําลังศึกษาโรคอะไรกันอยู่รึ?”

 

“โรคมะเร็งนะ”

 

“โรคมะเร็ง? เดี๋ยวนะ, คุณบอกว่าโรคมะเร็งเหรอ? ที่พวกคุณเพิ่งบอกว่าทําการรักษาสําเร็จอะนะ?” หลิงเหยาจ้องมองที่กลุ่มสตาฟการแพทย์

 

มองดูพวกเขาผงกหัว, หลิงเหยาหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย เหมือนไม่ค่อยเชื่อ

 

“ศาตราจารย์ทั้งสอง, พวกคุณได้บันทึกข้อมูลการรักษาทั้งหมดไว้ไหม?”

 

” ท่านประธานอู, ข้อมูลทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว, ไม่มีปัญหา, พวกเราคิดว่าในตอนนี้พวกเราน่าจะสามารถหาอาสาสมัครมาเข้าร่วมการทดลองกับพวกเราได้แล้วล่ะครับ”

 

“แล้วก็ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหม? ยาตัวนี้, ผมหวังว่าระหว่างที่พวกเรากําลังทดลองกันอยู่ พวกเราจะขอแบ่งให้กับพวกผู้ปวยที่อยู่ในภาวะลุกลามหนักก่อนได้ไหม เพื่อที่พวกเขาได้มีชี วิตรอดต่อไปได้” ฉินซ่งหลิงร้องขอ

 

“ไม่มีปัญหาหรอกเรื่องแจกจ่ายยานะ, แต่พวกคุณก็น่าจะรู้ว่ายาตัวนี้มันผลิตได้ยุ่งยากมากแค่ไหน, ผมสามารถช่วยจัดการเรื่องของอุปกรณ์และวัตถุดิบให้ได้ แต่เรื่องของคนที่จะมาผลิตยา

 

“ประธานอู่ครับ, ตราบเท่าที่คุณยอมตกลง ผมจัดการเรื่องหาคนมาช่วยผลิตยาเอง”

 

อู๋ฮ่าวเหรินผงกหัว, เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีปัญหา, เดิมที่เขาเองก็ต้องการที่จะดันยาตัวนี้ขึ้นเพื่อช่วยชีวิตคนจํานวนมากอยู่ก่อนแล้ว

 

ไม่เช่นนั้นแล้ว, เขาคงไม่คิดที่จะซื้อวัตถุดิบทํายามามากถึงขนาดนี้ เพราะถ้าจะใช้วัตถุดิบเพื่อแค่ทําการทดลองเฉยๆ ก็คงไม่จําเป็นที่จะต้องสั่งซื้อวัตถุดิบมามากถึงขนาดนี้

 

“น้องเขย, สมุนไพรและวัตถุดิบที่คุณขอให้ผมไปซื้อมานั้น เพื่อเอามารักษาโรคมะเร็งสินะครับ ไม่ได้การแล้ว, ผมขอตัวโทรศัพท์แปบนึ่ง เพื่อที่จะได้สั่งซื้อมาเพิ่ม

 

หลิงเหยานั้นรู้ดีว่าเมื่อใดที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ราคาของวัตถุดิบพวกนี้และตัวยาจะต้องราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วแน่นอน

 

“ในเมื่อพวกคุณบอกพร้อมแล้ว, ผมจะได้ไปประกาศหาอาสาสมัครมาเป็นผู้เข้ารับการทดลอง รักษาโรคมะเร็งในเว็บไซต์ของบริษัท, แต่จะให้รักษาที่นี้คงจะไม่ดีเท่าไร, มีโรงพยาบาลอยู่ในบริเวณของหอพัก เดี๋ยวผมจะเตรียมการไว้ให้, แล้วพวกคุณก็ไปรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่นั่นกัน”

 

หลังจากที่หลิงเหยาออกมาจากห้องการแพทย์, เขาได้พูดอะไรบางอย่างกับอู่ฮาวเหรินและ รีบวิ่งออกไป บอกว่าเขานั้นต้องการที่จะรีบกลับ เพื่อที่จะไปซื้อสมุนไพรและวัตถุดิบพวกนี้มาตุนเพิ่ม

 

อู๋ฮ่าวเหรินได้ขอให้พวกรปภ.ช่วยกันขนย้ายและติดตั้งเครื่องมือการรักษา 10 เครื่อง และ เครื่องผลิตยาอีก 20 เครื่องไว้ในโรงพยาบาล

 

จริงๆแล้ว, โรงพยาบาลในเขตหอพักนั้นยังไม่เคยถูกใช้งานเลย เพราะว่ายังไม่เคยมีผู้ปวยในหมู่พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาก่อนเลย

 

