อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 38
CF:บทที่ 38 พันล้านแห่งการลงทุน
หลังจากที่ อู๋ ฮ่าวเหริน รับรู้ข่าวบางอย่างจากจี้ เขาเกือบจะยิ้มจนปากเบี้ยวพร้อมทั้งคิดเสริมว่า พวกญี่ปุ่นนี่เร็วจริงๆ
“จี้ อีกนานแค่ไหนที่เงิน 200 ล้านดอลล่าห์จะโอนเข้าบัญชีบริษัทเสร็จ?”
เขาเริ่มที่จะมีเงินไม่พอแล้ว หากเขาแค่ปลูกกล้วยไม้สีม่วงและสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มให้เสร็จ 30 ล้านหยวนก็น่าจะเพียงพอ
แต่เขาไม่ได้สร้างแค่โรงงาน เพราะมันช้าเกินไปกว่าจะใช้หาเงินได้ อู๋ ฮ่าวเหรินกลับเข้าไปสอดส่องดูว่าในซองแดงมีเทคโนโลยีเจ๋งๆหรือของดีๆอะไรบ้างที่จะเอามาแก้ขัดตรงนี้ได้
แต่ทว่าของพวกนั้นมีระดับที่สูงมา เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมกลุ่มที่สูงกว่านี้ถึงจะนำมันมาใช้ได้
ยึดตามสถานการณ์ปัจจุบัน หากเขาต้องการอัพเกรด เขาต้องบริจาคเงินเป็นจำนวนมากและใช้ตัวตนพิเศษเพื่อรวบรวมสิ่งที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญพลังงานได้
“พวกเราจะแก้ปัญหาทั้งหมดนี่ภายในวันนี้ครับ ตอนนี้เงินทั้งหมดกำลังถูกโอนจากบัญชีผ่านวิธีพิเศษอยู่”
เรื่องนี้มันพิเศษจริงๆ เพราะเงินทั้งหมดนั้นอยู่ในธนาคารสวิสที่มีชื่อเสียง และที่พิเศษกว่าก็คือวิธีการที่ปัญญาประดิษฐ์นั้นจัดการบัญชีดังกล่าว
เมื่อเงินทั้งหมดโดนโอนเข้ามาจนเสร็จ บัญชีจะถูกปิด จากนั้นเงินจะกระจายไปหลายบัญชีและท้ายสุดก็จะไปรวมกันที่บัญชีปลายทาง นั่นก็คือ บัญชีของบริษัทที่ใช้สำหรับลงทุนในต่างประเทศอย่าง จี้ชวง
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่า เมื่อไหร่ที่เงินเข้าสู่การลงทุน มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอนถ้าไม่เกิดตามเขตก็เกิดกับกลุ่มคน
ขั้นแรกเลย เขาต้องสร้างตึกของบริษัทก่อน จากนั้นก็วางแปลนห้องพักพนักงานและห้องทดลองใหม่
แน่นอนว่า อู๋ ฮ่าวเหริน จะไม่ทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง ในเมื่อเขามีปัญญาประดิษฐ์ที่สะดวกสบายอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ต้องรู้ว่าจะใช้มันทำอะไรยังไงได้บ้าง
ดังนั้นแล้วรายละเอียดแผนการพัฒนาต่างๆจึงถูกลำดับอย่างรวดเร็วด้วย AI แถมเขายังได้รูปวาดต้นแบบตึกที่สวยงามมาเสียด้วย
น่าเสียดายที่เขาได้เห็นตึกสวยงามมากมายผ่านภาพยนต์ต่างๆที่ได้ดู ตึกบางตึกนั้นยังสามารถเจ๋งขึ้นกว่าที่เห็นได้อีกและมันต้องสร้างด้วย อู๋ ฮ่าวเหริน เท่านั้น
แต่ด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ของปัจจุบัน ลองคิดๆดูกันนะ ว่าถ้าเราไม่พูดอะไรหรือเสนออะไร วัสดุที่มีอยู่ผ่านไปร้อยปีก็ยังไม่ถูกเอาไปสร้างอะไรพวกนี้หรอก
ในกรณีนี้ มันยังคงยึดตามหลักความเป็นจริงที่ตึกถูกสร้างจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของโลกด้วย
แน่นอนว่าดีไซน์ของตึกที่อยู่ในมือของ อู๋ ฮ่าวเหรินนั้น เขาให้ AI รวบรวมข้อมูลและรังสรรค์ออกมาในแบบที่มากที่สุดเท่าที่สถาปัตยกรรมปัจจุบันจะทำได้
“แผนพัฒนานั่นต้องค่อยเป็นค่อยไปเป็นขั้นๆ ไม่งั้นมันจะใหญ่ขึ้นแน่ๆ แล้วก็ถ้ามันใหญ่ขึ้นคงมีคนมาร่วมทุนด้วยแหง เอางี้นะ เอาแปลนตึกนี่ไปซ่อนพวกจุดสำคัญๆเอาไว้ให้หมด จากนั้นก็ส่งสำเนาไปยังบริษัทก่อสร้างที่ดังที่สุดในโลก”
แปลนตึกนี้ต้องสร้างความหวือหวาในอุตสาหกรรมก่อสร้างแน่ๆ ส่วนผลที่ตามออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขากังวล
จุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจนว่าเขาพยายามจะล่อให้พวกคนเหล่านี้เข้ามาและสร้างตึกที่ทันสมัยที่สุดนี้ให้เขา
หลังจากที่ระดับของซองแดงสูงขึ้นแล้ว ก็จะเปลี่ยนเอาหุ่นยนต์บางตัวออกมาและนำเอาเครื่องมือสังเคราะห์วัสดุออกมาด้วยเพื่อจะได้สร้างตึกที่สุดยอดมากๆได้
อู๋ ฮ่าวเหริน คิดถึงพระราชวังฤดูร้อนเดิมหรือในชื่อที่รู้จักกันว่า สวนแห่งสวนทั้งพัน อันถูกเผาทำลายไปเมื่อนานมาแล้ว
ดูเหมือนว่าในอนาคต ซักคนต้องสร้างมันกลับขึ้นมาใหม่แน่
เขาจุดประกายความคิดขึ้นมาในหัวว่า จะเป็นอย่างไรถ้าเขาสามารถเลียนแบบสวนที่ถูกทำลายไปได้
มันเป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ เพราะพวกวัตถุดิบต่างๆนั้นเขาสามารถนำมันมาจากซองแดงได้ ราวกับว่าเขาสามารถเสกสมบัติที่ถูกทำลายไปแล้วของพระราชวังฤดูร้อนเดิมให้กลับมายังยุคปัจจุบันได้ ไม่ได้ยากกว่าการปลอกกล้วยเข้าปากซักเท่าไหร่
วันต่อมา ขณะที่ อู๋ ฮ่าวเหริน กำลังคุยกับเหล่าผู้นำหลายๆคนภายในหมู่บ้านเกี่ยวกับปัญหาที่พบในการปลูกกล้วยไม้สีม่วง จี้ก็เตือนเขาให้รู้ว่าเงินทั้ง 200 ล้านดอลล่าห์นั้น โอนเข้าบัญชีบริษัทเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่เขาได้ยินข่าวนั้น เขาก็วางถังของเขาลงทันที
เขาเข้าเผชิญหน้ากับหัวหน้าหมู่บ้าน อู๋ ฉานฉู่ (วู่ ฉานฉู่) พ่อของเขาและเหล่าผู้อาวุโสในหมู่บ้าน “เราเพียงแค่ต้องให้ความสนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการปลูกกล้วยไม้สีม่วง ตราบใดที่พวกมันไม่ได้มีปัญหาเกิดขึ้นภายใน พวกมันจะเกาะกันเหนียวแน่นมากกว่าพวกวัชพืชในพื้นที่อีก ดังนั้นเราไม่ต้องกังวลหากไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น ผมกำลังจะไปติดต่อธุรกิจกับทางบริษัทก่อน ตามด้วยลุง แล้วก็ลุง”
“ไปๆ อย่าชักช้ากับการทำธุรกิจเลย”
“กลับมาเร็วๆล่ะ” อู๋ ชิงไห่ กล่าวกับ อู๋ ฮ่าวเหริน
“รู้แล้วครับพ่อ ผมจะไปที่เขต”
ตั้งแต่ที่รู้ว่า อู๋ ฮ่าวเหริน สร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มอยู่ในเมืองลิ้วเหอ ผู้คนในหมู้บ้านก็ไม่มีใครกังวลเกี่ยวกับกล้วยไม้สีม่วงอีกต่อไปแล้ว
ในทางกลับกัน ผู้คนมากมายต่างสนใจที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูกกล้วยไม้สีม่วงนี่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพวกตำรวจที่ไม่แม้แต่จะเคยปลูกพืชมาก่อน นั่นทำให้ทั่วทั้งผืนดินเต็มไปด้วยกล้วยไม้สีม่วงเต็มไปหมด
ณ ตอนนี้ เป็นเรื่องที่รู้กันหมดแล้วใน 8 เขตชุมชนว่า มีเศรษฐีหนุ่มนามว่า อู๋ ฮ่าวเหริน ในหมู่บ้านซุยฉุย กำลังนำหมู่บ้านซุยฉุยเข้าสู่ความร่ำรวย แม้แต่คนจากเขตยังต้องเข้าไปแอบจับตามองในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ และแน่นอนว่าพวกเขาสนับสนุนการกระทำของอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างเต็มกำลัง
และแน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เจอปัญหา ทางครอบครัวของ อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็มีป้าๆแวะเวียนมาไม่ห่างหายจนหัวกระไดไม่แห้งเลย และพวกเธอก็มาพร้อมกับภาพของหญิงสาวกันทุกคน
อย่างไรก็ตาม เฉิน สุยเซี่ย ไม่ใช่แม่ที่จะกังวลว่าลูกชายของเธอจะหาลูกสะใภ้ให้ไม่ได้ เพราะงั้นเธอเลยไม่ได้กระวนกระวายเรื่องนี้เสียเท่าไหร่
หากพูดตามย่าของ อู๋ ฮ่าวเหริน เมื่อครอบครัวของเราร่ำรวย ลูกสะใภ้นั้นก็ให้หลานชายเลือกเองเลย อย่าไปแต่งกับผู้หญิงที่จะทำให้หลานลำบากใจมากกว่าเดิม
เพราะงั้นแล้ว อู๋ ฮ่าวเหริน จึงขจัดเรื่องยากในชีวิตอย่างการผลักดันให้เกิดการพบปะกับผู้อื่น ในตอนนี้ สะใภ้ที่เข้ามาเป็นตัวเลือก จึงมาจากการส่งต่อระหว่างย่าและแม่ ก่อนจะมาถึงตัวเขา และหากเขาบอกว่าไม่ เขาก็จะได้เลือกใหม่อีก
อู๋ ฮ่าวเหริน เองก็เป็นคนดังในเขตเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายรู้จักเขา และพูดถึงเรื่องเขาไว้มากมาย แต่แท้จริงแล้วพวกเขาก็รู้จักเขาเองแค่ผิวเผินเท่านั้น
ในเวลาที่เขาจะต้องเดินทางไปถึงประตูของที่ว่าการเขต หลี่ เหวินหัวก็รอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว มันดูเหมือนว่าตัวหลี่เองก็เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าไปด้วย
“ผู้จัดการอู๋อยู่ที่นี่แล้ว พวกเรารีบเข้าไปกันดีกว่า หัวหน้ากำลังรอคุณอยู่”
“เลขาหลี่ ทำไมนายมารอฉันข้างนอกล่ะ? ฉันมาเมื่อไหร่เดี๋ยวก็เข้าไปเองแหละน่า แล้วว่าแต่เกิดอะไรขึ้นบ้างกับสิ่งที่ฉันบอกนายไปวันนั้น?”
“อืม คุณพอจะคิดถึงมันอีกซักพักได้ไหม?”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาพอจะรู้ว่าคนที่กำลังจะปรากฎตัวต่อหน้าเขานั้น น่าจะเป็นผู้อำนวยการของสมาคมพ่อค้าชาวจีน และเขายังมีนิสัยดูถูกคนอื่นอยู่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตม หลังจากวันนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องคิดใหม่
เพราะถ้าหากเขาพลาดโอกาสนี้ เมื่อบริษัทเติบโตแล้วเขากลับมาขอเข้าร่วม มันจะไม่ง่ายเหมือนตอนนี้แล้วล่ะนะ
เดินตามหลี่ เหวินหัว เข้าไปยังห้องประชุมและพบว่าพวกคนในนั้นกำลังพูดถึงเขาอยู่
“ดูนั่น พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา”
“ฟ่าน จู ฉันไม่กล้าที่จะป็นโจโฉ เพราะมันจะทำให้พวกเขากลัวฉันจนตาย”
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนูอู๋ไม่มีทางเป็นโจโฉหรอก หรือจะบอกว่า มันจะไม่มีการลงทุนในเขตของเรา ดูท่าวันนี้จะมีเรื่องใหญ่มาพูดล่ะสิ”
ในช่วงเวลานั้น อู๋ ฮ่าวเหรินทำความรู้จักกับพวกพนักงานภายในสำนักงานแห่งนี้ทั้งหมด เหตุผลหลักนั่นก็เพราะว่าเขาสร้างโรงงานและกำลังลงทุนอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาประสบผลสำเร็จทางการเมืองได้อีกมากมาย
ในกรณีนี้ เส้นทางทางการเมืองของพวกเขานั้นมาสู่ปลายทางแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาเกษียณเท่านั้น และตอนนี้ นักลงทุนอย่าง อู๋ ฮ่าวเหริน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา และหยิบยื่นความหวังในอนาคตให้ โดยเฉพาะ ฟ่าน เวิ่นหมิง แห่งสมาคมพ่อค้าจีนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“มันไม่มีอะไรสำคัญมากหรอกครับ เรื่องที่ผมจะพูดมันเกี่ยวกับห้องวิจัย สิ่งหนึ่งที่ผมเฝ้าศึกษาคือการร่วมทุนกับบริษัทต่างประเทศ ซึ่งเขาลงขันถึง 200 ล้านดอลล่าห์ให้ผม ผมกำลังจะไปนำมันมาใช้สร้างตึกและห้องวิจัยที่เหมาะสมกับเงินนั้น”
ห้องประชุมที่โอ่อ่าเงียบสงัดลงไปในทันที มีหัวหน้า 2 คนที่เฉื่อยชา แต่เมื่อเขาได้ยินเรื่อง 200 ล้านดอลล่าห์ พวกเขานั้นเหมือนโดนจับดื่มยากระตุ้น จากเป็นคนเฉื่อยๆก็ได้เหมือนฟื้นกลับเป็นหนุ่มใหม่เลย
——————————
คอมเม้นต์