อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 83
CF:บทที่ 83 ปฏิบัติการทางทหาร
มองดูอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองคนก็เกิดความสงสัย พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เกิดความสงสัย พวกเขาไม่เชื่อว่าข้อมูลแบบนั้นจะถูกตรวจพบได้ด้วยอุปกรณ์เล็กๆแบบนี้
“มันเป็นเรื่องจริงเหรอครับ ท่านผู้อาวุโส ที่เจ้าสิ่งที่ขนาดเท่านาฬิกาข้อมือนั่นสามารถตรวจร่างกายได้ข้อมูลมากขนาดนั้น”
คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆรมต.เองก็หันหน้ามาจ้องจื่อเหลาเช่นกัน เพราะต้องการที่จะรู้ว่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ และถ้าเป็นเรื่องจริง นี่จะถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขามาก
“ถ้าพวกคุณอยากจะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็มาลองทดสอบดูกันเถอะ ไม่งั้นคุณจะได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสจำได้ว่าตัวเขาเองนั้น ตั้งแต่ได้เจ้าเครื่องนี้มา เขาก็ยังไม่ได้ทดลองมัน แล้วก็รีบบึ่งมาที่นี่เลย
หลังจากที่ทำความเข้าใจวิธีใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดแล้ว ท่านนายกจึงเรียกใครซักคนให้มาจัดการรีเซ็ตอุปกรณ์ข้างนอก
จริงอยู่ว่า เจ้าอุปกรณ์นี้มีระบบการทำงานที่สุดยอด แต่ในทางกลับกัน ก็ตราบเท่าที่มีเชื่อมต่อกับเนทเวิร์คได้ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินสามารถรับรู้ที่อยู่ของผู้ใช้ได้
อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดถูกนำกลับมา นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมนั้นต่างก็กลัวว่าจะเกิดปัญหา พวกเขาจึงได้บอกให้การ์ดเป็นคนทดลองก่อน
ผู้อาวุโสหยิบอุปกรณ์กลับมาและใส่มันด้วยตัวเอง
“ให้ฉันทดลองเองดีกว่า ข้อมูลที่ได้น่าจะแม่นยำกว่า”
หลังจากที่ผ่านไป 1 นาที ทั้งสามคนต่างก็ได้สติกลับมา สีหน้าของพวกเขาล้วนตกใจและทึ่ง
ผอ.กรมสรรพาวุธถามขึ้นอย่างเร่งรีบ “อุปกรณ์ชิ้นนี้มันผลิตเป็นจำนวนมากได้มั๊ย?”
“ใช่ เจ้าอุปกรณ์นี่มันสามารถผลิตมาเพิ่มได้ไหมครับ ท่านผู้อาวุโส”
จื่อเหลาส่ายหัวและพูดขึ้น “ในตอนนี้ มันยังไม่แน่ชัดนักว่าเจ้าสิ่งนี้จะผลิตเพิ่มออกมาได้ แต่ว่าตอนนี้ในหน่วยของหลี่หยุนเหอ ฉันได้ยินมาว่ามีเครื่องทดสอบแบบเจ้าเครื่องนี้ 100 เครื่อง นั่นหมายความว่า ถึงแม้เราจะยังผลิตไม่ได้ในตอนนี้ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่มากนัก”
“เยี่ยมไปเลยครับ ถ้าพวกเรามีเจ้าอุปกรณ์นี้และติดตั้งให้กับกองกำลังพิเศษ ความแข็งแกร่งของเจ้าพวกนั้นจะต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างมากแน่”
ในยุคนี้ ยังไม่มีสงครามใหญ่ๆเกิดขึ้น แต่ทว่า ก็ยังพอมีการต่อสู้ประปรายอยู่บ้าง ซึ่งในกรณีนั้น หน่วยพิเศษจะถูกนำมาใช้เป็นตัวหลักในการสู้รบ
ทุกๆปี เพราะปัญหาด้านสุขภาพ จำนวนของหน่วยพิเศษที่สูญเสียไปนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดมาจากปัญหาระหว่างการฝึกและทำให้ต้องออกจากหน่วยไป
และด้วยเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้ มันสามารถช่วยลดความเสียหายจากการฝึกของหน่วยพิเศษลงได้ ถ้าสามารถรับรู้สภาพร่างกายได้ตลอดเวลา
“หน่วยงานไหนเป็นคนผลิตเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมา”
“ฉันได้ยินมาว่า มันไม่ได้ผลิตโดยสถาบันวิจัยแห่งชาติ แต่เป็นบริษัทที่ร่วมงานกับทางรัฐอยู่ วัตถุประสงค์ของพวกเขาในคราวนี้ก็เพื่อจะให้ทางกองทัพได้ทดสอบเจ้าอุปกรณ์นี้”
ทั้งรัฐมนตรีและผอ.กรมสรรพาวุธต่างก็ประหลาดใจว่าอุปกรณ์แบบนี้มันไม่ได้ถูกพัฒนาโดยสถาบันวิจัยแห่งชาติ ซึ่งสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดคือ มันถูกพัฒนาโดยพลเรือนธรรมดาเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปตามหาผู้พัฒนามา พวกเราจะต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเจ้าสิ่งนี้ให้ได้”
ในอีกด้าน หลังจากเหลาหลี่ฝ่าด่านตรวจเช็คเข้ามาได้แล้ว เมื่อเขาเห็นจื่อหยง ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เขาถูกเรียกให้เขามาด้านในสถาบันวิจัย
หลังจากนั้นสักพักจื่อหยงก็ออกมาพบและถามครูหลี่ “อุปกรณ์พวกนั้นมันสุดยอดจริงๆเหรอ?”
“ทำไมล่ะ, คุณเป็นคนให้อุปกรณ์พวกนั้นกับผมเองนะ คุณไม่รู้เรื่องการทำงานของมันงั้นเหรอ?”
จื่อหยงรู้สึกอาย เขาไม่กล้าที่จะบอกเหลาหลี่ว่าตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้เชื่อเรื่องความสามารถในการทำงานตามคำอธิบายของผลิตภัณฑ์เหมือนกัน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำอธิบายของผลิตภัณฑ์พวกนั้นจะเป็นจริงเสียแล้ว และตอนนั้นเองก็มีโทรศัพท์เข้ามาจากท่านรัฐมนตรี บอกให้เขาพาครูหลี่เข้าไปพบเพื่อรายงานสถานการณ์
“ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่ได้ทดลองมันงั้นสินะ โชคดีจริง, ที่คุณยังไม่ได้ทดลอง ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มาถึงฉันหรอก เป็นเรื่องดีจริงๆ เพราะอย่างนั้นสถาบันของคุณคงไม่เอาพวกมันให้เรามาทดลองแน่” ครูหลี่พูดขึ้นอย่างขอบคุณ
จื่อหยงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาควรจะเป็นคนแรกที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็สายไปแล้ว เพราะความผิดพลาดของเขาเอง และปล่อยให้ผลประโยชน์นั้นตกเป็นของครูหลี่
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไปกันเถอะ พวกเขากำลังรอการรายงานจากเราอยู่ ผมไม่รู้หรอกนะว่าสมองของคนนั้นเป็นยังไง แต่เขาสามารถพัฒนาวัสดุเส้นใยพืช และเป็นคนผลักดันแนวคิดวัสดุมายา และตอนนี้เขาก็ผลิตสุดยอดอุปกรณ์ขึ้นมาอีก ดูเหมือนว่าเราจะต้องจับตามองอัจฉริยะคนนี้ให้ดีซะแล้ว มิเช่นนั้นพวกเราคงเป็นฝ่ายโดนดีเสียเอง”
จื่อหยงรู้สึกพ่ายแพ้ต่ออู๋ฮ่าวเหริน เขาจะไปเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเจ้าคนไม่ปกติแบบนั้นอีกแล้ว เพราะมันเทียบกันไม่ได้เลย
หลังจากที่พวกเขามาถึงจงหนานไห่แล้ว ก็พบว่ามีหมอจำนวนมากอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขากำลังตรวจร่างกายของทั้งสามคนเพื่อดูว่า ตรงตามข้อมูลในเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดหรือไม่
“อาการคล้ายกับข้อมูลที่แสดงครับ แต่พวกเราไม่สามารถยืนยันในบางจุดได้ พวกเราต้องการอุปกรณ์ที่ใหญ่กว่านี้ในการตรวจวินิจฉัยก่อนถึงจะยืนยันได้ครับ”
ท่านรมต.บอกให้พวกเขาออกไปก่อน ทั้งสามคนไม่มีใครคิดว่าข้อมูลพวกนั้นจะถูกต้องถึงขนาดนี้
ผอ.กรมสรรพาวุธที่กำลังถืออุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพอยู่นั้น ก็มองไปมาทั้งข้างหลังและข้างหนา แต่เขาก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษจากเจ้าสิ่งนี้
“ผมไม่คิดว่าเจ้าอุปกรณ์เล็กๆแบบนี้จะมีระบบการทำงานที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้”
“ไปกันเถอะ ไปหาคนที่วิจัยมันขึ้นมากัน พวกเราคงไม่รู้อะไรเพิ่มไปกว่านี้นอกจากจะไปถามเจ้าตัวเอง”
ทั้งสามคนเดินออกมาข้างนอกและมองดูสองคนที่กำลังยืนรออยู่ข้างนอก
จื่อหยงและหลี่หยุนเหอ ได้พบและเจอท่านนายก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประหม่ามากนักและสงบสติอารมณ์ได้อยู่
“พวกคุณเข้ามา พวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร”
“ท่านรมต.ครับ ผมขอทดลองเจ้าเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดหน่อยได้มั๊ยครับ?” จื่อหยงพูดขึ้นมา
จริงๆแล้วเขาเองก็สงสัยการทำงานของมันว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร ถึงสามารถทำให้สามคนนี้ตื่นเต้นและรีบเรียกให้พวกเขามาเข้าพบเป็นการด่วน
เขาเคยเห็นเจ้าเครื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่เขายังไม่ได้ทำลองใช้มัน หลังจากที่นำอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพมาจากมือของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแล้ว เขามองดูและพบว่ามันได้ถูกรีเซ็ทการตั้งค่าใหม่แล้ว
เขาใส่อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดไว้ที่แขนของเขา และทันใดนั้นรายละเอียดข้อมูลก็ขึ้นมาที่หน้าจอ ซึ่งทำให้เขาตกตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็เกิดความสงสัยด้วย
หลังจากที่เขามองดูข้อมูลอย่างตั้งใจแล้ว เขาก็ไม่สามารถรู้สึกใจเย็นได้อีก รู้มั๊ย? ไม่กี่วันก่อนนี้เขาเพิ่งจะไปตรวจร่างกายมา และบางอาการของร่างกายเขานั้นก็ยังจำได้อยู่
ข้อมูลที่แสดงนั้นเกือบจะตรงกับการตรวจร่างกายครั้งนั้นทั้งหมด บางจุดก็ละเอียดกว่าด้วยซ้ำ และมีแม้แต่อาการเล็กน้อยก็ยังถูกวินิจฉัยได้
จื่อหยงที่กำลังช็อคอยู่นั้น เขาจำได้อู๋ฮ่าวเหรินได้พูดอะไรบางอย่างกับเขาและให้อะไรบางอย่างกับเขาในวันนั้น ในตอนนั้นเขาคิดว่าอู๋ฮ่าวเหรินพูดเกินจริง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นพูดเรื่องจริงออกมา
“เอ้า อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง บอกฉันมาเร็ว เรื่องเกี่ยวกับเจ้าอุปกรณ์นี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณได้ให้ผู้การหลี่เอาไปใช้ทดสอบ”
หลังจากที่ได้ยินที่รมต.กระทรวงกลาโหมพูดขึ้น จื่อหยงก็นึกได้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินเคยบอกกับเขาว่าเขาต้องการจะขายสิ่งนี้ให้กับกองทัพ และตอนนี้จื่อหยงก็เข้าใจถึงผลประโยชน์ของอุปกรณ์ชิ้นนี้ในกองทัพ
เขาจึงได้เล่าเรื่องราวของอู๋ฮ่าวเหรินให้พวกเขาฟัง อย่างไรก็ตาม ชื่ออู๋ฮ่าวเหรินนั้นมีอยู่ในรายงาน และท่านรมต.กับผอ.กรมสรรพาวุธก็เคยได้ยินชื่อของเขาอยู่บ้าง
หลังจากที่ได้ยินจื่อหยงอธิบาย ท่านรมต.ก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “มันเป็นอะไรที่เจ้าหนูอู๋ฮ่าวเหรินวิจัยขึ้นมาอีกแล้วสินะ!”
“ดูเหมือนว่าประเทศของเราจะมีอัจฉริยะจริงๆเสียแล้ว ตอนวัสดุเส้นใยพืชเผยแพร่, ก็สร้างผลกระทบให้กับประเทศอย่างมาก และเรื่องวัสดุมายาที่กำลังวิจัยอยู่ ก็ส่งผลอย่างมากในด้านอาวุธ และตอนนี้ก็วิจัยเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาที”
“ปัญหาคือตอนนี้คนๆนี้ดูเหมือนจะเตรียมการที่จะใช้เจ้าสิ่งนี้พัฒนาทางด้านการแพทย์อยู่
“ท่านรมต.ครับ ผมได้ยินมาว่าเขาต้องการที่จะขายผลิตภัณฑ์นี้ให้แก่กองทัพ ผมคิดว่าเราควรจะต้องรีบไปติดต่อเขาก่อนเพื่อรับทราบเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์นี้ น่าจะเป็นผลประโยชน์กับทางเราครับ”
ท่านรมต.ผงกหัวและพูดขึ้น “ถ้างั้นส่งคนออกไป ไม่ว่ายังไงคุณต้องอย่าปล่อยให้เขาไปตั้งโรงงานที่ต่างประเทศเด็ดขาด ส่วนเรื่องอื่น ให้พวกเราได้ศึกษาก่อนหลังจากที่พวกเราทราบถึงสถานการณ์แล้ว”
อีกไม่นาน จะมีขบวนผู้คนที่มากกว่าคราวของรัฐมนตรีกระทรวงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่เตรียมจะไปยังมณฑลหยุนหลง สถานที่แห่งเวทมนตร์ เพื่อไปพบกับจอมเวทย์อัจฉริยะ
————————
คอมเม้นต์