อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 70
CF:บทที่ 70 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในที่ว่าการมณฑล
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินเดินเข้ามา เขาพบว่าทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้ว เขากำลังคิดที่จะคุยเรื่องสถานการณ์พอดี
“มีอะไรกันอย่างงั้นรึ? ฉันได้ยินเสียงหัวเราะกันตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ามาในบริษัท”
เห็นอู๋ฮ่าวเหรินเดินเข้ามาหา แต่ไม่ได้รู้สึกว่าหัวหน้าของพวกเขามาจับผิดเรื่องคุยกันแต่อย่างใด เว่ยหมิงที่ดูตื่นเต้นที่สุดก็เป็นคนตอบคำถาม “หัวหน้า, ดูสิ นี่มันเยี่ยมไปเลย วันนี้พวกเขาได้ลงทะเบียนบริษัทของพวกเราและส่งมาให้เป็นกรณีพิเศษล่ะครับ”
“ตอนนี้บริษัทของพวกเราจะมีชื่อว่าฟิวเจอร์กรุ๊ป และบริษัทย่อยทั้งสองจะชื่อ ฟิวเจอร์ดริงค์และฟิวเจอร์เทคโนโลยี, รวมถึงฟิวเจอร์เมดิคัลทรีตเมนต์ที่กำลังจะก่อตั้งด้วย ว่าแต่นะหัวหน้า ทำไมบริษัทเราถึงชื่อว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะครับ?”
เซี่ยเสวี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นายนี่มันโง่จริงๆ ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทของพวกเราพัฒนาและผลิตน่ะล้วนแล้วแต่ล้ำยุคทั้งนั้น และล้ำยุคก็หมายถึงอนาคต นายไม่รู้เรื่องง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไงนะ แล้วก็นะคะหัวหน้า มีนักข่าวจะเข้ามาที่นี่พรุ่งนี้ค่ะ”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่คิดว่าพวกคนใหญ่คนโตจะจัดการให้เขาเรียบร้อย และในอนาคตเมื่อการทำระบบชุมชนนิยมในบริษัทคงที่แล้ว ตอนนี้จึงยังบอกชื่อจริงของบริษัทให้คนอื่นรู้
ดังนั้น เมื่อตอนทำเวบไซต์ของบริษัทเสร็จแล้ว โดยให้รู้แค่ชื่อฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้นก่อน
“หัวหน้าครับ วันนี้ผมได้ยินมาว่าบุคลากรของที่ว่าการมณฑลเหมือนจะการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายครับ” ลู่เผิงเฟยบอกกับอู๋ฮ่าวเหริน
“โยกย้ายเหรอ หมายความว่ายังไง?”
“ก็ผู้ปกครองมณฑลและหัวหน้าหลายฝ่ายถูกเปลี่ยนหมดเลยล่ะครับ เห็นว่าคนพวกนั้นทั้งหมดโดนสั่งเด้งโดยเบื้องบนน่ะครับ แล้วก็คุณหลี่เหวินหัวขอเข้าพบกับหัวหน้าน่ะครับ คุณลองถามจากเขาดูก็แล้วกันครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินพอจะเริ่มเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าปัญหาจากเรื่องคราวที่แล้วไม่ใช่อะไรที่แก้ได้ด้วยการสั่งย้ายผู้อำนวนการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมคนเดียวซะแล้ว
และตอนนี้ทางรัฐได้เข้ามาร่วมมือกับทางบริษัทโดยตรง ทำให้จากเรื่องราวหยุมหยิมกลายเป็นเหมือนหายนะของคนพวกนี้ไปเสียแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การก่อตั้งห้องวิจัยร่วมแห่งชาตินั้น น่าจะเป็นตัวส่งผลให้ทำการโยกย้ายคนพวกนี้ เพราะถ้าหากยังมีคนไม่เห็นด้วยกับเบื้องบนอยู่ ก็จะทำให้ห้องวิจัยปั่นป่วนได้
ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการโยกย้ายครั้งนี้มีทั้งหมดกี่คน แต่ในเมื่อผู้ปกครองมณฑลถูกย้ายแบบนี้ พวกลูกน้องคนสนิทก็คงโดนสั่งย้ายตามไปด้วย
“ดี ถ้าเป็นแบบนั้น เดี๋ยววันนี้พวกเราจะประชุมเล็กกัน เรื่องแนวทางการเดินหน้าของบริษัทในขั้นต่อไป รวมถึงจะแจกจ่ายงานต่อไปให้พวกคุณ”
ซึ่งที่จริงแล้ว งานของบริษัทในปัจจุบันนั้นง่ายมาก สั่งซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด เพราะสิ่งนี้มันมีขนาดเล็กมาก แล้วชิ้นส่วนหลักๆอย่างตัวตรวจตอบสนองไฟฟ้าชีวภาพ และฐานข้อมูลของร่างกายมนุษย์นั้นยังไม่สามารถถอดรหัสได้ในปัจจุบัน จึงไม่ต้องห่วงเรื่องจะโดนลอกเลียนแบบ
ยิ่งไปกว่านั้น วัสดุเส้นใยพืชก็ได้ร่วมมือกับทางรัฐไปแล้ว รวมถึงเครื่องผลิตสื่อที่ได้ยกการจัดการทั้งหมดให้กับทางรัฐ แม้แต่เรื่องการผลิตก็ประเทศจัดการเอาเอง ทำเพียงแค่รอเงินเท่านั้น
แล้วเขาก็ไม่กลัวว่าประเทศจะโกงเงินของเขา เพราะอุปกรณ์ทุกตัวมีอุปกรณ์เฉพาะติดตั้ง ที่สามารถสั่งอุปกรณ์พวกนี้ทำงานผ่านอินเตอร์เนตได้
และด้วยโปรแกรมนี้ ทำให้เขาสามารถตรวจสอบปริมาณการผลิตสื่อได้ทุกที่ทุกเวลา
และเพราะปัญหาของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและวัสดุใยพืช ทางบริษัทจึงต้องผลิตเครื่องเซิร์ฟเวอร์อยู่ในปัจจุบัน
และเครื่องเซิร์ฟเวอร์นี้ เขาไม่คิดจะใช้อะไหล่อุปกรณ์บนโลก เขาคิดจะใช้อะไหล่ที่ได้มาจากระบบซองแดงแทน และจะทำให้เขาไม่ต้องการที่ขนาดใหญ่ในการวางเครื่องเซิร์ฟเวอร์
รวมถึงเรื่องห้องวิจัยร่วมแห่งชาติ ซู่เวิ่นจี๋แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาสัญญากับทางนั้นไว้ เขาจึงต้องทำอะไรสักอย่างตอบแทน
และหลังจากการประชุมนี้ ทางบริษัทจะเริ่มยุ่งอีกครั้ง
อู๋ฮ่าวเหรินโทรศัพท์ไปหาหลี่เหวินหัว ตอนที่เขาก่อตั้งบริษัท เขาก็ได้ช่วยเหลือเอาไว้มาก และเนื่องจากสถานการณ์ของมณฑลยุนหลงในปัจจุบัน น่าจะทำให้เขาคนนี้ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก และไม่รู้ว่าเขาจะยอมย้ายมาที่บริษัทของเขามั๊ย”
แต่ก่อนที่หลี่เหวินหัวจะรับโทรศัพท์ของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นเอง หลี่เหวินหัวคุยกันกับผู้การจื่อหยง
จื่อหยงรู้เรื่องการทำความสะอาดครั้งใหญ่ของมณฑลมากกว่าใคร และเมื่อเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงานแทนจะร่วมมือและพัฒนาได้อย่างเต็มที่ในอนาคต
“สถานการณ์ของคุณ พวกเราได้ตรวจสอบเสร็จหมดแล้ว แต่ก่อนอื่นคุณลองดูที่เอกสาร”
เมื่อหลี่เหวินหัวมองไปยังเอกสารอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาจึงหันหน้ากลับมามองจื่อหยงอย่างตกใจและถามกลับ “ผมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นกรณีพิเศษงั้นเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว พวกเราต้องการที่จะร่วมมือกับบริษัทนี้ และจะต้องมีคนที่ทำหน้าที่คนเจรจากับพวกเขา และตอนที่พวกเราตรวจสอบสถานภาพของคุณแล้วก็พบว่าคุณเหมาะสมที่จะทำหน้าที่นี้พอดี”
หลี่เหวินหัวที่ยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ของเขาแล้วถามกลับไป “ผมคือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำหน้าที่ติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปโดยตรงสินะครับ”
“ในกรณีของคุณ คุณคือเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐ ที่มีหน้าที่หลักคือรับผิดชอบในการจัดการทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ป”
“เข้าใจแล้วครับ ผมสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ลุล่วงครับ”
และในตอนนี้เอง ที่เขาได้รับโทรศัพท์จากอู๋ฮ่าวเหริน จื่อหยงก็ได้ออกไปแล้ว เขารู้สึกบอกไม่ถูกเล็กน้อย อู๋ฮ่าวเหรินได้บอกว่าต้องการพบกับเขา เพื่อคุยอะไรบางอย่าง
“ผมได้ยินมาว่าคุณได้ไปบริษัทที่เพื่อของพบผมวันนี้ใช่มั๊ย? ทำไมคุณไม่โทรหาผมโดยตรงล่ะ”
“ตอนนี้คุณเป็นประธานบริษัทแล้วนะ ขอโทษด้วยที่ผมรบกวนคุณ ผมมองหาคุณด้วยเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“ผมได้ยินมาว่ามีการโยกย้ายบุคลากรในที่ว่าการมณฑล คุณโดนด้วยรึเปล่าครับ? ถ้าโดนคุณจะย้ายมาทำงานที่บริษัทพวกเราก็ได้นะครับ? ผมเคยชวนคุณมาก่อนแล้วนี่”
หลี่เหวินหัวยิ้มและไม่พูดอะไร แต่ยื่นเอกสารแต่งตั้งที่เพิ่งได้รับจากจื่อหยงให้อู๋ฮ่าวเหรินแทน
“ถ้าคุณมาหาผมก่อนซักชั่วโมง ผมอาจจะตกลงไปกับคุณ แต่มันออกจะสายไปซักหน่อยแล้วล่ะครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินหยิบเอกสารแต่งตั้งขึ้นมาอ่านและพบว่า ประเทศได้แย่งตัวเขาไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหน้าที่เดียวกันกับที่เขาจะเสนอให้หลี่เหวินหัวทำพอดี ถึงจะคนละความหมายก็เถอะ
“หมายความว่าคุณจะทำงานให้บริษัทผมเหรอ?”
“ใช่ อาจจะพูดได้ว่าผมมีชะตากรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับบริษัทคุณแล้วล่ะ ยิ่งบริษัทคุณมีอิทธิพลมากเท่าไร หน้าที่ของผมก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น”
“ถ้างั้นก็เลิกพูดถึงมันเถอะครับ แล้วก็นะ สถานการณ์ของทางมณฑลเป็นอย่างไรบ้างครับ คุณรู้มั่งมั๊ย?”
“ค่อนข้างพูดยากนะครับ แต่มันก็เป็นเพราะบริษัทคุณนั่นแหละ ตอนนี้ยกเว้นแผนกที่ไม่ค่อยสำคัญ หัวหน้าแผนกอื่นๆทั้งหมดโดยย้ายไปเขตมณฑลอื่นหมดและก็มีบางคนที่หนีลาออกก่อน
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว, หลี่เหวินหัวก็รู้สึกกระอักกระอ่วน บริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินที่เขาช่วยจดทะเบียนให้นั้น ไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบกับทั้งประเทศได้ขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่การตัดสินใจผิดพลาดของคนพวกนั้น ตอนนี้พวกเขาคงได้เป็นที่จดจำของทางรัฐ และบางคนคงน่าจะได้เลื่อนขั้นไปแล้ว แต่การเลือกทางที่ผิดก็ส่งผลกับชะตากรรมของคนอีกมากมาย และที่หนักสุดคือผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมกับผู้อำนวยการสำนักงานป่าไม้ ซึ่งคนหนึ่งถูกจับ ส่วนอีกคนยังถูกสอบสวนอยู่
และเมื่อได้ทราบสาเหตุและผลสรุปของเหตุการณ์แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่คิดว่าทางรัฐจะให้บริษัทเขามีความสำคัญมากขนาดนี้
ถ้าลองคิดดู ก็น่าจะพอเดาได้ว่า เหตุผลทั้งหมดน่ามาจากวัสดุใยพืช ที่มีผลทั้งอุตสาหกรรมทางการทหารทำให้การตีค่าสูงขึ้น
และผลของมัน อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เพราะเกี่ยวของกับอุตสาหกรรมทางการทหาร ทำให้ส่งผลโดยตรงกับผลของสถานการณ์นี้
และแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา และการพัฒนาของบริษัทเขาก็จะดำเนินไปได้อย่างราบลื่น
—————————
คอมเม้นต์