อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 88
CF:บทที่ 88 โลกอนาคต
เมื่อเทียบกันกับความเสียใจและความผิดหวังของผู้คนในสถาบันวิจัยคอมพิวเตอร์แล้ว ตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินกำลังรู้สึกมีความสุขมาก
หลังจากที่ทางบริษัทได้ประกาศถึงเรื่อง การยอมรับข้อตกลงร่วมมือขั้นต้นกับทางกองทัพแล้ว ทุกคนในบริษัทต่างก็ตื่นเต้น
ลิ่วหมิงเยว่กับโจ้วหลาน ทั้งคู่ส่งเสียงแสดงความยินดี
รู้ไหม? การเชิญมางานแถลงข่าวในวันนี้นั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หลังจากที่ได้รับการเชิญแล้ว หลายสำนักข่าวเมื่อเห็นที่อยู่ของบริษัทแล้ว ต่างก็พาปฏิเสธกันไปหมด
คนส่วนใหญ่ที่เชิญมาในวันนี้สำเร็จนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยข้องเกี่ยวกับบริษัท และเป็นคนรู้จักของพวกเธอทั้งสองคน พวกเขามาหลังจากที่คนอื่นปฏิเสธ
และตอนนี้บริษัทก็ได้ตกลงร่วมมือกับทางกองทัพแล้ว นี่อาจจะเป็นข้อได้เปรียบที่จะใช้เจรจากับทางสื่อที่เคยปฏิเสธไป
“หัวหน้าคะ พวกเราสามารถโฆษณาเรื่องการร่วมมือกับทางกองทัพได้มั๊ยคะ?”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกมึนงงอยู่พักหนึ่ง และถึงเข้าใจว่า ถ้าเราสามารถใช้เรื่องนี้ในการโฆษณา มันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้คนเชื่อเรื่องระบบการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด
ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าร่วมกับกองทัพได้ ก็เหมือนมีกองทัพรับประกันคุณภาพให้, ในสิ่งที่ผู้บริโภคเป็นกังวล อู๋ฮ่าวเหรินไม่คิดว่าการได้ร่วมมือกับกองทัพนั้น จะส่งผลประโยชน์แบบนี้ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เขาควรที่จะแจ้งไปยังทางกองทัพก่อน เขาไม่คิดจะเอาเปรียบพวกเขาเพราะเรื่องแบบนี้
“โอเค ขอผมไปถามพวกเบื้องบนดูก่อนว่าเขาจะเห็นด้วยไหมที่เราจะโฆษณาในนามของเขา แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหา การร่วมมือกับพวกเขาในครั้งนี้ ผมเองก็ให้ราคาที่เอื้อต่อพวกเขามากด้วย
ในครั้งนี้, เว่ยหมิงได้ยืนขึ้นและพูด “หัวหน้าครับ, ผมลืมบอกไปเลยว่า ตอนนี้โรงงานผลิตเครื่องดื่มของพวกเราจะแล้วเสร็จในวันนี้ครับ”
“มันเสร็จแล้วรึ, เร็วมาก!”
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ค่อยจะได้ไปดูการก่อสร้างโรงงานและบริษัทเลย ตั้งแต่ที่เขามอบหน้าที่นี้ให้กับเว่ยหมิง
เมื่อนึกดู เขาเคยคิดที่จะไปดูหาเครื่องมือที่ต้องการโดยคุณช่างยนต์ที่อยู่ในกลุ่มเลเวลสอง ซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินยังไม่ได้ให้ของแก่เขาเลย
“ดี, งั้นเดี๋ยวผมจะไปดูที่นั่นพรุ่งนี้ และถ้าเป็นไปได้ ผมจะได้ส่งเครื่องจักรสำหรับไลน์การผลิตเครื่องดื่มไปด้วย รวมถึงเครื่องจักรผลิตวัสดุใยพืชที่จะถูกส่งไปพร้อมกัน”
เว่ยหมิงผงกหัวของเขา เขามาที่นี่ในวันนี้ หลังจากที่เครื่องจักรถูกส่งมาถึงแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะทดสอบมัน
หลังเลิกงาน ทุกคนกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น ในช่วงเวลานี้ ทุกคนในบริษัทต่างกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ พวกเขารู้ดีว่าเมื่อข่าวเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดได้ถูกแพร่ออกไป และบริษัทจะเข้าสู่ช่วงการพัฒนาครั้งใหญ่
ลู่เปงเฟยที่เพิ่งกลับมาถึงที่พักของเขา ที่เป็นตึกอพาร์ตเมนท์เก่าๆ เขาถอดเสื้อคลุมของเขาออกและมองออกไปที่หน้าต่างเพื่อมองทิวทัศน์ของมณฑลหยุนหลง เขารู้สึกดีมาก
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก ภรรยาของเขาบ่นเรื่องที่เขาออกจากงานเก่าที่สบายในเมืองหลวง และย้ายมาลำบากอยู่ที่มณฑลเล็กๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรหาภรรยาของเขา “ไงที่รัก คุณทานข้าวรึยัง?”
“เพิ่งกินไป คุณเป็นอย่างไรบ้าง? ถ้าคุณเบื่อที่นั่นแล้ว คุณจะลาออกและกลับมาก็ได้นะ”
“ที่รัก ผมมีข่าวดีจะบอกคุณ อีกไม่นาน สามีของคุณกำลังจะก้าวหน้า และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะไม่ต้องแยกกันอยู่แล้ว ผมจะพาคุณและลูกๆมาอยู่ด้วย”
“คุณพูดบ้าอะไร? คุณโทรมาคราวที่แล้วยังบ่นเรื่องที่บริษัทใหม่ของคุณอยู่เลย ที่ให้คุณออกเดินทางไปโน่นไปนี่ แล้วฉันกับลูกๆจะไม่ไปอยู่ที่มณฑลบ้านนอกของคุณหรอกนะ”
ลู่เปงเฟยไม่ได้อธิบายอะไร แต่บอกว่า “คุณจะรู้ในอีกไม่กี่วัน จำไว้นะว่าบริษัทของเรามีชื่อว่าฟิวเจอร์กรุ๊ป แล้วคุณจะได้เห็นเองตอนเมื่อข่าวออกมา”
เมื่อเทียบกันกับลู่เปงเฟยแล้ว หลิวเหมยหรู่นั้นกำลังตกอยู่ในภาวะกดดันกว่า เธอเดินออกมาเพื่อผ่อนคลาย
โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใคร เธอเพิ่งจะเขียนใบลาออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
ซึ่งตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว เพราะตอนนี้ เธอพร้อมที่จะอยู่กับบริษัทนี้ต่อแล้ว มันมีเรื่องพิเศษอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหลิวเหมยหรู
และเพราะเหตุผลที่เป็นพิเศษนี้ หลังจากที่เธอแต่งงานได้ไม่นาน เธอก็ได้หย่าและอยู่เป็นโสดมาตลอด
เดิมที่พอครอบครัวของเธอนั้นรู้ว่าเธอต้องการที่จะพัก พวกเขาเองก็มีความสุขมาก และคิดว่าลูกสาวของเขาควรจะหาใครสักคนที่จะเป็นคู่ชีวิตได้แล้ว
พี่ชายคนรองเมื่อทราบข่าวนี้หลังจากที่กลับมาที่บ้าน ก็บอกให้เธอลาออกและเข้าพิธีดูตัว
เมื่อเทียบกันกับทั้งสองคนนั้นที่มีปัญหาแล้ว คนอื่นๆต่างก็มีความสุขดี และสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกฮึกเหิมมาก
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินกลับมาที่บ้าน และโทรหาจื่อหยงเพื่อถามถึงเรื่องที่เขาต้องการที่จะใช้เรื่องการร่วมมือกับทางกองทัพในการโฆษณา
แน่นอนว่าจื่อหยงนั้นไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ เขาจึงไม่สามารถให้คำตอบได้จนกว่าเขาจะคุยเรื่องนี้กับทางเบื้องบนก่อน
จื่อหยงนึกถึงเรื่องของโปรแกรมขึ้นมาได้ จึงรีบพูดกับอู๋ฮ่าวเหริน “แล้วก็ ฉันลืมถามเรื่องเกี่ยวกับโปรแกรมของคุณไปเลย นายใช้โค้ดภาษาอะไรในการเขียน ทำเอาทั้งสถาบันวิจัยคอมพิวเตอร์ต้องยอมแพ้ในการแฮก”
“ก็นะ, มันเป็นโค้ดที่ผมคิดขึ้นมาเองคนอื่นจึงไม่สามารถเข้าใจได้นอกจากผม ดังนั้นผมจึงไม่กังวลเรื่องที่โปรแกรมของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพจะถูกแฮก ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องกังวลกับมันเลย” อู๋ฮ่าวเหรินหน้าไม่แดงและหัวใจเขาก็ไม่ได้เต้นแรงด้วย
“คุณน่าทึ่งมาก ตอนนี้นอกจากช่างเทคนิคฮาร์ดแวร์แล้ว คุณยังเอาชนะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ได้ด้วย”
“นั่นทำให้ผมรู้สึกดีมากเลย ผมมีโครงการที่ต้องการผู้มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์พอดี”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ที่ถูกเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์(A.I.)บนโลกนี้
เขาต้องการผลิตหุ่นยนต์ล้ำยุคออกมา แต่เขากังวลถึงปัญหาที่จะตามมา แต่ถ้ามีการพัฒนาด้านA.I.และมีการผลิตหุ่นยนต์ออกมา ก็จะไม่มีใครสงสัยเขา
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไป อู๋ฮ่าวเหรินก็คุยกับครอบครัวของเขาอยู่พักหนึ่งและรู้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเมืองซุยฉุยได้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว
และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องที่พัก ทางหมู่บ้านเองก็ได้เตรียมห้องพักไว้เท่าที่จะสามารถหาได้ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ
ท้ายที่สุด นักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ตัดสินใจที่พักในเมืองลิวเหอ และนั่นเป็นผลทำให้ โรงแรมเล็กๆในเมืองหลิวเหอ เกิดคึกคักขึ้นมา
ในตอนเย็น ก็เป็นดั่งเช่นทุกวัน อู๋ฮ่าวเหรินปรากฏตัวในระบบซองแดง เพื่อดูผู้คนโอ้อวดและคุยกันเกี่ยวเรื่องราวในยุคนั้น
ในช่วงนี้นั้น เขาก็เริ่มที่จะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
นอกจากมนุษย์บนโลกแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาอื่นอีกอยู่ในจักรวาลนี้ และดาวของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด ก็อยู่ห่างจากโลกของเราอยู่ 3 ช่วงกาแลคซี่ทางช้างเผือก เทคโนโลยีของดาวนั้นยังด้อยกว่าของโลกมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่โลกอยู่นั้นอยู่ห่างไกลและตกสำรวจจากสหพันธรัฐแห่งจักรวาล จึงยังไม่มีการสำรวจโลก และการรวมกันของมนุษย์โลกเข้ากับทางสหพันธรัฐนั้นก็มาแล้วเสร็จในยุคของการท่องอวกาศ
และท้ายที่สุด ด้วยความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของมนุษย์โลก ก็ทำให้มีสถานภาพทางสังคมอยู่ในสหพันธรัฐแห่งจักรวาลได้ แต่ทว่าในสหพันธรัฐนั้น มนุษย์โลกมีฐานะอยู่เพียงแค่ชนชั้นระดับสอง ซึ่งถือว่ายังมีช่องว่างที่ใหญ่จากชนชั้นระดับหนึ่ง
จากที่ได้ฟังบทสนทนา อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้รู้ว่า ในจักรวาลนั้น มีศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์โลกอยู่ มันคือเผ่าพันธุ์ที่ดูเหมือนตะขาบขนาดยักษ์ เผ่าพันธุ์นี้เป็นเผ่าที่เป็นปกปักษ์กับมนุษย์โลกตั้งแต่เริ่มแรก
ถึงแม้ว่าจะมีสหพันธรัฐแห่งดวงดาวอยู่ แต่ก็ยังมีสงครามประปรายอยู่ทุกวัน ตราบเท่าที่่ทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลเพียงพอ และความต่างของด้านกำลังรบไม่ต่างกันมากจนถึงระดับที่ว่าฆ่าล้างอยู่ฝ่ายเดียว ทางสหพันธรัฐก็จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง
อู๋ฮ่าวเหรินนำเอาข้อมูลที่ได้ฟังทั้งหมดแล้วกันแล้วสรุปได้ว่า จักรวาลนั้นอันตรายมากและถ้ายังไม่มีพลังรบมากเพียงพอ จะเป็นการดีกว่าถ้าไม่สุ่มสำรวจไปมั่วๆ
แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าเขาจะใช้ระบบซองแดงเพื่อเอาพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ หลังจากพยายามอย่างหนักในการพัฒนา เขาจะจัดการและเอาชนะพวกที่มีอารยธรรมที่รังแกมนุษย์โลกในอนาคต ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเป้าหมายที่ดี
———————-
คอมเม้นต์