อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 94
CF:บทที่ 94 ใครกันเอ่ยที่ติดกับ
สำหรับเรื่องที่ชายอ้วนผู้เป็นเจ้าของร้านพูด อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้เชื่อเสียทั้งหมด เพราะในธุรกิจค้าวัตถุโบราณ คนที่ตาดีเท่านั้นจึงจะไม่เสียเปรียบ
อู๋ ฮ่าวเหรินเชื่อว่าราคาของที่อีกฝ่ายคำนวนนั้น ต้องต่างกับราคาที่จี้คำนวนถึง 2 เท่าแน่ๆ
“6 แสนหยวน”
“กดราคาเกินไปแล้วบอส 2 ล้านหยวน”
“6 แสนไม่พอเหรอ? หยกก้อนนี้ก็มีปััญหา สองชิ้นนี้ก็ไม่ใช่หยกชั้นดีเหมือนกัน ถ้ามันเป็นหยกจากโฮถานผมคงจะควักจ่าย 3 ล้านไปแล้ว”
“บอสอย่าตลกนักสิ ถ้าเจ้านี่คือหยกจากโฮถานจริงๆบอสจะจ่ายผมเท่าไหร่กันเหอะแล้วถ้ามันเป็นกรณีนั้นผมเก็บบอสเท่าไหร่ได้?”
อู๋ ฮ่าวเหรินหัวเราะ เจ้าอ้วนนี่กล้าพูดแบบนี้กับเขาเลยเหรอ นี่คือหยกเหอเถียน หยกที่ดีที่สุดในบรรดาหยกด้วยกันเอง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขนไปเป็นรถบรรทุกเลย
แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำตัวแบบพวกโง่แน่ๆ
“เอาไป 8 แสนหยวน”
ชายอ้วนส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “เอางี้ เรามาถอยกันคนละก้าวแล้วตกลงใหม่นะบอส ล้านห้าแสน คิดว่าไง?”
ล้านห้าแสนงั้นเหรอ ครึ่งล้านนี่มากกว่าที่จี้คิดให้ซะอีก อู๋ ฮ่าวเหรินยอมรับสิ่งนี้ หากแต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากใช้เงินไปทั้งอย่างนี้เลย รู้สึกไม่ยุติธรรม
ในตอนนั้นเขาก็เพ่งมองไปรอบๆร้านตามที่จี้บอกก่อนจะพูดขึ้น “ล้านห้าแสนก็ไม่เลว แต่ขอเลือกอย่างอื่นเพิ่มหน่อยนะ”
หลังจากที่ได้ยินอู๋ ฮ่าวเหรินพูดเช่นนั้น ชายอ้วนก็มองไปยังสิ่งที่เขาหยิบออกมาก่อนจะพูด “ไม่ ถ้าบอสจะถ้วยชามจีนกับงานแกะสลักไม้พวกนั้นไป ผมต้องอดตายแน่ๆ”
“ถ้างั้นก็เอาของที่ไม่อยากให้เลือกออกไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมค่อยเลือกอีกทีหลังจากนั้น”
เขาไม่ได้กลัวเลยว่าชายอ้วนจะเอาของที่จี้มาร์คไว้ออกไป นั่นเพราะมันไม่ได้ดูล่อตาล่อใจเสียเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ชายอ้วนเอาบางสิ่งบางอย่างออกไปและยังเหลือ”สิ่งนั้น”ไว้ นั่นแสดงว่าตัวเขาเองก็อาจจะยังไม่รู้ถึงเรื่องนี้ก็ได้
“แถวนั้น พวกนี้ แล้วก็พวกนี้ ผมถือว่าเลือกไม่ได้ละกัน”
ชายอ้วนมองรวมๆและพบว่าพวกรูปสลักไม้ทั้งหลายกว่าหมื่นชิ้นนั้นไม่มีอะไรมีค่าเทียบเท่าแล้ว
“ดี งั้นผมจะเอานี่แล้วก็โอนเลย”
สิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินชี้นั้นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ สิ่งนั้นดำสนิทแถมยังเป็นสนิมด้วย มันถูกเก็บมาจากกลุ่มนักขุดที่มีชื่อเสียง พวกเขาบอกมาว่าได้มันมาจากใต้ดิน
แต่ ณ เวลานั้นมันกลับไม่มีข่าวการขุดเจอสุสานโบราณหรืออะไรเลย เพราะงั้นเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่ได้มีค่าอะไร มันใช้สำหรับหลอกพวกคนโง่ที่หลงในรูปลักษณ์เฉยๆ
ดูท่าเจ้าหนุ่มนี่เองก็ไม่ได้ฉลาดอะไรมากหรอก บางทีเขาอาจจะเห็นคราบสนิมเป็นทองแดงก็ได้เลยตีความว่ามันเป็นทองแดงไป
ชายอ้วนรู้สึกมีความสุขมากๆที่ในที่สุดอู๋ ฮ่าวเหรินก็โอนเงินและพากันออกจากร้านเสียที ธุรกิจครั้งนี้มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก หากตั้งราคาขายไว้ 7 แสน นี่มันทำกำไรถึง 8 แสนเลยนะหากเขาจะได้ 1.5 ล้านจริงๆ พวกนี้มันเป็นพวกเลือดร้อนที่เอาแต่ทำอะไรโง่ๆจริงๆนั่นแหละ
อู๋ เชิงเดินตามอู๋ ฮ่าวเหรินออกมาติดๆ “พี่ฮ่าวเหริน ฉันควรจะรู้สึกยังไง? พวกเรากำลังถูกหลอกนะ!”
