อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 110
CF:บทที่ 110 จดหมายหนึ่งซอง
เขาออกจากบริษัทและดิ่งกลับบ้านไปแทบจะทันที ระหว่างขับรถก็ถามจี้ถึงการดูว่ามีประเทศและบริษัทไหนบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตรนี้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จะให้จี้โจมตีพวกนั้น พฤติกรรมเช่นนั้นมันต่ำมากและคงทำร้ายอีกฝ่ายได้ไม่เยอะ
ถ้าคุณต้องการจะตบหน้าใครซักคน คุณควรจะเข้าไปบอกตรงๆให้ชัดเจนว่าจะตบหน้าพวกเขาด้วยการเติบโตจนกระทั่งพวกเขาต้องยอมยกบัญชีให้
ชัดเจนเลยว่า ปัญญาประดิษฐ์ก็ไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ในการพบกันแบบพิเศษนี้ มันไม่มีการบันทึกไว้เลยทั้งสิ้น มันจึงยากมากที่จะหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้รับ จี้พบหลากหลายประเทศและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตรการซื้อวัตถุดิบครั้งนี้
ดูข้อมูลที่จี้มอบให้ อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดว่ามันแปลกที่เขาจะหาได้เยอะแยะขนาดนี้ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าเรื่องเครือข่ายของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
มันไม่มีข้อมูลอะไรที่นี่ ทางพวกเขาเองคงจะมีข้อมูลจากทางรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาตัดสินใจจะไม่ทำให้ยอดขายของเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพ นั่นหมายถึงพวกเขาเองก็คงจะมีข้อมูลในระดับที่เรียกว่าสูงแล้วแน่ๆ
ตราบใดก็ตามที่คุณรู้ว่าประเทศเหล่านี้เป็นผู้เกี่ยวข้อง อู๋ ฮ่าวเหรินยังคงมีวิธีจัดการกับพวกเขา นายไม่ได้กำลังจะปิดกั้นวัตถุดิบของฉัน มาดูกันดีกว่าว่าใครกันแน่ที่ปิดกั้นใคร
สิ่งที่น่าจะกดดันที่สุดในเวลานี้น่าจะเป็น ลู่ เปงเฟย ผู้ที่กำลังขับรถกลับมา เขายังไม่เข้าใจเลยว่าอู๋ ฮ่าวเหรินพูดกับเขานั้นหมายความว่าอย่างไร
แน่นอนว่าเขายังคงคิดเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของบริษัทเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่ มันน่าสงสัยที่จู่ๆก็เกิดปัญหาทั้งๆที่ตอนเจรจาก็ตกลงกันดีแล้วแท้ๆ
แต่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ว่าประเทศเหล่านั้นจะใช้วิธีนี้ในการบีบบังคับบริษัทเรา
นั่งอยู่ในสนามบิน ตั๋วถูกซื้อมาแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเมื่อเจ้านายสั่งให้เขากลับไป เขาก็จะกลับไปก่อน
อย่างไรก็ตาม เขาลองโทรกลับไปยังบริษัทที่เหลืออีกครั้ง แต่ก็ได้ผลลัพธ์เช่นเดิม
ตอนนี้เขาคิดได้แล้วว่ามันต้องมีบางอย่างผิดพลาด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีปัญหากับพวกบริษัทผลิตวัตถุดิบเช่นนี้หรอก
2 วันก่อน เขาได้ปล่อยข้อความออกไป ว่าเขาต้องการที่จะซื้อวัตถุดิบทั้งสองชิ้นนี้จำนวนมาก และผู้ขายเหล่านี้ก็เสนอตัวมาเอง แถมดูแลเราดียิ่งกว่าครอบครัวเขาเองซะอีก จากนั้นจู่ๆก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างรวดเร็ว ทั้งน้ำเสียงและทัศนคติ หรือแม้แต่ความเขลานั่นด้วย บอกได้แล้วว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นกับสิ่งนี้
มันกดดันมากๆในการที่เขาทำงานครั้งนี้ไม่สำเร็จ
จนกระทั่งขณะที่จะกลับเข้ามาบริษัท งานของเขาสำเร็จมาอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ชื่อเสียงของบริษัทในตอนนี้เองก็กระฉ่อนไปทั่วโลกแล้ว แต่กลับต้องมาเจอปัญหาตรงนี้
“คุณคือคุณลู่ เปงเฟย ผู้จัดการฝ่ายซื้อของฟิวเจอร์กรุ๊ปใช่หรือเปล่า?”