เมื่อเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ประกาศข่าวเรื่องรับอาสาสมัครผู้เข้ารับการทดลองรักษาโรคมะเร็งออกไป รวมถึงข้อมูลเรื่องของตัวยาใหม่ของฟิวเจอร์กรุ๊ปออกไปด้วย, ทําให้เหล่านักข่าว และผู้ใช้เว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปต่างก็มาดูข่าวนี้อย่างไม่ค่อยเชื่อ

 

เรื่องที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปกําลังศึกษาเรื่องของมะเร็งนั้น พวกเขาต่างก็รู้กันอยู่แล้วเพ ราะจากเหตุการณ์ที่มีคนมาหลอกให้ร่วมลงทุนในครั้งก่อน ซึ่งเรื่องเองนั้นก็ได้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อชื่อเสียงของอู๋ฮ่าวเหรินในระดับหนึ่ง

 

แต่พวกเขานั้นก็ไม่คิดว่าเพียงแค่ 10 วัน, ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะประกาศว่าพวกเขาสามารถเอาชนะโรคมะเร็งได้ และประกาศหาผู้เข้าร่วมการทดลอง

 

“มันไม่จริงหรอกมั้ง? ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสุดยอดถึงขนาดที่สามารถเอาชนะโรคนี้ได้ เลยงั้นเหรอ?”

 

“ฮ่าๆๆ, ข้าว่าไอ้พวกที่มาหลอกให้ร่วมลงทุนพวกนั้นคงกลายเป็นตัวตลกไปแล้วล่ะ, ในเวลา นั้นฟิวเจอร์กรุ๊ปอาจจะคิดค้นวิธีรักษามะเร็งได้อยู่แล้วก็ได้ นี่มันเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนชัดๆ”

 

“ถ้าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง, ขอผมพูดหน่อยเหอะ, ไอ้พวกสถาบันวิจัยพวกนั้นมันโง่กันจริงๆ”

 

“ฉันสารภาพ, การที่ฉันออกมาแก้ต่างในสถาบันพวกนั้น รู้สึกช่างโง่จริงๆ”

 

“ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้ทราบสถานการณ์จริงๆ อย่างเพิ่งรีบด่วนสรุปดีกว่า, ฟิวเจอร์ก รูปเพิ่งประกาศว่าอยู่ในขั้นตอนการทดลอง, พวกเขาจะสามารถเอาชนะโรคมะเร็งได้หรือไม่นั้น, พวกเราคงจะต้องรอให้พวกเขารักษาผู้เข้าร่วมการทดลองให้ได้ก่อน แล้วพวกเราค่อยมาถกเถียงเรื่องนี้ต่อ”

 

“เจ้าพวกคนข้างบน, พวกคุณไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาได้ประกาศว่ายายับยั้งโรคมะเร็งของพวกเขานั้นได้ยืนยันแล้วว่าขายได้, ถึงแม้ฉันจะไม่รู้หรอกนะว่าทําไมถึงไม่มีการทดลองกับมนุษย์ก่อนแล้วค่อยขาย, แต่ทว่าด้วยชื่อเสียงและความมั่งคั่งของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, มันเป็นไปไม่ได้ ที่พวกเขาคิดจะขายยาปลอมเพื่อทําลายชื่อเสียงบริษัทของตัวเองแน่ๆ”

 

มีบางคนที่ไปดูข่าวการรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลองแล้วก็ตกใจ, ที่จํานวนของผู้เข้าร่วมนั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าทึ่ง

 

“ผมรู้สึกอึ้งไปเลยแฮะ, เพียงแค่ไม่กี่นาที, จํานวนผู้ขอเข้าร่วมพุ่งสูงถึง 10,000 คนแล้ว, ซึ่งปกติแล้วการรับสมัครเข้าร่วมการทดลองแบบนี้, ผู้ปวยไม่ค่อยจะเต็มใจขอเข้าร่วมมากเท่าไรนักหรอก”

 

“ฮ่าๆ, ก็เพราะเจ้าเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบําบัดมันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีความสําเร็จมากพอในด้านการแพทย์แล้ว, ถ้าพวกคุณมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ที่บ้านนะ ข้าว่าถ้าเขาอดเข้าร่วมการทดลองรักษา พวกคุณก็น่าจะลองหาทางซื้อยายับยั้งโรคมะเร็งดูนะ”

 

ในขณะที่ข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้ถูกแพร่ออกไปตามโซเชียลมีเดียต่างๆอยู่นั้น, ผู้ป่วยโรคมะเร็งในจีนก็ได้เพิ่มมากขึ้นๆทุกปี, ในแต่ละปีมีมากกว่า 3 ล้านคนที่เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง เรียกได้ ว่ามีการตรวจพบคนเป็นโรคมะเร็งทุกๆ 10 วิเลยก็ว่าได้, และมีมากกว่า 2.2 ล้านคนที่ตายเพราะโรคมะเร็งทุกปีเช่นกัน

 

คุณคงพอนึกถึงอิทธิพลของข่าวนี้กันออกแล้วสินะ

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด