อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 142
CF:บทที่ 142 โทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด
ตอนตี 5 ของเช้าวันต่อมา, อู๋ฮ่าวเหรินซึ่งยังไม่ได้แม้แต่จะทานข้าวเช้าจากบ้าน, ได้ออกมาหาอู๋เชิงเพื่อบอกให้เขาขับรถพาฉันไปที่อำเภอ
จากนั้นฉันก็นั่งรถแท๊กซี่ต่อเข้าไปในตัวจังหวัด โดยไม่ได้หยุดแวะพักที่ไหนตลอดทาง ฉันจะต้องออกจากเมืองให้ได้ก่อนที่พวกนักข่าวจะไหวตัวทัน
ในอนาคต, มันอาจจะไม่เป็นเรื่องง่ายแล้วที่จะออกไปไหนมาไหน เพียงแค่เดินไปตามถนนในช่วงนี้, ก็อาจจะมีคนจำได้
ฉันไม่คิดว่าโทรเข้าสายแรกจะมาตอน 7 โมงเช้า แล้วพบว่าโทรมาจากอดีตเพื่อนร่วมงาน เขาจะต้องโทรมาเพื่อถามหาเรื่องนี้แน่ๆ
“สวัสดี, ลูกพี่เหอ, นึกยังไงถึงโทรมาหาผมเวลานี้? คงไม่ใช่เรื่องของข่าวในอินเตอร์เนทหรอกนะ,ใช่มั๊ย?”
“ถ้านายรู้อยู่แล้วก็, บอกข้ามาทีซิว่านายคือประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆ”
“ใช่ครับ”
“แม่เจ้าโว้ย, ไอ้หนูนี่, แปบนะ, ขอข้าหายใจแปบนะ…”
“เมียจ๋า, เมียจ๋า, อย่างที่ข้าบอกไปประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของข้าจริงๆด้วย เมียจ๋าอาจจะไม่เชื่อ แต่ดูนี่สิ…”
อู๋ฮ่าวเหรินพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนคนๆนี้ก็ยังเอะอะโวยวายเหมือนเมื่อก่อน
“สวัสดีครับอาซ้อ, ผมฮ่าวเหรินครับ”
“ที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงเหรอ ที่คุณเป็นประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆเหรอ?”
“อื้ม”
“ตายแล้ว…”
“เอาล่ะ, ข้าไม่กวนนายต่อแล้ว ข้ามั่นใจว่าจะต้องมีคนโทรหาเจ้าทีหลังแน่ๆ แล้วเดี๋ยวซักวันข้ากับอาซ้อของนายจะไปหาเศรษฐีคนใหม่หน่อยว้อย ฮ่าๆๆ!”
“ยินดีครับ ผมยินดีต้อนรับลูกพี่กับอาซ้อเสมอครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินวางสายแล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋า, แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก
“ว่าไง, เสี่ยวเหมย, เธอจะต้องโทรมาหาผมเพื่อถามเรื่องข่าวเมื่อคืนแน่เลย เอาเป็นว่าผมบอกเธอก่อนเลยละกันว่า มันเป็นเรื่องจริง”
“ดูเหมือนคุณน่าจะรู้เรื่องอยู่แล้วสินะ หวังว่าคุณจะไม่ได้หลอกเสี่ยวเหมยนะ, ไม่งั้นฉันจะเลิกคบกับคุณแน่”
“ฮ่าฮ่า, ตอนนั้นผมก็จะบอกแล้วล่ะนะ, แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป จะว่าไป,เสี่ยวเหมยยังอยากจะเข้าบริษัทผมอยู่รึเปล่า? ตอนนี้บริษัทผมยังขาดคนอยู่เยอะ”
“แต่ไม่ไปหาคุณหรอกนะ บ้านฉันอยู่ที่จังหวัดนี้ จึงว่าจะสมัครทำงานออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าฉันจะทำได้รึเปล่านะ”
“ไม่มีปัญหา, ไม่มีปัญหาถ้าเป็นเสี่ยวเหม่ย, คุณเข้าไปกรอกข้อมูลทิ้งไว้ในเว็บไซต์เลยนะ แล้วเดี๋ยวผมจะหาทางช่วยคุณเอง”
“ถ้างั้นขอบคุณมากค่ะ หัวหน้า”
หลังจากวางสายไป มือยังไม่ทันที่จะวางโทรศัพท์, โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก, ตอนนี้คนขับรถแท็กซี่เริ่มหันมามองที่อู๋ฮ่าวเหรินอย่างสงสัย
“ไง ไอ้เกลอ, ที่เขาพูดกันในอินเตอร์เนทเป็นนายจริงๆเหรอ?”
“ใช่, ถ้าบอกไม่ไปนายก็คงไม่เชื่ออยู่ดี”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยวุ๊ย ว่าจะมีมหาเศรษฐีอยู่ในหมู่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของฉัน! OK, ยืนยันข่าวละ ฉันวางสายล่ะ นายจะต้องรับสายอีกเยอะแน่ๆ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่โทรศัพท์อย่างพูดอะไรไม่ออก มันแทบจะไม่จำเป็นต้องออกห่างจากหูเลย ต้องรับสายตลอดเวลา
การกระหน่ำโทรมาแบบนี้ ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงสถานีรถไฟ, โดยไม่ได้หยุดเลย
คนขับแท็กซี่ที่กำลังเก็บตังค่าโดยสารจากอู๋ฮ่าวเหรินก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “พ่อหนุ่ม, คุณไม่ได้ขายประกันหรอกใช่มั๊ย!”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูโทรศัพท์ที่เพิ่งจะวางไปและยิ้มแบบบูดเบี้ยวให้คนขับแท็กซี่: “ถ้าผมขายประกันนะ, ผมคงมีความสุขจนตายเลย ถ้ามีลูกค้าเยอะขนาดนี้ คุณดูสีหน้าตอนนี้ของผมนะว่าใช่สีหน้าเป็นสุขรึเปล่า? แล้วก็, คุณลุง, ผมจะรีบไปขึ้นรถไฟ, ดังนั้นไม่ต้องทอน”
มองดูอู๋ฮ่าวเหรินถือกระเป๋าเดินทางและมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ, คนขับรถโบกมือให้ก่อนที่จะมองหาลูกค้าคนต่อไป ซึ่งเขาคงไม่รู้ว่าเขานั้นได้ขับรถมาส่งคนที่กำลังมีอิทธิพลต่อโลกในเช้าวันนี้
“โชคยังดีนะว่า, โทรศัพท์ของฉันนั้นเป็นรุ่นทำขึ้นพิเศษโดยมิสเตอร์เรดาร์, ไม่งั้นมันคงพังไปนานแล้ว”
คงไม่มีใครคิดหรอกว่าชิ้นส่วนประกอบภายในของโทรศัพท์เครื่องนี้นั้นมาจากอนาคต
“จี้, ถ้าไม่ใช่โทรศัพท์สำคัญ, ช่วยจัดการตัดสายที่เหลือทิ้งให้ทีนะ, ไม่งั้นแล้ว ผมคงกลัวที่จะต้องรับโทรศัพท์ในวันนี้ทั้งวันแน่”
ในตอนนี้, กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับอู๋ฮ่าวเหรินนั้น ต่างก็อยากที่จะรู้ว่าเขานั้นเป็นประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆหรือเปล่า
หลังจากที่คิดได้แบบนั้น, เขาก็โทรหาหลี่เหวินหัว
“ทำไมคุณถึงเพิ่งจะโทรมาหาผมเอาป่านนี้,
ตอนนี้ในอินเตอร์เนทกำลังคลั่งเพราะข่าวของคุณอยู่ แม้แต่เพื่อนของผมยังต้องโทรมาถามเรื่องของคุณเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าคนๆนี้คงกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ, ก่อนจะตอบกลับไปแบบเศร้าๆ: “หยุดเลย, โทรศัพท์ของผมเองก็ดังไม่หยุดตลอดเวลา, และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย ผมโทรมาหาคุณเพื่อขอให้คุณช่วยส่งตำรวจไปที่หมู่บ้านซุยฉุ่ยให้หน่อย ตอนนี้น่าจะมีพวกนักข่าวไปรุมทึ้งแล้ว ตอนนี้ผมออกมาข้างนอกแล้ว คงจะไม่กลับมาอีกซักพัก”
“อะไรนะ คุณหนีไปแล้วเหรอ?”
“ใครบอกคุณว่าผมหนีกัน? ผมมีธุระที่ต้องออกมาทำต่างหาก, ดังนั้นเรื่องในอำเภอหยุนหลงคงต้องลำบากคุณแล้ว”
หลี่เหวินหัววางแก้วชา ตอนนี้เขารู้สึกว่าหัวเขากำลังหนักๆ คนๆนี้ได้ออกไปแล้ว ดูเหมือนพวกนักข่าวน่าจะไหวตัวไม่ทัน
“อย่ามาโกหกน่า, แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของหมู่บ้านซุยฉุ่ย เมื่อเช้ามีคนของกองทัพขับรถผ่านไป, แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องของรักษาความปลอดภัยที่คุณต้องการ, ทางกองทัพจะจัดหาให้คุณอย่างเร็วที่สุด”
หลังจากวางหูโทรศัพท์ไป เขาก็มองดูข่าวจากทีวีที่อยู่ตรงหน้าเขา อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบหยิบแว่นตาดำขึ้นมาสวม มันเร็วเกินไปแล้ว ตอนนี้ข่าวออกเต็มไปหมดแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องระวังตอนเดินบนถนนแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกจับตัวได้ เขาจึงหมวกขึ้นมาสวมด้วย ดีนะว่าที่เขาได้เตรียมไว้ก่อนแล้ว
หลังจากที่ขึ้นบนรถไฟแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็หาที่นั่งลง หาอะไรมาคลุมหน้าไว้ แล้วนอนเอนตัวทำเป็นหลับ แต่จริงๆแล้วเขากำลังเข้าระบบซองแดงอยู่
ระหว่างทางที่ฉันเดินมาขึ้นรถไฟนั้น, ฉันได้ยินประมาณ 7 ถึง 8 ครั้งที่มีคนพูดถึงเรื่องเขา ถ้ามีคนจำเขาได้ที่นี่, ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
แน่นอนว่า, การแต่งตัวที่แปลกประหลาดของเขา ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขา ให้มามองที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ
หลังจากที่เข้าระบบซองแดงไปแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็มองดูคนในกลุ่มกำลังคุยกันถึงเรื่องของสมรรถนะของยานรบรุ่นใหม่ล่าสุด
เฮ้อ, เมื่อใดที่พวกเขาคุยกันถึงเรื่องสิ่งของล้ำยุคแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นกลายเป็นคนไร้การศึกษาทุกครั้งไป
เมื่อฟังพวกเขาคุยกันแล้ว, เปิดปากออกมาก็ทฤษฎีXX, หรือ กฏเกณฑ์XXทางวิทยาศาสตร์ แบบเดียวกับที่เราพูดถึงเรื่องโลกกลมและแรงโน้มถ่วงนั่นแหละ
เขายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรก็มีใครบางคนทักเขาขึ้นมา, เพื่อเป็นการปิดบังความไร้การศึกษาของเขา, อู๋ฮ่าวเหรินจึงรีบย้ายห้อง
กลุ่มคนในกลุ่มเลเวล 2 นั้น กำลังคุยกันถึงเรื่องของผู้หญิง หลักๆก็พวกการดูแลรักษาใบหน้าและผิวพรรณของผู้หญิง ซึ่งคนที่พูดหลักๆคือสาวเจ้าสเน่ห์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ และเธอก็มักให้คำแนะนำวิธีการรักษาให้กับเหล่าผู้ชายด้วยราวกับเป็นแอมเวย์
อู๋ฮ่าวเหรินฟังอยู่สักพักแล้วจึงถามไป, “คุณพอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์รักษาใบหน้าหรือผิวพรรณของมนุษย์ในช่วงยุคก่อนจะออกจากโลกมั่งไหมครับ?”
อย่างไรก็ตาม, คนในห้องนี้ต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเขาคือพ่อค้าของเก่าในยุคโลกโบราณ จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“มีอยู่นะ, ฉันมีผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับดูแลรักษาคุณผู้หญิงในยุคต่างๆอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสูตรลับของการทำน้ำหอมต่างๆอยู่ด้วยนะ เช่นเดียวกับเคล็ดลับเสริมความงาม”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกเริ่มสนใจขึ้นมา หลังจากที่เขาขายอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดแล้ว ร้านค้าเฉพาะอย่างของเขาคงจะขายได้แต่เครื่องดื่มของไปสักระยะแน่ๆ, และยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมา
เขากำลังคิดอยู่ว่าจะทำผลิตภัณฑ์อะไรออกมาอีกต่อดี, หรือจะทำอุตสาหกรรมน้ำหอมดี, แต่น้ำหอมคุณภาพสูงโดนผูกขาดโดยแบรนด์น้ำหอมต่างชาติหมดแล้ว
“คุณคงไม่ได้จะต้องการข้อมูลเหล่านี้เพื่อไปศึกษาโลกยุคนั้นหรอกใช่มั๊ย?”
เห็นมั๊ย, คุณไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลเลย นี่แหละประโยชน์ของการมีชื่อเสียง เมื่อผู้คนรู้จักคุณแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก
“ผมมีแผนการบางอย่างอยู่ ถ้าเป็นไปได้คุณช่วงเรียบเรียงและส่งตัวคัดลอกของข้อมูลเหล่านั้นให้ผมหน่อยทีสิครับ บางทีผมอาจจะเอาไปใช้ศึกษาอะไรบางอย่างได้”
มีหลายๆคนในกลุ่มซองแดง ที่ต่างก็ต้องถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นพฤติกรรมของเขา
“ก็ได้, เดี๋ยวฉันจะจัดการเซฟข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณนะ แต่ข้อมูลพวกล่าสุดคงจะไม่ได้ เพราะมันเป็นความลับห้ามส่งต่อ คงให้ได้แต่พวกข้อมูลเก่าๆ แต่ว่านะ, ถ้าเกิดพอจะพบของโบราณที่เกี่ยวกับด้านนี้ ก็อย่าลืมฉันเสียล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง, ผมสัญญาว่าจะไม่ลืมแน่นอน ขอให้เป็นข้อมูล, ยิ่งเก่าก็ยิ่งดี ซึ่งจะดีมากถ้าเป็นพวกข้อมูลในช่วงเริ่มต้นของยุคท่องอวกาศ”
อู๋ฮ่าวเหรินคิด, ถ้าข้อมูลล้ำยุคมากเกินไป ด้วยเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน, คงไม่สามารถที่จะทำได้อยู่ดี
———————-
คอมเม้นต์