อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 33

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 33 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 33 รากฐาน

ณ ตอนเที่ยง ในห้องส่วนตัวของเดลไฮ โต๊ะกลมขนาดใหญ่สองโต๊ะได้เต็มไปด้วยผู้คน สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อู๋ ฮ่าวเหริน ตัวเอกของงานในวันนี้ เพราะหัวหน้าเหล่ย จ๋วน (หลิวจ๋วน)มีธุรที่ต้องไปทำ เธอจึงไม่ได้มาร่วมด้วย

ชายที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอู๋ ฮ่าวเหรินถามอย่างฉุนเฉียวว่า ”ฮ่าวเหริน บอกเราหน่อยสิว่านายรวยได้ยังไง? ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับหัวหน้าเราคืออะไร? ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้าไล่เจ้าคนขี้ประจบนั่นออกเพราะนาย”

“ใช่ๆ ฮ่าวเหรินบอกหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น?”

อู๋ ฮ่าวเหรินตอบพร้อมรอยยิ้ม “ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้มีอะไรกับหัวหน้าทั้งนั้น ถ้ามันสำคัญ นายคิดว่าฉันจะน่าสังเวชไหมถ้าฉันต้องอยู่ในบริษัทไปเป็นปี สำหรับเรื่องของผู้จัดการหม่ามันเป็นเพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น”

“ต่อให้นายไม่ได้มีอะไรกับหัวหน้า แต่ความรวยของนายไม่ใช่ของปลอมแน่! ฉันได้ยินมาว่านายลงทะเบียนจัดตั้งบริษัทในเมืองบ้านเกิดของนายและพร้อมจะเริ่มธุระกิจของตัวเอง ฉันจะเรียกนายว่าหัวหน้าอู๋ เมื่อฉันได้เจอนายอีก ฮ่าๆ”

ดูความอยากรู้ของทุกคนแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องปิดบังมัน

“ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่ ในย่านของเก่า ฉันซื้อหินจากร้านแผงลอยด้วยความคันมือ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าจะเปิดมาเจอหยกในนั้น”

“โห นายโชคดีเป็นบ้าเลย ที่ได้หยกมาจากหินที่หาได้ตามพื้น! ดูเหมือนว่าตอนที่ฉันมีเวลาว่าง ต้องไปที่ย่านของเก่านั่นมั่ง บางทีฉันอาจจะมีโชคลาภบ้าง”

“อย่า ลืมมันไปได้เลย หินในย่านของเก่ามันขูดรีดจะตาย ฮ่าวเหรินแค่โชคดีที่หาหยกเจอในหินขยะพวกนั้น”

หลายคนรู้เรื่องหินในย่านของเก่านั่นดี แน่นอนว่า อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ใช่คนเดียวที่หาอัญมณีได้จากหินไร้ประโยชน์พวกนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สงสัยในเรื่องนี้เลย

“พูดถึงหยก ฉันก็นึกได้อย่าง ใครบางคนเคยบอกฉันว่าตระกูลของหัวหน้าพวกเราอยู่ในวงการธุรกิจเพชรพลอยล่ะ” ผู้จัดการโปรเจคพูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

ผู้จัดการอีกคนของบริษัทก็พูดขึ้นมาบ้าง “มันจริงที่ตระกูลของหัวหน้าเราอยู่ในวงการเพชรพลอย ฉันได้ยินมาว่าตระกูลของหัวหน้าเป็นธุรกิจใหญ่เลยด้วย แต่หัวหน้าไม่อยากจะถูกตระกูลเธอจับคลุมถุงชน เลยหนีออกจากบ้านแล้วมาเปิดบริษัทซอฟต์แวร์ในเมืองเล็กๆนี่”

นั่นเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทั้งสองคนพูด มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ พนักงานส่วนใหญ่ในบริษัทไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหัวหน้า พวกเขารู้แค่ว่าหัวหน้าเป็นคนลึกลับ มีความสัมพันธ์ยาก และสามารถรับงานโปรเจคใหญ่ๆได้หลายโปรเจค

ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าไม่กล้าที่จะพัฒนา ขนาดของบริษัทคงไม่เป็นแบบที่เป็นอยู่แน่นอน

ตอนนี้มันดูเหมือนว่าที่หัวหน้าไม่กล้าจะพัฒนา เพราะมันเป็นบริษัทของเธอ มันเป็นแค่เกมล้วนๆ

หลังจากที่พวกเขาพูดเรื่องนั้นแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดเรื่องตอนที่ขายหยกขึ้นมาทันที ชื่อในนามบัตรที่ผู้บริหารหลิวให้เขามาดูเหมือนว่าจะเป็น เหล่ยเว่ย

“ขอถามหน่อยได้ไหมว่าเจ้าของบริษัทอัญมณีที่ชื่อว่าจุดกำเนิดของจิตใจ (ซินหยวน)คือใคร?”

“จุดกำเนิดของจิตใจสินะ รอสักครู่ ฉันจะตรวจดูให้”

หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้ยินจากชายคนนั้นว่า”บริษัทอัญมณีนี้ทรงอิทธิพลมากเลย มีร้านสาขามากกว่า 80 สาขาทั่วจีน และมีทรัพย์สินมากกว่าแสนล้าน”

“ดูเหมือนว่าประธานจะเป็นเหล่ย เว่ยหัวหน้าเราชื่อว่าเหล่ย จ๋วน ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกันเหรอ?”

จากที่คุยกัน พวกเขาพบว่าหัวหน้าต้องเป็นลูกสาวของประธานบริษัทอัญมณีแน่ เพราะตามบางรายงานเกี่ยวกับบริษัท เผยว่าเหล่ย เว่ยคนนี้มีลูกสาวชื่อว่าเหล่ย จ๋วน มันคงไม่มีอะไรที่จะบังเอิญได้ขนาดนี้บนโลก ดังนั้นความจริงคือหัวหน้าของพวกเขาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบริษัทอัญมณีขนาดยักษ์และเป็นทายาทที่จะรับสืบทอดสมบัติมูลค่าแสนล้านของตระกูล

เห็นคำอธิบายพวกนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินก็สามารถยืนยันและเข้าใจได้ว่าทำไมคำร้องขอลาออกของเขาถึงถูกอนุมัติโดยตัวหัวหน้าเอง แน่นอนว่า เธอรู้ถึงสถานการณ์จากพ่อของเธอ เหล่ย เว่ย เธอเห็นคำร้องขอลาออกและยืนยันว่าหยกถูกขายด้วยตัวเธอเอง

ความบังเอิญจริงๆของโลกนี้คือการที่เขาขายหยกและคนที่ซื้อมันไปก็เป็นพ่อของหัวหน้าเขา

“มึนไปหมดแล้ว ฉันรู้แค่ว่าหัวหน้าเรามีพ่อเป็นมหาเศรษฐี ถ้าใครจีบเธอ…”

“เพี๊ยะ!”

“ตื่นๆ นี่มันกลางวันแสกๆ อย่าฝันไปเลย นายคิดว่าจะมีโอกาสจีบคนแบบหัวหน้าได้รึ! ถ้าอยากจะจีบสาวแกร่งแบบหัวหน้า นายต้องเป็นชายแกร่งเท่านั้น”

“ฉันรู้น่าว่าฉันไม่สามารถ แต่นายน่าจะให้ฉันคิดเรื่องนี้และปลอบใจที่บอบช้ำสักหน่อยนะ”

ผู้หญิงหลายคนมองพวกผู้ชายและเริ่มคุยนินทาหัวหน้า

แน่นอนว่า หลังจากที่รู้ตัวตนของหัวหน้าแล้ว หลายคนก็ลืมเรื่องของอู๋ ฮ่าวเหรินไปเลยและไม่มีใครถามเขาเรื่องหยกอีก

หลังจากเที่ยง เพราะพวกเขายังต้องไปทำงานในเวลาบ่ายโมง งานเลี้ยงจึงเป็นอันเลิกรา

หลังจากที่เดินออกมาจากโรงแรม อู๋ ฮ่าวเหรินพบว่าเขาไม่มีที่ไป เขายืนอยู่ที่ริมถนนและคิดเรื่องนี้ ในเมืองนี้ นอกจากเพื่อร่วมงานดีๆของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก เขาเคยเอาแต่พยายามเอาตัวรอดอย่างเดียว

หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ตัดสินใจไปตามหาใครสักคนแล้วถามว่ามีความเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์สายการผลิตเครื่องดื่มหรือไม่

เดิมทีของแบบนี้ควรจะเจอได้ในกลุ่มซองแดง โชคร้ายที่คำตอบของสายการผลิตพวกนี้นั้นกว้างมาก อย่างต่ำก็มีสามระดับ มันสามารถได้มาโดยการแบ่งส่วนลงซองแดง

แน่นอนว่ามันเป็นแบบที่ใช้ในครัวเรือนซึ่งมันเล็กมาก จึงไม่มีประโยชน์กับโรงงานสายการผลิตเลยแม้แต่น้อย

สายการผลิตในอนาคตนั้นล้ำหน้าไปกว่าปัจจุบันมากๆ ทั้งสายการผลิตไม่จำเป็นต้องใช้คนงานควบคุม มันทำทั้งหมดในหนึ่งเดียวตั้งแต่การแปรรูปผลไม้ การผลิตขวดเครื่องดื่ม ไปจนถึงการบรรจุกล่องสินค้า

คิดแล้ว จู่ๆอู๋ ฮ่าวเหรินก็นึกถึงเทคโนโลยีแบบที่ต้องการใช้ตอนนี้เลย นั่นคือพลาสติกที่ย่อยสลายได้

วัสดุแบบนี้ถูกประดิษฐ์โดยบังเอิญ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าในประวัติศาสตร์ของพัฒนาการมนุษย์ เพราะว่ามันถูกค้นพบช้าเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้น วัสดุนี้มีระยะวัตถุดิบที่กว้างมาก นั่นคือเส้นใยพืช หลังจากผ่านกระบวนการพิเศษแล้ว วัสดุเส้นใยพืชก็จะสามารถสร้างได้ซึ่งมันได้ถูกนำมาใช้แทนผลิตภัณฑ์พลาสติกหลายอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อนำสิ่งนี้ไปฝังในดินมันจะย่อยสลายได้ง่าย

ถ้าเขาไม่ได้คิดถึงขวดเครื่องดื่ม เขาคงไม่ได้คิดถึงเรื่องดีๆแบบนี้แน่

ในเมื่อเขาอยากใช้วัสดุพิเศษในการสร้างขวดเครื่องดื่ม เขาก็ต้องกำหนดการพัฒนาเครื่องจักรเพื่อผลิตขวดเครื่องดื่มด้วยวัสดุในเรื่องนี้ เมื่อเขาพร้อมจะกลับ เขาจะเข้าใจสภาพของเครื่องจักรและไปหาผู้ผลิตเพื่องการดัดแปลง

ลองค้นหาเครื่องจักรแบบนี้ และพบว่ามีแบบถูกราคาหลักหมื่น แบบแพงราคาหลักแสน หรือแม้แต่หลักล้านหรือสิบล้าน

แต่เขายังไม่ต้องการสายการผลิตราคาเป็นล้านตอนนี้ เพราะต้องให้ทั้งหมู่บ้านซุยฉุยปลูกกล้วยไม้สีม่วง ผลที่เก็บเกี่ยวมาก็ไม่สามารถผลิตเครื่องดื่มได้มากนัก

สายการผลิตขนาดกลางสองสาย มูลค่าหนึ่งล้านก็เพียงพอแล้ว

เมื่อมีแผนแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็เริ่มทำตามแผนทันที แน่นอนว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวจะทำมันด้วยตัวเอง แต่เขาจะหารถบัสกลับไปที่หลี่ฉุย และไปที่หมู่บ้านเพื่อรับพนักงานจำนวนหนึ่ง เรื่องแบบนี้มันเสียเวลาของเขา

คนอย่างเขา ผู้ที่สามารถตัดสินทิศทางของอนาคตของโลกได้ในหนึ่งวินาทีผู้นี้ ควรจะกลับไปศึกษาว่าเทคโนโลยีไหนสามารถนำออกมาเพื่อเปลี่ยนสังคมในปัจจุบัน

แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาว่าเทคโนโลยีไหนที่ทำเงินให้เขาได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา

——————————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด