อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 130

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 130 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 130 การตามหาที่อยู่ใกล้ตัว

 

หลังจากที่ทั้งสามคนถูกพามาโดยสต๊าฟ พวกเขาก็ได้เจอกับลุงชาวจีน และก่อนที่จะได้พูดอะไร ผู้จัดงานก็ได้มาที่นี่เช่นกัน

 

“ทางนั้นพร้อมแล้วนะ คุณไปตอนนี้ได้เลย”

 

“ลุงโม่ คุณจะไปพบกับหลิงหยิ่งใช่มั๊ยครับ?”

 

“อ้า พวกนายสามคนคือเพื่อนของเจ้าหนุ่มนั่นงั้นรึ?”

 

เมื่อมองดูสถานการณ์แล้ว มนุษย์ชุดเกราะก็รีบพูดขึ้นอย่างไว “ลุงครับ พวกเรานั้นอยู่กลุ่มเดียวกับพ่อค้าของเก่าครับ ผมได้ยินจากเขามาว่าคุณมาเข้าแข่งขันที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้น พวกเรารู้ว่าหลิงหยิ่งนั้นจะมาพบกับคุณเพื่อคุยอะไรบางอย่าง พวกเราจึงรีบมาน่ะครับ”

 

โม่ชูมองดูพวกเขาแล้วก็ยิ้มออกมาก่อนจะถามกลับไป “ดังนั้น เหตุผลที่ดาราใหญ่มาหาข้าถึงที่นี่ เป็นเพราะเจ้าหนุ่มนั่นอย่างงั้นเรอะ?”

 

“ใช่ครับ, ใช่, มันเป็นเพราะหมอนั่นแหละ ทั้งหมดเป็นเพราะหมอนั่น ถ้าคุณไม่เชื่อผม คุณจะลองเซิร์จดูข่าววันนี้เลยก็ได้ครับ ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาและหลิงหยิ่งครับ”

 

โม่ชูเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา และเริ่มเซิร์จหาดูข่าวต่อหน้าทั้งสามคน ในช่วงที่ผ่านมานี้ เขาได้จัดการกับวัตถุดิบจำนวนมากมาย และเริ่มสนใจกับสิ่งต่างๆมากขึ้น

 

“อื้ม, ไม่เลว, ไม่เลว เด็กคนนี้น่ารัก แถมยังร้องเพลงเก่ง ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าหนุ่มนั่น แต่ข้าก็คิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่จิตใจดี พวกเขาน่าจะเหมาะสมกันดี”

 

ทั้งสามคนเมื่อได้ยินที่คุณลุงคนนั้นพูด ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก คนๆนี้แม้จะไม่ได้เห็นตัว แต่กลับบอกว่าสองคนนี้เหมาะสมกัน  พวกเขาต่างอยากจะพูดออกไปว่า พวกเขาเองก็เป็นคนหนุ่มอนาคตดีเหมือนกันนะ พวกเขาเองก็น่าจะเป็นคู่ที่เหมาะสมเหมือนกันบ้างสิ

 

“ดังนั้น พวกเจ้ามาหาข้าก็เพื่อที่จะพบเด็กคนนี้งั้นสินะ”

 

ทั้งสามคนผงกหัวอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “ใช่ครับ นั่นคือเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่ครับ”

 

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

 

ก่อนที่ทั้งสามคนจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร พวกเขาก็เห็นลุงโมเดินนำไปแล้ว

 

พวกเขาจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองไปที่ลุงชาวจีนอย่างสงสัยว่าทำไมถึงดูง่ายจัง พวกเขาคิดว่าอาจจะมีการทดสอบอะไรรออยู่รึเปล่า

 

“ฉันจะไม่ไปส่งพวกคุณนะ พวกเขารออยู่ด้านในนี่แหละ” ผู้ดูแลพูดกับพวกเขาก่อนที่แยกตัวเดินไปที่สนามแข่ง

 

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกตินะ!”

 

“นั่นสิ ผมเองก็รู้ว่าที่นี่มันดูเงียบมากเกินไป และมีทหารอยู่เต็มไปหมด”

 

“และทหารพวกนี้ก็ดูความรู้สึกไวมากด้วย ดูที่มือของพวกเขาสิ พวกเขาอยู่ในสภาวะพร้อมรบได้ทุกเมื่อ”

 

“ฮ่า ฮ่า, ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งสามคนเองก็สามารถสังเกตเห็นเรื่องพวกนี้ได้ด้วย ดูเหมือนว่าคนที่พวกเรากำลังจะไปพบครั้งนี้คงไม่ใช่แค่นักร้องเสียแล้วล่ะ กองกำลังติดอาวุธที่อยู่ที่นี่ดีกว่ากองอารักขาของประธานาธิบดีของรัฐสภาซะอีก” โม่ชูพูดพลางกับมองดูไปรอบๆ

 

ทันทีที่ถึงหน้าประตู ก็พบทหารสองคนที่กำลังถืออุปกรณ์จับด้วยพลังงานยืนอยู่ที่นั่นและหยุดทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลัง

 

“มีอะไรรึ?”

