อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 26
CF:บทที่ 26 การประชุมระดมพล
ณ เวลาเก้านาฬิกา คนหนุ่มคนแก่ ทั้งชายและหญิงในหมู่บ้านซุยฉุนกำลังคุยกันเรื่องเกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหริน วิทยุในหมู่บ้านที่ไม่ได้ส่งเสียงมานานจู่ๆก็ส่งเสียงออกมา
เริ่มด้วยเพลงคลาสสิค “ตะวันออกแดง” เพื่อทดสอบการออกอากาศ
หลังจากที่เห็นว่าไม่ปัญหาอะไร วู่ ฉานฉู่หยิบไมค์ขึ้นมาและพูดด้วยเสียงดัง “เฮ้ๆ คนหนุ่มคนแก่แห่งซุยฉุย สนใจทางนี้หน่อย ฉันวู่ ฉานฉุน หัวหน้าหมู่บ้านซุย ฉุย”
“นานแค่ไหนแล้วนะที่วิทยุตามสายไม่ได้ใช้น่ะ? มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้าน?”
“ใครจะรู้ล่ะ ฟังที่เขาจะพูดเถอะ”
“วันนี้ ฉันพูดด้วยโดยวิทยุเพราะอู๋ ฮ่าวเหริน ลูกชายของขิงไฮ่มีเรื่องอยากจะคุยกับพวกเรา ฉันเชื่อว่าทุกคนคงคุยกันเรื่องฮ่าวเหรินกันอยู่ โดยเฉพาะยายฉานกับยายลู่ ที่เกรงว่าคงไปกระจายข่าวว่าหาเงินได้มหาศาลไปรอบหมู่บ้าน”
“ฮ่าๆ เขาพูดได้ไม่กลัวว่าป้าสองคนนั้นจะไปหาเรื่องเขาเลย”
“เขาแค่พูดเรื่องจริงนี่ ก็ป้าสองคนนั้นไปกระจายข่าวเรื่องฮ่าวเหรินจริงๆ”
“เข้าเรื่องๆ เมื่อกี้ฉันบอกว่าฮ่าวเหรินมีเรื่องอยากจะคุยกับพวกเรา ตอนนี้ขอให้แต่ล่ะครอบครัวส่งคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวมาที่ลานใหญ่หน้าหอบรรพบุรุษด้วย อย่างไรก็ตาม ใครที่ยังอ่อนไม่สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ ไม่ต้องมาร่วมด้วยเลย”
หลังจากนั้นทั้งหมู่บ้านก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ลิงหก นั่นหมายถึงนาย ไม่งั้นนายก็พาเมียนายกลับบ้านไป”
“อย่ามายุ่ง ถ้าฉันเอาชนะเขาไม่ได้ ชั้นจะสู้กับเขาด้วยไม้แทน”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านของซุยฉุยก็ยังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาที ลานหน้าหอพรรพบุรุษก็มีคนกลุ่มใหญ่มารวมตัว
ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องนี้ เดากันว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะพูดเรื่องอะไรกับพวกเขา
วู่ ฉานฉู่และอู๋ ฮ่าวเหรินออกมาจากบ้านดูทุกคนกำลังเดินมา
วู่ ฉานฉู่จึงพูดว่า “ในเมื่อทุกคนมาที่นี่แล้ว ฉันก็ขอบอกเลยว่า ฉันเรียกทุกคนมาเพื่อปรึกษาหารืออะไรกันหน่อย”
เห็นเสียงพูดคุยกันเริ่มเงียบลง วู่ ฉานฉู่ก็พูดต่อ ”ฮ่าวเหรินหาเงินได้จำนวนมากจากข้างนอก กลายมาเป็นมหาเศรษฐีคนแรกของหมู่บ้านซุยฉุย ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้กันแล้ว เด็กคนนี้รวยแล้วแต่ยังไม่ลืมบ้านเกิดของเขา ดังนั้นเขาถึงมาหาฉันเมื่อเช้านี้บอกว่าอยากลงทุนในบ้านเกิดเขา แล้วลงทุนกับอะไร ให้ฮ่าวเหรินเป็นคนบอกเองล่ะกัน”