ขณะที่กำลังปัดหัวไหล่อยู่เขาก็ต้องพบกับคำถามที่สุดแสนจะเบสิค ชายผิวขาวตรงหน้านี้พูดจีนเก่งสุดๆ ลู่เปงเฟยเองยังถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ และคิดว่าเขากำลังเจอคนรู้จักอยู่หรือกระไร
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกได้ว่าช่วงนี้เขาติดต่อกับต่างชาติเยอะ ถ้าคนๆนี้เป็นคนรู้จักจริงๆ เขาคงจะต้องมีความประทับใจบ้างล่ะ
“ผม ลู่ เปงเฟย คุณคือ?”
“ช่าย” ใบหน้าของชายตัวขาวนั้นเปลี่ยนไปแทบจะทันที เขายื่นจดหมายมาเบื้องหน้าและพูด “นำจดหมายนี่ไปให้เจ้านายของคุณ และให้เขาคิดทบทวนเกี่ยวกับสิ่งนี้ บางครั้งการเลือกสิ่งที่ถูกต้องก็สำคัญ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ยังคงรอท่าทีของลู่เปงเฟยก่อนจะหันออกไปและเดินออกจากสนามบินไปเลย
มองไปยังซองที่เขายื่นให้และมองจากการที่เขาเดินออกไปอย่างเร่งรีบ ลู่ เปงเฟยรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนกว่าเขากำลังตามหาเจ้านายอยู่ หรือว่าจะเป็นเพื่อนของเจ้านาย!
แต่ทั้งโทนสีของจดหมาย ทั้งน้ำเสียง มันดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหายังไงก็ไม่รู้
ในเวลานี้เสียงประกาศขึ้นเครื่องดังขึ้นแล้ว นั่นทำให้เขาไม่มีเวลาตามคนๆนั้นไป ลู่รีบเก็บซองจดหมายดังกล่าวอันเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะรีบขึ้นเครื่องกลับไปเพื่อถามเจ้านายอีกที
อู๋ ฮ่าวเหรินได้รับข้อมูลบางอย่างจากเบื้องบน แต่ข้อมูลนั้นยังไม่สมบูรณ์ และบางส่วนก็ดูไม่ชัดเจนด้วย
ประเทศสำคัญๆได้ยืนยันแล้วว่าสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเรื่องนี้ และประเทศรายย่อยอื่นๆก็ไม่กล้าที่จะหืออะไรมากนัก
ในส่วนของยูโรเปี้ยน พวกเขานั่นเกี่ยวข้องโดยตรง นั่นหมายถึงประเทศทั้งหมดใช้หน่วยสืบราชการลับร่วมกันในครั้งนี้ รัสเซียและประเทศเล็กๆอื่นๆไม่เกี่ยวข้อง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ประเทศในตะวันออกกลางเองที่ขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาก็ไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน
แอฟริกาเองก็อยากจะมีส่วนร่วม แต่โชคร้ายที่พวกเขาไม่แบ่งอะไรให้ทางนั้นเลย และต่อให้พวกเขาจะมีวัตถุดิบทั้งสอง มันก็ยังต้องขุดขึ้นมาอีกทีหนึ่ง
จากการดูข้อมูลเหล่านั้น อู๋ ฮ่าวเหรินได้แต่สั่น มันมีหลายประเทศเหลือเกินที่เกี่ยวข้อง แต่ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าประเทศพวกนี้จะจบแบบไหนดี
หลังจากถกเถียงกับจี้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็เริ่มเรียงลำดับเนื้อหาที่จะใช้ในการให้สัมภาษณ์สำหรับงานแถลงการณ์ที่จะมาถึง ฉันเชื่อว่าผู้ในประเทศเหล่านั้นคงจะไม่เป็นมิตรมากๆเมื่อเห็นข่าวนี้ออกมาเป็นแน่แท้
ในตอนนี้ งานของอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ใช่การทำให้คนอื่นๆอารมณ์บูดและไม่เป็นมิตร
ก่อนจะถึงจุดนั้น เขาต้องหาทางที่จะได้มาซึ่งวัสดุในการทำเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพขั้นต่ำ 200 ล้าน ถึง 500 ล้านเสียก่อน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะได้กลืนผลไม้ที่รสชาติขมขื่นนี่ลงกันได้เสียที
ก่อนอื่นเลยเขานึกถึงรัสเซีย ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมกับการคว่ำบาตรครึ่งนี้ หากแต่ว่าพ่อหมีขาวแห่งไซบีเรียก็ไม่ได้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเอาข้อเรียกร้องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนี้ไปใช้กับที่อื่น อย่างเช่น..
ตะวันออกกลาง?
อุ๋ ฮ่าวเหรินทุบโต๊ะเช่นเดียวกับสมองที่เหมือนเกาลัดถูกกระเทาะเปลือก เขาคิดอย่างรวดเร็วถึงการติดต่อไปยังกองทัพที่อยู่ที่นั่น
“จี้ ช่วยกรุณาเช็คให้ฉันหน่อย ตะวันออกกลาง ประเทศอะไรก็ได้ที่พร้อมจะจัดหาวัตถุดิบให้เราตอนนี้”
ในไม่ช้าจี้ก็ถูกระบุว่าเป็นประเทศที่มั่นคงที่สุดจากหลายๆประเทศที่อยู่ใสสภาวะสงคราม
อู๋ ฮ่าวเหรินชำเลืองมองข้อมูลเหล่านั้นก่อนจะส่ายหน้าและเอาไอเดียที่จะใช้ตะวันออกกลางไปเลย มันคงจะดีกว่าถ้าไปลองมองๆแถบแอฟริกา
เช้าวันต่อมา อู๋ ฮ่าวเหรินเข้ามายังบริษัท เมื่อคืนนี้ลู่ เปงเฟย โทรมาหาเขาและพูดให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่สนามบิน
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนเหล่านั้นจะให้ลู่ เปงเฟยนำจนหมายมาให้เขา
“บอส มีปัญหาอะไรหรือเปล่าในบริษัทของเรา?” ลู่ เปงเฟยคิดถึงชายผิวขาวคนนั้นและเอ่ยถาม
“นิดๆหน่อยๆ แต่มันโอเคแล้วล่ะ มาเก็บโอกาสจากเวลานี้กันดีกว่า คุณมีเวลานิดหน่อยที่จะไปพัก ไม่แน่ว่าหลังจากพักเสร็จคุณอาจจะต้องไปต่างประเทศอีกครั้ง”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดอะไรต่อ และลู่ เปงเฟยก็ไม่ได้ถามอะไร เขารู้ด้วยตัวเอง ณ เวลานั้นว่ามันไม่ใช่ปัญหาเล็กๆแน่ ในเวลาที่บริษัทต้องการวัตถุดิบเพื่อมาพัฒนาต่อเช่นนี้ และบอสให้เขาพักผ่อน นั่นดูเหมือนว่าเราจะมีปัญหากับวัตถุดิบสินะ
มองลู่ เปงเฟยเดินออกไป อู๋ ฮ่าวเหรินก็ฉีกจดหมายออกและอ่านมัน สีหน้าของเขาก็ดูเศร้าขึ้นมาเลย คนๆนี้ต้องการให้เขาแบ่งปันเทคโนโลยีของเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพจริงๆด้วย
และด้วยการคุกคามระดับนี้ ถ้าพวกเราไม่แชร์เทคโนโลยีนี้ให้ล่ะก็ ยืนยันเลยว่าผลิตภัณฑ์นี่ไม่ได้ขายอย่างสมบูรณ์แน่ๆ
อ้อ นี่คิดว่าได้ตัวฉันแล้วสินะ? ได้ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!
ไม่ว่าการคว่ำบาตรที่จะรุนแรงหรือกดดันมากขึ้นขนาดไหน มันก็คงจะดีกว่าถ้าไม่ขอให้เมตตาในตอนนั้น
อู๋ ฮ่าวเหรินเก็บจดหมายเข้าไว้ในเซฟ เขาคิดว่ามันน่าจะใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต
ในตอนกลางวัน อู๋ ฮ่าวเหรินถามจากเบื้องบนและเขาก็ได้รับข่าวมา อย่างไรก็ตามข่าวนั้นฟังดูไม่ดีซักเท่าไหร่ พวกเราต้องการวัตถุดิบก็จริง แต่เราก็ต้องการมันมากๆเสียด้วย นอกจากจะขุดมันด้วยตัวเองแล้ว ก็มีแต่ต้องซื้อมาจากประเทศใหญ่ๆเท่านั้น
เหล่าเบื้องบนนั้นไม่ได้ตกหลุมพรางใดๆ พวกเขาระบุไว้ว่าพวกเขาสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ถึง 100 ล้านชิ้นได้หากจำเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังบอกอีกว่าตราบใดที่วงจรกรผลิตนี้ขายตัวขึ้น พวกเขาเองก็ยังสามารถจัดหาวัตถุดิบให้บริษัทได้ในภายหลังอีก
อู๋ ฮ่าวเหรินเข้าใจว่านี่คือการแลกเปลี่ยนของเครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าชีวภาพและวัสดุใยพืช ดูเหมือนว่าถ้าสิ่งนี้ไม่แชร์ให้รัฐ พวกเขาจะเริ่มที่การตรึงราคา ณ ตอนนี้เลย
———————-
คอมเม้นต์