อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 141
CF:บทที่ 141 ตัวตนถูกเปิดเผย
ด้วยพาดหัวข่าวใหม่, ข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่กำลังเริ่มสูญเสียความน่าสนใจอยู่นั้น, ก็กลับกลายมาเป็นข่าวประเด็นร้อนที่กำลังถกเถียงกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่า, หัวข้อถกเถียงในคราวนี้ไม่ใช่เรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัด, หรือเทคโนโลยีเน็ทเวิร์คของฟิวเจอร์กรุ๊ป, แต่เป็นเรื่องของจำนวนเงินที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปทำได้ และเบื้องหลังของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจริงๆนั้นคือ ตัวประเทศเอง, หรือสถาบันวิจัย, หรือคนๆเดียวกันแน่
เดิมทีแล้ว, ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นบริษัทเอกชนของใครบางคน, แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ทำให้คนจำนวนมากเริ่มที่จะไม่เชื่อว่าเป็นแบบนั้น
ใครจะรู้, ในตอน 4 ทุ่มของคืนนั้น, มีใครบางคนได้โพล่งออกมาถึงเรื่องจดหมายรับเข้าทำงาน, ซึ่งเป็นจดหมายเชิญที่ถูกส่งมาโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งที่ส่วนหัวของจดหมาย มีชื่ออู๋ฮ่าวเหรินติดอยู่ด้วย
การปรากฏตัวของจดหมายเชิญนั้นก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที, ดุจราวกับหยดน้ำลงบนน้ำมันเดือด
“เป็นความจริงงั้นเหรอ? ที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นบริษัทเอกชน, และประธานบริษัทคืออู๋ฮ่าวเหริน!”
“ถ้าจดหมายเชิญนี่ไม่ใช่ของปลอม, มันก็คงเป็นเรื่องจริง, ยิ่งไปกว่านั้น, ยังเป็นบริษัทฟิวเจอร์มาทีเรียลที่เป็นบริษัทสาขาของฟิวเจอร์กรุ๊ป, ถึงตอนนี้จะยังไม่มีผลิตภัณฑ์ออกมาก็จริง”
“ถ้าคุณไม่พูด, ผมก็นึกไม่ออกนะเนี่ย ผมจำได้ว่าผมเคยเห็นบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปประกาศรับสมัครงานอยู่ที่หลีฉุ่ย ซึ่งในตอนนั้นยังมีแค่บริษัทฟิวเจอร์เบฟเวอเรจ, ซึ่งตอนนั้นมีรูปติดอยู่ด้วย ซึ่งผมประทับใจมาก มันเป็นรูปของดอกกล้วยไม้ม่วงของหมู่บ้านซุยฉุย”
“ฉันก็จำได้ละ ตอนนั้นมันดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายในตอนนั้น จำได้ว่าเคยเห็นประกาศรับสมัครงานอยู่เหมือนกัน, แต่คิดว่ามันแปลกๆ, ทำไมบริษัทผลิตเครื่องดื่มถึงได้รับคนมากมายขนาดนั้น เฮ้อ, ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะสมัครงานเข้าบริษัทนี้ในตอนนั้น รู้สึกเสียดายจัง”
“ฮ่าๆ, อะไรคือที่บอกว่าเสียดาย? ผมเนี่ยเคยได้รับจดหมายเชิญแบบนี้ด้วย ซึ่งผมสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนั้น, ผมไม่กล้าบอกใครเรื่องนี้ เพราะผมรู้สึกโง่มากที่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไป ตอนนี้ผมละอยากเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด!”
“อย่าเพิ่งรีบเอาหัวโขกกำแพงตายน่า, พี่ชาย บางทีคุณอาจจะมีโอกาสอีกก็ได้”
“ฝันไปสิ, คุณไม่รู้หรอกว่า, บริษัทของเขานั้นปฏิเสธที่จ้างคนแบบพวกเราที่เคยปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งอีก, หรือจะบอกว่า, พวกเราหมดโอกาสแล้วก็ได้”
ข่าวนี้, ทำให้หลายคนประหลาดใจ, พวกเขาไม่คิดว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะมีกฏเกณฑ์แบบนี้อยู่ด้วย อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้หลายคนตื่นเต้น ในตอนนั้น, เหล่าคนที่ได้รับจดหมายเชิญมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถแน่ แต่ตอนนี้คนพวกนั้นได้ถูกคัดออกไปแล้ว, โอกาสของพวกเขาก็จะมีมากขึ้น
แล้วจู่ๆก็มีคนในกระทู้นั้นได้อัพโหลดรูปและบอกว่า, “อู๋ฮ่าวเหรินที่พวกคุณพูดถึง คงไม่ใช่คนนี้ใช่ไหม?”
“โอ้, น้องชาย, คุณไปได้รูปมาจากไหน”
“ผมถ่ายเก็บเอาไว้ตอนที่กำลังจะสมัครงาน, จริงๆแล้วผมแค่จะอยากถ่ายรูปภาพของดอกกล้วยไม้ม่วงเก็บเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าในรูปถ่ายจะมีรูปบุคคลสำคัญติดมาด้วย”
ไม่กี่นาทีต่อมา, ข้อมูลของอู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ปรากฏออกมาในกระทู้ที่พูดคุยเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“พวกนี้คือข้อมูลที่พอจะหาได้ในตอนนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพวกนี้แล้ว, มีความเป็นไปได้สูงว่าคนๆนี้จะเป็นประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆ”
“ไม่มั๊ง, เขาดูหนุ่มเกินไป ดูยังไงๆอายุก็น่าจะอยู่ในช่วง 20 เท่านั้น”
“ฉันเพิ่งลองโทรไปหาที่ทำงานเก่าของเขาดู, ดูเหมือนจะยืนยันได้ว่าเขาได้ออกจากงานและกลับไปที่หลีฉุยในตอนช่วงปีใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นนะ, ในตอนนั้นเขาเพิ่งได้เงินมาราวๆ 30 ล้านหยวนจากการขายหยกและซื้อรถใหม่ และรถคันนี้สามารถพบเห็นเข้าออกที่บริษัทชั่วคราวของฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่บ่อยๆ”
มีหลายคนที่ยังไม่เชื่อเรื่องนี้, เหตุผลหลักๆเป็นเพราะอู๋ฮ่าวเหรินนั้นยังดูหนุ่มเกินไปที่จะสามารถสร้างบริษัทแบบนี้ขึ้นมาได้
“จริงๆแล้ว, ผมก็สงสัยอยู่นะว่าทำไม ถึงไม่มีพนักงานคนไหนในบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปออกมาเปิดเผยความลับอะไรบ้างเลยนะ”
“จะบ้าเหรอ, ลองคิดดูดีๆสิ ด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อย่างฟิวเจอร์กรุ๊ป, ถ้ามีพนักงานคนไหนกล้าที่จะเปิดเผยขึ้นมา, พวกเขาคงได้แต่รอโดนไล่ออกเท่านั้น”
สำหรับพวกนักข่าวแล้ว, ข้อมูลในเว็บบอร์ดพวกนี้ ถือเป็นการเปิดช่องว่างให้พวกเขา
พวกเขานั้นเคยที่จะสืบหาว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่, แต่ทางรัฐก็ได้ออกมาขัดขวางพวกเขา
เพราะเนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางรัฐ, ตอนนั้นพวกเขาเลยโดนเตือนไป
ในตอนแรก, พวกเขาสงสัยว่าจะต้องมีสถาบันวิจัยหนุนหลังอยู่, เพราะว่าพวกเขาพบว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีเงินอัดฉีดจากต่างประเทศ, แต่ว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นกลับไม่ใช่บริษัทร่วมทุน แต่เป็นบริษัทเอกชน, ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก
ในตอนนี้ข่าวนี้เหมือนเป็นการเปิดช่องทางให้กับพวกนักข่าว ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินเป็นประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆล่ะก็ การสืบสวนที่ผ่านมาของพวกเขาก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
แต่พวกนักข่าวก็ยังรวดเร็วกว่าพวกคนในอินเตอร์เนทอยู่ดี ทันที่ที่พวกเขาได้ทราบข้อมูลของอู๋ฮ่าวเหริน
แน่นอนว่า, มันเป็นแค่ข้อมูลที่คนธรรมดาหาได้เท่านั้น สำหรับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสโดยทางรัฐนั้น, พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้
หลังจากที่พบว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นเป็นคนมาจากหมู่บ้ายซุยฉุ่ยแล้ว, พวกนักข่าวเหล่านี้ก็รู้ว่าที่นั้นต้องมีเค้ามูลอะไรอยู่แน่ๆ
อู๋ฮ่าวเหรินออกจากระบบซองแดง, ซึ่งกำลังค้นหาเทคโนโลยีตัวเก็บข้อมูลอยู่, และจู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
“ลิวหมิงเยว่, เกิดอะไรขึ้น? โทรหาผมเวลานี้มีอะไร?”