“ฮ่าๆๆ ถ้าจะให้พูดถึงวัตถุโบราณล่ะก็ ของพวกนี้น่ะ มีค่ามากสุกก็แค่ 1 ล้าน”
“แต่พี่ก็จ่ายให้เจ้านั่นไปตั้ง 1.5 ล้านหยวนเนี่ยนะ เงินนั้นควรเป็นของเขาตรงไหน?”
อู๋ ฮ่าวเหรินเพียงยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ มันพูดยากจริงๆว่าสรุปแล้วใครกันแน่ที่อยู่ในปัญหา
บางทีในสายตาของเจ้าของร้านอ้วนนั่น คงมองเขาไม่ต่างจากพวกหัวทึบ เพราะยอดการขายครั้งล่าสุดนั้นทำเงินให้เขามากๆ
แต่ในสายตาของ อู๋ ฮ่าวเหริน ต่อให้เจ้าสิ่งนั้นราคาสูงถึง 15 ล้านก็จะซื้อ
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงโบราณวัตถุ หากแต่เป็นเจ้าสิ่งสุดท้ายที่จี้ชี้ให้ซื้อมาต่างหาก
มันอาจจะเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับผู้อื่น แต่ถ้าอยู่ในมือเขามันสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่า 1.5 ล้านเสียอีก
หลังจากที่ขึ้นรถบัสมาแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็นั่งยิ้มมีความสุขขณะที่อ่านข้อมูลที่จี้ส่งมาให้ผ่านโทรศัพท์มือถือ
ท้ายสุดแล้วสิ่งนี้ไม่ใช่ทั้งวัตถุโบราณและทองแดง แต่มันคือ อุกกาบาตที่พุ่งเข้ามาในโลกต่างหาก เขาไม่รู้ว่านานขนาดไหนแล้วที่มันถูกฝังอยู่ใต้้ดิน หากมันไม่ถูกขึ้นขึ้นมา มันก็จะหายไปในไม่กี่สิบปีหรือร้อยปีให้หลัง
เขาควรจะสร้างอุปกรณ์การแพทย์เพื่อครอบครัวของเขา ด้วยเรื่องนี้ทำให้เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดถูกจัดไว้ในแผนการเรียบร้อยแล้ว
ช่างโชคร้าย ที่อุปกรณ์การแพทย์หลายชิ้นไม่สามารถสร้างได้บนโลก ณ ขณะนี้
มันไม่ใช่ปัญหาทางเทคนิค หากแต่เป็นปัญหาที่ว่าวัสดุไม่เพียงพอ วัสดุบางอย่างต้องมาจากดาวดวงอื่น และอู๋ ฮ่าวเหรินไม่มีความสามารถแบบนั้นในตอนนี้
การที่เขาเข้าๆออกๆระบบซองแดงอยู่เป็นประจำ นั่นทำให้เขารับรู้ถึงเรื่องน่าเสียดายในระบบนิดหน่อยและนั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจว่า ระบบซองแดงไม่สามารถส่งผ่านวัสดุบางอย่างได้
มันไม่ได้อยู่เหนืออำนาจทุกอย่าง ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปแบบของพลังงานวัตถุแล้วส่งผ่านได้
ตัวอย่างเช่น วัสดุที่มีพลังงานสูงไม่สามารถใช้ระบบซองแดงส่งได้ หรือวัสดุบางอย่างที่ใช้พลังงานพิเศษด้วยเช่นกัน
ในความเป็นจริง อู๋ ฮ่าวเหรินอยาจะเก็บเอาซองแดงที่เป็นยานอวกาศมาและเริ่มสำรวจอวกาศเสียทีซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเพ้อฝัน
นั่นเพราะว่าพลังงานที่ถูกใช้สำหรับยานอวกาศ 1 ลำนั้นไม่ได้อยู่ในระดับต่ำๆเลย