อู๋ ฮ่าวเหรินขึ้นไปบนหอบรรพบุรุษ มองลงมาที่ชาวบ้านข้างล่าง รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“หลายคนในที่นี้อาวุโสกว่าผม บางคนก็เคยช่วยเหลือผม ผมยังจำปีนั้นได้ ตอนที่ผมจะเข้ามหาลัย แต่ครอบครัวผมไม่มีเงินพอ ก็ได้ชาวบ้านซุยฉุยช่วยเหลือจนมีเงินพอจะส่งเสียผม”
“ความมีน้ำใจนี้ จะอยู่ในใจผมไปตลอดชีวิต และตอนนี้ผมรวยแล้ว ผมอยากจะใช้เงินที่มี สร้างความร่ำรวยให้กับคนในซุยฉุย เช้านี้ผมถึงได้ไปหาลุงวู่”
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นสีหน้าของชาวบ้าน เขาก็สงบใจลง
“ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีใครมาที่หมู่บ้านเพื่อจะพัฒนาและปลูกผลไม้ ผมรู้ว่าทุกคนเสียเงินไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา และกลัวที่จะเพาะปลูกอีก”
ได้ยินเรื่องที่ฮ่าวเหรินพูด ชาวบ้านก็เริ่มตอบสนอง พวกเขาพูดว่า ”ฮ่าวเหริน นายอยากจะเพาะปลูกงั้นหรือ?”
“ใช่ ผมอยากจะเพาะปลูกในหมู่บ้านซุยฉุย คุณน่าจะได้ยินเกี่ยวหมู่บ้านเทียนฉานที่ห่างไปสิบไมล์จากที่นี่ เพราะหมู่บ้านพวกเขาเริ่มทำการเพาะปลูกตอนนี้ทุกครอบครัวต่างมีคฤหาสน์เล็กๆเป็นของตัวเองกันหมด ที่สำคัญคือพวกเขาไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้ว”
“”แต่มันก็มีจุดชมวิวขึ้นชื่ออยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเทียนฉานนี่ พวกเขาก็ได้พัฒนามันด้วย”
“ผมรู้ ที่ผมอยากพูดคือสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านซุยฉุยก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหมู่บ้านเทียนฉานเลย! ดูภูเขาที่อยู่ไกลๆนั่นสิ ดูแม่น้ำหน้าหมู่บ้านสิ เรามีสภาพแวดล้อมที่ดีขนาดนี้ ทำไมเราถึงใช้มันไม่ได้ล่ะ?”
“อย่าเพิ่งพูดฟังผมก่อน ผมรู้ว่าพวกคุณกลัวการเพาะปลูกจะล้มเหลวอีกรอบ แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม เมื่อก่อนหมู่บ้านเราไม่มีทางออก เมื่อผลไม้ถูกเก็บเกี่ยวมามันก็ส่งออกไปไม่ได้ ทำได้แค่เน่าอยู่ในภูเขานี่แหละ แต่ตอนนี้เรามีทางออกจากหมู่บ้านแล้ว มันใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการขับรถจากหมู่บ้านซุยฉุยไปตัวเมือง”
“นั่นก็ใช่ แต่ถึงเราจะปลูกผลไม้ได้ มันก็ไม่มีที่ในตลาดให้เราขายหรอก”
“นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังจะบอกเลย ผมจะจัดหาเมล็ดให้แบบฟรีๆในการเพาะปลูก คุณแค่ต้องปลูกมัน จัดการและขายมัน ไม่ต้องถามเลย ผมจะทำสัญญากับคุณ แล้วคุณก็ขายทุกอย่างที่ปลูกให้กับผม”
พูดจบแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็หยุด ปล่อยให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจ
ไม่ช้าชาวบ้านก็เริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกคนที่ทำงานข้างนอกและพอรู้เรื่องสัญญาก็ตั้งใจฟังขึ้นมา
เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ตราบเท่าที่คนปลูกไม่โชคร้ายขนาดเจอภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องขาดทุนเลย ในกรณีนี้ความเสี่ยงทั้งหมดตกไปอยู่ที่ฮ่าวเหริน
“ฮ่าวเหริน นายทำแบบนี้ ถ้าขายอะไรไม่ได้ นายก็ต้องจ่ายเงินเยอะนะสิ”
“มันก็จริง แต่ปู่จู ในเมื่อมันเป็นเมล็ดของผม ผมย่อมรู้ตลาดของมัน ไม่ต้องห่วงเรื่องผมจะขาดทุนเลย แล้วก็อย่าอิจฉา ถ้าผมทำเงินได้เยอะกว่าเดิม”
“ฮ่าๆ เด็กดี มีความทะเยอทะยาน ถ้าใครมันกล้าจะหลอกทำเงิน ฉันก็จะหักขามันด้วยไม้เท้านี่เลย”
“ถ้าเช่นนั้น ผมขอบอกราคาของพืชที่ผมขอให้คุณปลูกให้ผมก่อนเลย ราคาที่ผมซื้อจะไม่ต่ำกว่าแปดหยวนต่อผลแน่นอน กลับมาคุยต่อ ผมจะจัดการบริษัทในอีกไม่กี่วัน”
วันนี้ แค่ระดมกำลัง เริ่มจากหมู่บ้านซุยฉุย อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้อวดดี เขาพูด และทุกคนก็ตกลงที่จะเอาด้วย
ยิ่งกว่านั้น เขามีแผนสำรอง ถ้าชาวบ้านปฎิเสธจนถึงท้ายที่สุด เขาจะจ่ายค่าที่ดินทั้งหมดของหมู่บ้านซุยฉุย
ในขณะเดียวกัน เขาก็จะไปจัดตั้งบริษัทระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดกับเรื่องนี้อยู่
ในเมื่อเราอยากผลิตเครื่องดื่ม เราคงไม่สามารถทำได้หากขาดบริษัทประจำไป และเราต้องซื้อที่ดินสำหรับสร้างฐานการผลิตเครื่องดื่มด้วย
ชาวบ้านที่มารวมตัวกันก็แยกย้ายกันไป แต่พวกเขาทั้งหมดไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่
แน่นอนว่า คำพูดสุดท้ายของอู๋ ฮ่าวเหรินยังอยู่ในใจพวกเขา แปดหยวนต่อผล ในพื้นที่นี้ต่อให้ปลูกได้แค่ห้าร้อยผล ก็ยังทำเงินได้เยอะกว่าปลูกพืชปกติ
“นายคิดว่าฮ่าวเหรินพูดเล่นรึเปล่า แปดหยวนต่อผล!”
“ฉันคงว่าเขาพูดเล่น ถ้าเขาไม่ได้ทำสัญญากับเรา ในเมื่อมีสัญญาแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำกำไรหรือขาดทุน เขาก็ต้องซื้อผลผลิตของเราในราคาแปดหยวนต่อผล”
“เด็กหนุ่มนั้นคิดอะไร หรือเพราะจู่ๆก็ได้เงินมาเยอะมากเลยทำให้เขากลายเป็นคนโง่?”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันเอาด้วยกับโอกาสทำเงินดีๆแบบนี้แน่นอน ฉันแค่ไม่รู้ว่าพืชที่เขาอยากปลูกมันดีหรือเปล่า?”
สุดท้าย ชาวบ้านก็ยกเรื่องพืชที่อู๋ ฮ่าวเหรินอยากปลูกมาคุยกัน อะไรที่มันสามารถซื้อได้ในราคาที่สูงแบบนั้นกัน?
———————–
คอมเม้นต์