 

“พวกเขาเข้าไปไม่ได้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อคนที่ได้รับเชิญครับ”

 

“ให้พวกเขา เข้ามาได้” หลี่ต้าจวงที่เปิดประตูออกมาพูดบอกกับทหาร

 

ร่างกายที่ใหญ่กำยำและสวมชุดเกราะแบบครึ่งตัว ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกกลัว

 

อย่างไรก็ตาม, ในตอนนี้สายตาของหลี่ต้าจวงนั้นจับจ้องไปที่โม่ชู จากคำพูดของท่านนายพล เขาน่าจะรู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร

 

โมชูเองก็ได้จ้องหลี่ต้าจวงกลับไป เขาเคยพบหลี่ต้าจวงบนดาวสัตว์ร้ายมาก่อน ซึ่งตอนนั้นเขามัวแต่สนใจอยู่กับการจัดการกับวัตถุดิบ”

 

“คุณแข็งแกร่งมาก”

 

“ข้าเป็นแค่พ่อครัว”

 

หลี่ต้าจวงส่ายหัวของเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก และต้อนรับพวกเขาให้เข้ามาในห้อง

 

อย่างไรก็ตามทั้งสามคนที่เดินตามหลังเข้ามา เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูเข้ามาด้านในและมองไปที่คนที่อยู่ข้างในห้อง พวกเขาก็ตกตะลึงและมีสีหน้าแบบไม่น่าเชื่อ

 

“นี่ตาของฉันฝาดไปรึเปล่า?”

 

“ผมคิดว่าตาของพวกเราทั้งสามคนน่าจะเบลอไปหมดแน่ๆ มันจะต้องเป็นความฝันแล้วล่ะ!”

 

“เทพสงคราม!”

 

โม่ชูมองไปที่ชายชราที่อยู่ในห้องด้วยความตกใจ แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนมากนัก ดูเหมือนว่าตัวเขานั้นจะไม่ได้นับถือเทพสงครามมากเท่าไรนัก

 

หลิงเทียนซิงมองมาที่โม่ชู,

สายตาของเขาจับจ้องไปที่มือและมีดที่อยู่ข้างหลังของโม่ชู

 

หลังจากนั้นสักพัก, เขาก็ถาม “ปู่ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง”

 

“ปู่ของข้าเสียไปตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน”

 

“ปุบปับ, ก็เสียไปอีกคนซะแล้ว ดูเหมือนตัวฉันเองก็คงจะไม่สามารถรักษาร่างกายนี้ให้ยาวนานต่อไปได้อีกเช่นกัน”

 

“คุณปู่ค่ะ, คุณปู่จะไม่เป็นอะไรล่ะ คุณปู่ยังสุขภาพดีอยู่ ไม่เป็นอะไรแน่ๆค่ะ” หลิงหยิ่งมองไปที่สีหน้าของคุณปู่และจับมือเขาไว้แน่น

 

“คุณปู่สุดยอดอยู่แล้ว คุณปู่ต้องอยู่กับเตี๋ยอู่ไปตลอดนะคะ” เด็กตัวน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแบบปฏิเสธไม่ได้

 

“ฮะๆ,  คนเราน่ะ ไม่สามารถหลีกหนีต่อกฏของจักรวาลได้หรอกนะ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำยุคถึงเพียงไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายกฏข้อนี้ได้ เอาเถอะ, พอเรื่องนี้ก่อน”

 

เขามองไปที่โม่ชูและพูดขึ้นต่อ “เจ้านั้นชื่อไป่โม่ชูสินะ ตอนนี้เจ้าสามารถใช้มีดได้กี่เล่มแล้วล่ะ?”

 

“สามเล่มก็พอแล้ว ข้าเป็นแค่พ่อครัวเท่านั้น” ลุงชาวจีนพูดด้วยเสียงเบาๆ

 

“ฮ่าๆๆ, ดีๆ, สามเล่มก็เพียงพอแล้ว ตระกูลไป่โมของเจ้ารักษาวาจาเสมอ ฉันไม่ทราบข่าวของตระกูลกุ๋ยโฉ่วเลยว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพอจะทราบข่าวบ้างมั๊ย?”