ลิวหมิงเยว่นั้นกำลังมองดูข้อความและข้อมูลที่เกี่ยวกับประธานบริษัทในเว็บบอร์ด เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปิดซ่อนได้อีกต่อไปแล้ว, เธอจึงรีบโทรหาอู๋ฮ่าวเหริน
“หัวหน้าคะ, ข้อมูลของคุณถูกเปิดเผยแล้ว พรุ่งนี้เช้าระวังตัวให้ดีๆนะคะ จะต้องมีนักข่าวไปขวางทางคุณเพื่อขอสัมภาษณ์แน่ๆค่ะ”
“โอ้, ผมไม่คิดนะว่าจะปกปิดมาได้ถึงขนาดนี้ เอาเถอะ, เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณก็ช่วยบอกคนในบริษัทให้ผมหน่อยก็แล้วกันว่า ช่วงนี้ผมอาจจะไม่เข้าไปที่บริษัทสักพัก ถ้าพวกคุณมีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้โดยตรง”
ลิวหมิงเยว่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกว่าหัวหน้านั้นต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ? ตั้งแต่ที่เธอมาที่บริษัทนี้, เธอพยายามที่จะฝ่าเข้าไปในดวงใจของหัวหน้าทุกวัน, แต่หัวหน้านั้นกลับยังสงบอยู่ได้, ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกเสียใจ
หลังจากที่เธอวางสายโทรศัพท์ เธอก็เห็นโจ้วหลานยิ้มและพูดขึ้น: “ฉันบอกเธอแล้ว, หัวหน้าน่ะไม่สนใจหรอก, แต่เธอก็ไม่เชื่อฉัน, ดังนั้นตามที่พนันกันไว้ เสื้อผ้าสัปดาห์นี้เธอเป็นคนซักนะ, อย่าลืมล่ะ, ฉันจะเสริมสวยก่อนนอนละ, ฮะๆๆ….”
ลิวหมิงเยว่ทำสีหน้าเจ็บใจ, และหมอนที่เธอถืออยู่มือนั้นก็เต็มไปด้วยรอยชก ดูเหมือนว่าเธอจะใช้หมอนใบนี้แทนหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน
อู๋ฮ่าวเหรินออกมาจากห้อง, และมองดูน้องสาวของเขาที่กำลังหลับอยู่, และเคาะประตูห้องของพ่อแม่
“พ่อกับแม่, นอนหลับกันไปรึยังครับ?”
“ยังหรอกลูก, พ่อกำลังดูทีวีอยู่ มีอะไรรึเปล่า?” อู๋ชิงไห่ลุกขึ้นมาเปิดประตู
“ดูเหมือนข้อมูลของผมจะถูกเปิดเผยบนอินเตอร์เนทซะแล้วล่ะครับ นักข่าวจำนวนมากน่าจะพากันแห่มาพรุ่งนี้ ถ้าพวกเขาถามหาผม, ก็บอกไปว่าผมออกไปข้างนอกแล้ว แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาทางอำเภอและขอให้พวกเขาส่งกำลังตำรวจมาช่วย และถ้าเกิดมีปัญหาอะไร, ก็บอกตำรวจให้จัดการได้เลยนะครับ ผมจะออกไปข้างนอกสักพักหนึ่ง, อาจจะซักสัปดาห์”
“เข้าใจแล้ว, ถ้าเป็นแค่นักข่าว พ่อกับแม่น่าจะจัดการได้ แล้วลูกจะไปที่ไหนเหรอ?”
“ว่าจะไปที่ลั่วหยางก่อน ผมมีธุระต้องไปทำที่นั่น บางทีอาจจะไปที่อื่นต่อ”
“ถ้างั้น ขอให้เดินปลอดภัยนะลูก”
“ลูกรัก, ตอนที่ออกไปข้างนอก ถ้าเกิดลูกเจอคนที่เหมาะสมกับลูก ก็พาแฟนของลูกกลับมาบ้านด้วยก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินที่แม่เขาพูด, อู๋ฮ่าวเหรินก็ผงกหัวและเดินกลับไปที่ห้องของเขา
ข้อมูลถูกเปิดเผยแล้ว, เขาจึงคิดที่จะอาศัยช่วงเวลานี้, ไปตามหาต้นตระกูลของนักร้องดังกับลุงชาวจีนดีกว่า
สัปดาห์หนึ่ง, ข่าวคงน่าจะซาไปบ้างแล้ว, คนพวกนั้นพอได้รู้เรื่องอะไรที่พวกเขาอยากจะรู้แล้ว คงจะเลิกกวนเขาไปเอง
แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้ดีว่าอนาคตของเขานั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสงบสุขต่อไปอีกแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องหามาตรการเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านซุยฉุ่ย
———————————–
คอมเม้นต์