อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 25
CF:บทที่ 25 การเพาะปลูกอันยากเย็น
วันถัดมาอู๋ ฮ่าวเหรินตื่นสายนิดหน่อย เพราะอยู่กับเครื่องเล่นเมื่อคืน ดูหนังอันยอดเยี่ยมของอนาคต รู้สึกติดงอมแงม ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
ถ้าเขามีเวลา เขาจะดูหนังทั้งหมดในเครื่องแล้วดูว่าพอจะมีเรื่องไหนที่เขาสามารถเอามาฉายในโลกปัจจุบันได้
ในวิดิโอแบบที่ตัดตอนมา มันหลอกลวงมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะทน ราวกับกำลังจะไปนอนกับหญิงงามแต่ก็พบว่ามันมีไอ้นั่นอยู่ตรงนั้นของหญิงงามคนนี้
หลังจากที่ล้างหน้าแล้ว เขาก็ออกมาจากห้องแล้วเจอน้องสาวกับมือถือใหม่ของเธอ ไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
เมื่อได้ยินเสียงคนออกมาจากห้อง เธอก็เงยหน้ามาเจอพี่ชายที่เดินออกมา
“พี่ มาช่วยฉันดูรูปนี้หน่อยสิว่ามันดูดีรึยัง ฉันจะเอามันลงอินเตอร์เน็ต”
อู๋ ฮ่าวเหรินเดินไปดูและพบว่าเธอถ่ายรูปด้วยมือถือใหม่ไปเยอะมาก แถมบางรูปยังแต่งด้วยแอปเหมยทู
“แม่สาวน้อย ไปเรียนเรื่องแบบนี้มากจากใครเนี่ย?” อู๋ ฮ่าวเหรินถามด้วยความแปลกใจ
เสี่ยวฉานยิ้มอย่างมีความสุขและตอบว่า “ยาย่าเป็นคนสอนน่ะ พ่อของเธอซื้อมือถือให้ เธอเลยส่งรูปมาให้เยอะมากทุกวันเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินอยากจะต่อว่าน้องเขา แต่ก็ไม่ได้พูดไป อย่างน้อยก็เมื่อเขาคิดถึงสภาพของเขาแล้วมองใบหน้ายิ้มแย้มของน้องสาว
เขาก็ลูปหัวเธอ พูดด้วยเสียงนุ่มๆว่า “เล่นได้ แต่อย่าไปเรียนเรื่องไม่ดีตามใครล่ะ ถ้าเธออยากได้อะไร บอกพี่ตอนนี่พี่มีเงินแล้ว และจะมีเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคต”
“ก็ได้ๆ แต่พี่ยังไม่ดูรูปให้ฉันเลย ฉันจะส่งมันไปให้ยาย่าดู”
อู๋ ฮ่าวเหรินดูรูปที่น้องเขาถ่าย แล้วเขาก็เศร้าใจ เขาส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่พี่ซื้อมาให้ก่อน แล้วพี่จะถ่ายรูปให้ล่ะกัน”
“แม่บอกว่าชุดนั้นไว้ใส่ตอนไปโรงเรียน”
“อะไรทำให้ต้องเก็บไว้ใส่ไปโรงเรียนด้วยล่ะ? เสื้อผ้าซื้อมาให้ใส่นะ ไปเปลี่ยนชุดมาเลย”
เสี่ยวฉานได้ยินคำพูดของพี่แล้ว ก็วิ่งอย่างมีความสุขหัวเราะอย่างสดใส
ในตอนนี้อู๋ ขิงไฮ่ก็เดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี อู๋ ฮ่าวเหรินเลยถามว่า “พ่อ ใครเป็นคนดูแลหมู่บ้านซุยฉุยตอนนี้? ผมอยากพัฒนาและปลูกบางอย่างในหมู่บ้านล่ะ”
“เพื่อพัฒนาและปลูกพืช? นี่อยากจะเป็นชาวไร่ในบ้านเกิดตัวเองแล้วเหรอ?”
พ่อถามด้วยหน้าบึ้ง
“ก็ มีความคิดอยู่น่ะ ผมมีเมล็ดพืชที่พิเศษมากๆอยู่ในมือ ผมอยากปลูกมันในหมู่บ้าน ในอีกไม่กี่วัน ผมจะไปทำเรื่องตั้งบริษัทและเตรียมเปิดบริษัทในเมือง”
ความคิดของอู๋ ฮ่าวเหรินถูกตัดสินได้หลังจากที่คิดมาอย่างยาวนานเมื่อคืน
เดิมทีเขาอยากจะตั้งมันในเมืองใหญ่แต่เขาคิดว่าพัฒนาการของเมืองใหญ่ไม่ช่วยอะไรเขามากนัก ตรงกันข้าม มันมีอุปสรรคนิดหน่อยแทน
ท้ายสุดหลังจากที่เขาคิดแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องไม่มีที่ขายของที่เขาจะได้มาในภายหลัง มันดีกว่าที่จะเปิดบริษัทในเมืองเล็ก มันง่ายที่จะขยายออกไปในภายหน้า
แน่นอนว่า ปัญหาหลักคือเมืองนั้นอยู่ใกล้บ้าน ดังนั้นพ่อแม่จึงไม่ต้องย้ายออกจากหมู่บ้านซุยฉุย
มองดูลูกชายเขาที่เหมือนจะไม่ได้พูดเล่น อู๋ ขิงไฮ่อยากจะโน้มน้าวเขา แต่คิดว่าลูกชายเขาจบจากมหาลัยได้และทำงานอยู่ข้างนอกเป็นปี เขามีประสบการณ์ที่ดีกว่าเขาแล้ว ยิ่งตอนนี้เขามีเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นเขาจึงสามารถคิดการใหญ่ได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรถ้าเขาล้มเหลว
“งั้นก็ทำอะไรก็ได้ที่นายอยากทำเถอะ ยังไงก็ตาม ห้ามลงทุนเงินทั้งหมดกับมัน อย่างน้อยนายต้องแบ่งเงินที่ได้จากการขายหยกออกมาห้าล้านหยวน แล้วที่เหลือจะทำอะไรก็ได้ตามใจเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้าเข้าใจ อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้จะใช้เงินเยอะอยู่แล้ว สิบล้านหยวนนั้นเพียงพอสำหรับเขาที่จะจบแผนการขั้นต้นของบริษัท
“พ่อยังไม่ได้บอกผมเลยว่าใครเป็นคนดูแลหมู่บ้านตอนนี้เลย โครงการแรกที่ผมจะเริ่มทำมันเกี่ยวกับพืช ผมกำลังจะปลูกมัน”
อู๋ ขิงไฮ่ส่ายหัวและตอบว่า “ลุงวู่ คือคนที่ดูแลหมู่บ้านตอนนี้ แต่ว่ามันยากที่จะทำการเพาะปลูกนะ ไม่กี่ปีที่แล้วมีคนมาที่หมู่บ้านซุยฉุยเพื่อทำการเพาะปลูก ท้ายที่สุดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ในภูเขาทางขวาของหมู่บ้าน ยังมีต้นผลไม้เหลืออยู่เยอะเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินชะงักไป เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่สร้างความวุ่นวายทั้งหมู่บ้านเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อนักลงทุนหนีไป ชาวบ้านก็ต้องส่ายหัวให้กับผลไม้ที่ขายไม่ออกในภูเขา
หลังจากประสบเหตุการณ์นี้แล้ว ทุกคนก็ต่อต้านการลงทุนเกี่ยวกับการเพาะปลูกหรือการผสมพันธุ์สัตว์
แน่นอนว่า ตามมุมมองของอู๋ ฮ่าวเหรินในตอนนี้ ความล้มเหลวของนักลงทุนคนนั้น พูดได้อย่างเดียวว่ามันเป็นเพราะเขาไม่ได้คิดถึงภาพรวม แต่คิดเพียงว่าผลไม้ที่ปลูกที่นี่นั้นปราศจากมลภาวะและไม่ได้คำนึงถึงค่าขนส่งผลไม้
ตอนนั้นหมู่บ้านซุยฉุยยังไม่มีถนนตัดผ่านภูเขาออกไปสู่ข้างนอก ถ้าอยากจะออกไป จะต้องข้ามเขาไปลูกสองลูกเท่านั้น
“พ่อ ตอนนี้มันต่างจากตอนนั้นแล้ว มันมีทางออก ถ้ามีของดีในหมู่บ้านมันก็สามารถส่งออกได้แล้ว ผมจะไปคุยกับลุงวู่ตอนนี้เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินรีบออกไปที่กลางหมู่บ้าน บ้านของวู่ ฉานฉู่นั้นอยู่ตรงกลางหมู่บ้าน มีลานกว้างขนาดใหญ่ถัดไปก็เป็นโถงบรรพบุรุษของหมู่บ้าน
“สวัสดีป้า ลุงวู่อยู่บ้านไหม?”
“โอ้ มาไงล่ะฮ่าวเหริน เข้ามาสิ มาหาลุงวู่สินะ? ออกมานี่เร็ว ฮ่าวเหรินมาหาน่ะ”
“ฮ่าวเหรินมาสินะ กำลังออกไป”
วู่ฉานฉู่เป็นชายแข็งแรง เขาเคยเป็นทหารมาก่อน แต่เมื่อเขาเกษียรเขาก็ไม่ได้กลับบ้านเกิด
มองวู่ ฉานฉู่ในเสื้อโค้ททหารของเขาและใบหน้ายิ้มแย้ม อู๋ ฮ่าวเหรินก็ยิ้มไปด้วย
“ฮ่าวเหรินมีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?”
“คุณ อย่าให้เขาพูดหน้าประตูสิ เข้ามาก่อนแล้วค่อยคุยกันก็ได้”
“ใช่ๆเธอได้เห็นลุงวู่แบบนี้ หลังจากไม่ได้เห็นตั้งหลายปี เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเนอะ?”
“ลุงวู่เป็นคนนิสัยดีนี่ ทำไมเขาต้องเปลี่ยนล่ะ ลุง ที่ผมมาผมที่เรื่องที่ต้องคุยกับลุงน่ะ”
“โอ้ อะไรล่ะ?”
วู่ ฉางฉู่จริงจัง เขาได้ยินมาเรื่องอู๋ ฮ่าวเหรินมาเมื่อคืน เขารู้ว่าเด็กคนนี้หาเงินได้มากมาย
“ลุงวู่ ลุงคิดยังไงกับสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านซุยฉุย?”
“สภาพแวดล้อม? แน่นอน ตอนฉันยังเป็นทหารข้างนอก ลุงของเธอกับฉันก็ไปมาตั้งหลายที่ สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านซุยฉุยดีขนาดนี้เลย” ลุงชูนิ้วโป้งขึ้นมา
“นั่นแหละลุงวู่ แล้วลุงคิดว่าหมู่บ้านเราจะสามารถพัฒนาเป็นที่ท่องเที่ยวระบบนิเวศชนบทตอนนี้เลยได้ไหม? ก็ มันมีบ้านไร่อยู่ข้างนอกนะ”
“ถ้าเราพูดถึงสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านล่ะก็ เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว แต่ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาการของที่ท่องเที่ยวระบบนิเวศแล้ว มันไม่ค่อยดีเลย มีภูเขาชื่อดังอยู่หลายลูกรอบๆเรา ทักท่องเที่ยวก็จะไปที่นั่นเมื่อเขาอยากไปเที่ยว หมู่บ้านซุยฉุยของเราไม่มีอะไรดึงดูดเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดเรื่องนั้นมาอยู่แล้วและตอบว่า “ถ้าผมแก้ปัญหาเรื่องการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ลุงพอจะโน้นน้าวชาวบ้านให้ปลูกพืชที่ผมจะให้ได้ไหม?”
“ปลูก? นายไม่อยากจะเพาะปลูกในหมู่บ้านของเราหรอก!”
“ใช่แล้วเพาะปลูก ผมมีเมล็ดพันธุ์พืชดีๆอยู่ล่ะ ถ้าผมปลูกมันเป็นบริเวณกว้างในหมู่บ้านซุยฉุย ผมเชื่อว่าหมู่บ้านนี้จะดึงดูนักท่องเที่ยวได้แน่นอน!”
“ไม่ๆ เดี๋ยวนี้มันยากที่จะให้ชาวบ้านเพาะปลูก นายน่าจะรู้ว่าเหมือนกันนี่ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น ชาวบ้านก็ต่อต้านอะไรแบบนี้ ถ้ามันไม่เคยเกิดเรื่องนี้ ฉันคงให้ชาวบ้านแข่งกันปลูกผลไม้ได้”
อู๋ ฮ่าวเหรินเงียบไป เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะยากถึงเพียงนี้
“ลุงวู่ การเพาะปลูกที่ผมจะทำมันไม่เหมือนกับตอนนั้น ผมจะทำสัญญาจ้างกับผู้มีส่วนร่วมทุกคนในหมู่บ้านซุยฉุย ตั้งราคาไว้เลย แม้ว่าจะล้มเหลว ชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน”
ได้ยินที่อู๋ ฮ่าวเหรินพูด วู่ ฉานฉู่ลังเลอยู่ชั่วครู่และพูดว่า ”ในเมื่อนายพูดแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วถ้าฉันจะปฎิเสธ ฉันจะไปบอกทั้งหมู่บ้านให้ในอีกสักครู่ แล้วบอกไว้ก่อนเลยว่าเราจะไม่ให้นายจ่าย ต่อให้เราจ่ายค่าแรงและการปลูกบนเขตภูเขา”
“ลุงวู่ อย่าพูดแบบนั้นเลย ต้องเซ็นสัญญาจ้าง เมื่อผลไม้ทำเงิน มันจะขายให้คนอื่นได้ในราคาที่สูง ผมกล้าพูดเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดเล่น เขาเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ มันจะดีกว่าถ้าเริ่มด้วยอะไรแบบนี้ โดยไม่ก่อปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมา
เขาไม่ได้คิดมันเลยสักนิด ว่าเครื่องดื่มที่ได้จากผลไม้นี้จะไม่สามารถขายได้
คอมเม้นต์