หากถ้าทำได้เขาคงไม่มาจมปลักอยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีบนโลกนี้ต่อไปหรอก ป่านนี้เขาคงหาวิธีรับเหรียญพลังงานแล้วโฉบเอาซองแดงมาใช้อย่างสะดวกสบายแล้ว
อู๋ ฮ่าวเหรินวานอู๋เชิงให้ไปส่งที่บ้าน เพราะวันนี้เขาไม่มีอะไรที่ต้องจัดการในบริษัท
พรุ่งนี้ถึงจะให้ผู้คนจากหลี่ฉุยมาที่นี่ แล้วเอาชิ้นส่วนพวกนี้ไปประกอบเป็นเครื่องจักรกับดูผลสรุปจากคอมพิวเตอร์ธุรกิจ แต่ยังไงก็ตาม ได้เวลาเริ่มต้นแล้ว
กลับมายังบ้าน ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลย ครอบครัวของอู๋ ฮ่าวเหรินน่าจะอยู่บนภูเขากันหมด
ระหว่างช่วงนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมดอกกล้วยไม้สีม่วงนั้นมีตั้งแต่ 1000 ทุกวัน ทำให้หมู่บ้านซุยฉุยไม่สามารถรองรับได้
ในขณะเดียวกันมันก็มีปัญหานิดหน่อย เช่น นักท่องเที่ยวหลายคนเด็ดดอกกล้วยไม้สีม่วงไปหรือบางคนก็ขุดไปทั้งรากเพื่อจะปลูกต่อ
ในกรณีนี้ ผู้คนในหมู่บ้านจึงจัดเวรยามลาดตระเวนกัน และนักท่องเที่ยวที่ถูกคนเหล่านี้จับได้จะต้องจ่ายค่าปรับ
เข้ามายังห้องของเขาเอง อู๋ ฮ่าวเหรินพูด “จี้ ฉายภาพเทคโนโลยีเครื่องมือทางการแพทย์ให้หน่อย เมื่อปัญหาทั้งหลายถูกแก้แล้ว เครื่องมือพวกนี้จำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในครอบครัวของฉันเสียหน่อย”
เพียงไม่นาน ภาพ 3 มิติก็ถูกฉายออกมาภายในห้อง อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปยังสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างเครื่องมือตรวจสอบและรักษาโรค วัสดุที่จะใช้สร้างมันนั้นค่อนข้างจะพิเศษมากๆ นั่นคือสิ่งที่เขาได้มาวันนี้ หากปราศจากสิ่งนี้ ต่อให้หลายๆอย่างถูกปรับแต่งแล้ว มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดี
ในความเป็นจริง นี่คือเครื่องมือเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายแบบง่ายๆที่ซึ่งใช้การได้แย่กว่าเครื่องแบบใช้แล้วทิ้งของเขาเสียอีก
แต่สำหรับโลกใบนี้ มันค่อนข้างจะทรงพลังเลยทีเดียว
ถึงแม้เจ้าเครื่องนี้จะถูกสร้างขึ้น หากแต่มันก็สร้างมาเพื่อครอบครัวของเขาเอง เมื่อพลังงานและวัสดุของเจ้าเครื่องนี้จะถูกใช้ และเมื่อใช้ไปแล้วเครื่องก็จะไม่ทำงานอีก
“ดูเหมือนว่าเราต้องรีบสร้างห้องแล็บแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะมีหลายสิ่งที่สร้างไม่ได้”
บางสิ่งบางอย่างต้องทำให้สำเร็จด้วยตัวเขาเอง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไว้ใจให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์เพียวๆ
เขาสั่งให้จี้ปิดการฉายภาพ 3 มิติ และเข้าไปยังระบบซองแดงเพื่อตรวจดูว่ามีใครบ้างที่ช่วยเขาสร้างหุ่นยนต์ที่สั่งไว้
———————–
คอมเม้นต์