 

“ผู้นำตระกูลกุ๋ยโฉ่วคนปัจจุบัน ตอนนี้เขาเป็นนักมายากล” ลุงชาวจีนตอบคำถามเทพสงคราม

 

ทันใดนั้น, สีหน้าของเทพสงครามก็ดูอ้างว้างเล็กน้อย และดูแก่ขึ้นไปอีกหน่อย

 

“คุณปู่คะ…”

 

“คุณปู่…”

 

“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร, แค่ปมบางอย่างในใจข้า มันได้ถูกคลายออกเท่านั้น มันดีกว่าการที่ต้องตั้งคำถามให้ตัวเองทุกวัน เอาเถอะ, คุยกันต่อไปนะ ข้าจะไปก่อน คนพวกนั้นดูท่าจะรีบร้อน”

 

จนกระทั่งเทพสงครามได้เดินออกไปแล้ว แต่ทั้งสามคนยังอยู่ในอาการเอ๋อแดกอยู่ และดูทีท่าว่าน่าจะยังไม่กลับมา ตอนนี้พวกเขาน่าลืมเหตุผลที่มาที่นี่ไปหมดแล้ว

 

จนกระทั่งหลิงหยิ่งได้คุยกับเชฟโม่ชูเพื่อขอเข้ากลุ่มเชฟเพื่อตามหาพ่อค้าของเก่า ในที่สุดทั้งสามคนก็คืนสติ แต่ดูเหมือนสมองยังไม่ทำงานเท่าที่ควร

 

“นั่นคือเทพสงครามงั้นเหรอ, งั้นก็หมายความว่า…”

 

สมองกลมองดูหลิงหยิ่ง แล้วนึกถึงเรื่องของข่าวลือ, เขาไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นจริง

 

“เป็นหลานของเทพสงครามจริงๆด้วยเหรอเนี่ย มีคนเคยพูดไว้ว่าเทพธิดานั้นอยู่ในตระกูลที่ใหญ่และผู้คนนับถือ ดูเหมือนจะใช่จริงๆด้วย”

 

“โอ้พระเจ้า, คุณคิดว่าพ่อค้าของเก่าจะรู้สึกยังไง ถ้าเขาได้ทราบข่าวนี้?”

 

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงของเตี๋ยอู่พูดขึ้น “พี่คะ, สามคนนี้เขาโง่รึเปล่าคะ?”

 

“อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ เราจะไปว่าคนอื่นโง่ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”

 

“โอ้, หนูเข้าใจแล้วค่ะ, แต่พวกเขาดูโง่จริงๆนะคะ”

 

ทั้งสามคนในตอนนี้มีสีหน้าราวกับตับหมู เมื่อมองดูเตี๋ยอู่ พวกเขาต่างก็เกรงจนไม่สามารถอธิบายออกมาได้

 

“สวัสดีครับ,คุณหลิงหยิ่ง ผมชื่อเที๋ย มู่เฉิง, ส่วนเขาชื่อหยวน เฉ่าเที๋ยน,และชายคนนั้นชื่อแรนดอล์ฟครับ พวกเราสามคนอยู่กลุ่มเดียวกับพ่อค้าของเก่าครับ และพวกเราทั้งหมดก็เป็นแฟนคลับของคุณด้วยครับ เมื่อพวกเราทราบข่าว พวกเราจึงรีบมาที่นี่”

 

หลิงหยิ่งผงกหัวและพูดขึ้น, “รอเดี๋ยวก่อนนะคะ ขอฉันได้คุยกับเชฟไป่โม่จบก่อนนะคะ”

 

“คุณหนูมาหาข้าคนนี้เพื่อต้องการเข้ากลุ่มพ่อครัวและคุยกับเจ้าหนูนั่นแบบตัวต่อตัวใช่มั๊ย?”

 

“ใช่ค่ะ หนูทราบมาว่า เชฟนั้นสามารถแนะนำหนูให้เข้าร่วมกลุ่มนั้นได้น่ะค่ะ”

 

“จริงๆมันมีวิธีที่ง่ายกว่ามาหาข้าอีกนะ ปู่ของคุณหนูและอาจารย์ว่านถงสวนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณหนูเองก็น่าจะเคยถูกตาแก่นั่นอุ้มมาก่อนตอนที่หนูยังเด็ก ดังนั้นมันจะเป็นการเร็วกว่าถ้าคุณหนูขอร้องเขาแทนที่จะให้ข้าแนะนำให้”

 

“คุณปู่ว่านถง?” หลิงหยิ่งพูดขึ้นอย่างสงสัย

 

เมื่อเตี๋ยอู่ได้ยินชื่อนั้น ตาของเธอก็ลืมขึ้นมาและพูดขึ้น “คุณปู่แสนอร่อย!”

 

“ใช่, เหตุผลหลักที่พวกเรามาเข้าร่วมกลุ่มนั้นก็เป็นเพราะเขานี่แหละ เขาคือผู้ดูแลกลุ่มนั้นโดยตรง ดูเหมือนว่าเขาจะตกลงอะไรบางอย่างกับเทียนหยูกรุ๊ปเอาไว้”

 

เมื่อเห็นหลิงหยิ่งนั้นเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณลุงก็พูดขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน การแข่งของข้ายังคงดำเนินอยู่”

 

หลิงหยิ่งเดินไปส่งเขาออกไปด้วยตัวเอง แล้วหันกลับมามองทั้งสามคนที่ยังเหลืออยู่

———————

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด