อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 147
CF:บทที่ 147 “ผีเสื้อ” อีกตัวหนึ่ง
ขณะที่กำลังเดินชมทิวทัศน์อยู่, อู๋ฮ่าวเหรินก็เจอโรงแรมที่ดูดีหน่อยจึงเข้าไปเปิดห้องพัก เมื่อทำการบันทึกข้อมูลเสร็จแล้ว, เขาก็ถูกจ้องมองโดยพนักงานต้อนรับด้วยสายตาที่สงสัย
สถานการณ์แบบนี้นั้น แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่มีทางเลือก, เป็นเพราะข้อมูลในบัตรประชาชนของเขา กับพาดหัวข่าวของเขาในวันนี้ของสำนักข่าวใหญ่ๆทั้งหมด, จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเท่าไร
ถ้าจะมีใครบางคนทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อว่า เขานั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้
ส่วนหลิงเหยาหลังจากอู๋ฮ่าวเหรินลงจากรถไป, เขาตีรถกลับและขับกลับขึ้นไปบนเขา ซึ่งตัวเขานั้นไม่คาดคิดว่าอู๋ฮ่าวเหรินประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ป, ที่สำนักข่าวใหญ่ทั้งหมดกำลังควานหาตัวเขาอยู่นั้น, กลับมาตามหาคุณปู่ของเขาอยู่ที่นี่
เมื่อเขากลับไปที่ยอดเขาอีกครั้ง, เขาก็พบคุณปู่กับนักพรตเต๋ากำลังมองดูสิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินทิ้งไว้ให้กันอยู่ แน่นอนว่า, ผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้รู้เรื่องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลย, พวกเขาจึงไม่รู้วิธีใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด
“เสี่ยวเหยา, ทำไมเจ้าถึงได้กลับมาไวนัก?”
“เขาขอลงที่ตรงตีนเขาน่ะครับ, เขาบอกว่าอยากจะขอชมทิวทัศน์ด้านล่างซักหน่อยน่ะครับ, แล้วผมก็เลยตีรถกลับมา”
มองดูผู้เฒ่าทั้งสองคนที่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดคืออะไร, หลิงเหยาจึงพูดขึ้น: “ท่านปู่ครับ, ตัวตนของชายคนเมื่อกี้นั้นค่อนข้างจะซับซ้อน, เขาคือชายผู้ส่งผลกระทบอย่างมากกับโลกในตอนนี้”
“โห”
ผู้เฒ่าทั้งสองคนรู้สึกสนใจขึ้นมา หลิงหยวนเจี่ยนั้นรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หลานชายของเขาจะเอ่ยปากพูดถึงใครซักคนขึ้นมา
“สิ่งที่พวกท่านเห็นมันถูกเรียกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ตราบเท่าที่มันถูกเปิดใช้งานอยู่และใส่ไว้ที่ข้อมือของคุณ, คุณจะสามารถใช้มันตรวจสอบสุขภาพของตัวเองและหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งผมเองก็ได้สั่งทำพิเศษไว้เครื่องหนึ่งสำหรับตระกูลของเรา”
ขณะที่เขาพูดอยู่, เขาก็หยิบอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดในมือของปู่ของเขาขึ้นมา แล้วพบว่ามันไม่มีปุ่มรีเซ็ตเหมือนรุ่นอื่นๆ, มีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น
เขาจึงลองเปิดใช้งาน, แล้วใส่มันไว้ที่ข้อมือของเขาเพื่อมองดูข้อมูล แล้วเขาก็พบว่าเครื่องที่เขาใช้อยู่ตอนนี้มันแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ซึ่งมันมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก
“คุณปู่ครับ, ดูนี่สิครับ, นี่คือผลการตรวจร่างกายของผมในปัจจุบัน”
นักพรตเต๋าจับข้อมือของหลิงเหยาขึ้นมาดูและก็พบว่ามันเป็นไปตามที่หลิงเหยาอธิบาย เขานั้นเป็นมีความรู้ด้านการแพทย์เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของยาสมัยใหม่ก็เถอะ, แต่เขาก็พอจะเข้าใจในคำอธิบายของหลิงเหยา
“เจ้าเครื่องนี้! ดูเหมือนตัวตนของมันจะทำลายผู้ชำนาญการแพทย์มากมายได้อีกครั้งเลยนะเนี่ย” นักพรตเต๋าพูดอย่างเศร้าๆ
“คุณปู่ครับ คุณปู่ก็ควรจะลองดูบ้างนะครับ ดูเหมือนว่ามันจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องที่ผมซื้อมาเสียอีกครับ เจ้าเครื่องนี้น่าจะเป็นรุ่นพิเศษของเขา”
หลิงเหยานั้นไม่รู้จะพูดถึงอู๋ฮ่าวเหรินยังไง, เขาคิดว่าชายคนนี้นั้นไม่ได้ใส่ระบบการทำงานทั้งหมดไว้ในรุ่นที่วางจำหน่าย เพราะถ้าเกิดทุกเครื่องนั้นมีระบบการทำงานเหมือนเครื่องนี้, บางประเทศอาจจะถึงขั้นคุ้มคลั่งและบางบริษัทอาจจะต้องล้มละลายไปเลย
หลังจากทดลองเสร็จ, ท่านผู้เฒ่าทั้งสองคนก็เหมือนกับต้องมนต์ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเทคโนโลยีนั้นจะสามารถสร้างสิ่งของแบบนี้ออกมาได้
ในขณะเดียวกัน, พวกเขาก็เริ่มสงสัยเรื่องตัวตนของอู๋ฮ่าวเหรินขึ้นมา แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าหากันและคิดถึงเรื่องของ”โอกาส” หรือว่าคนนี้ๆจะเป็นอะไรที่พวกเขาเรียกกันว่า”โอกาส”จริงๆ”
ส่วนอู๋ฮ่าวเหรินที่ไม่รู้เรื่องที่ผู้เฒ่าทั้งสองคนกำลังสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขาอยู่นั้น เขากำลังมองดูข้อมูลของเทพสงครามทีละเล็กทีละน้อยอยู่
เริ่มตั้งแต่เรื่องที่เทพสงครามเริ่มสร้างชื่อเสียง, ข้อมูลพวกนี้นั้นละเอียดมาก, เรียกได้ว่านักข่าวดารานั้น ได้รวบรวมข้อมูลพวกนี้มาอย่างตั้งใจจริงๆ
หลังจากที่อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว, เทพสงครามนี้คือผู้ยิ่งใหญ่ที่เสียสละทุกสิ่งเพื่ออารยธรรมมนุษย์อย่างแท้จริง
แต่พักเรื่องพวกนี้ไว้ก่อน, เขาเริ่มลงมืออ่านข้อมูลของหลิงหยิ่งบ้าง, และทำการแกะข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับเธอ
“จี้, ข้อมูลของหลิงหยิ่งนั้นมีแค่ถึงแค่ 20 ปีก่อนเองเหรอ, แล้วข้อมูลตอนเกิดของเธอล่ะ?”
“ไม่มีค่ะ, ตามข้อมูลข้างต้น, ช่วงเวลาเกิดของเธอน่าจะเป็นช่วงสงคราม แต่ทว่า, ก็ไม่มีบันทึกในเรื่องอยู่เลย, มีแต่เพียงข้อมูลเมื่อ 20 ปีก่อนเท่านั้นค่ะ”
จากเบาะแสนี้, อู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มค้นหาต่อ,
มันน่าจะมีอะไรเพิ่มเติมบ้างน่า
“อืม, หนึ่งปีก่อนที่หลิงหยิ่งของเทพสงครามจะเกิดนั้น, ได้ถูกรุกรานโดยพวกเผ่าตัวเลือดและพวกอารยธรรมพาลอส ที่ศึกษาวิจัยเรื่องการก้าวข้ามกาลเวลานั้น ในตอนนั้น, มีเพียงเทพสงครามที่รอด ผู้คนล้มตายเป็นล้าน และรวมถึงฝ่ายที่รุกรานด้วย”
ดูเหมือนน่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับข่าวนี้, เพราะดูเหมือนเทพสงครามนั้นมักจะถูกลอบสังหารโดยพวกตัวเลือดอยู่ตลอดเวลา, และการโจมตีพวกนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับพวกอารยธรรมสูงส่ง, พาลอส
อย่างไรก็ตาม, อู๋ฮ่าวเหรินได้พยายามปะติดปะต่อข้อมูลพวกนี้เข้าด้วยกัน, เขาพบว่ายังมีเรื่องแปลกๆอยู่ พวกอารยธรรมสูงส่งที่ช่วยเทพสงครามในการช่วยเหลือหลิงหยิ่งนั้นกลับไม่มีข้อมูลปรากฏอยู่เลย แทบจะเรียกได้ว่าเทพสงครามนั้นไม่เคยพูดถึงข้อมูลในเรื่องนี้เลย
แต่ตราบเท่าที่อ่านรายงานข่าวพวกนี้แล้ว, เหมือนว่าอารยธรรมสูงส่งที่ว่าก็คืออารยธรรมนั้นนั่นแหละ
แน่นอนว่า, การวิเคราะห์ข่าวโลกนั้นของเขานั้นก็เป็นเพียงในมุมมองของผู้ชมเท่านั้น มันจึงน่าจะมีบางอย่างที่ไม่ตรงกับที่เขาคิดก็เป็นได้”
“ข้อมูลตรงส่วนนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ” จู่ๆจี้ก็พูดขึ้นมา
มองดูข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์ที่ส่งมาโดยจี้ อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกนิ่งไปชั่วขณะ
“นี่เรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“นี่เป็นข้อมูลที่ฉันพบโดยผ่านบางช่องทางซึ่งมันดูน่าแปลกมาก ทั้งสองคนที่ตายพร้อมกันนั้น, ข้อมูลเรื่องการตายของพวกเขาแปลกมาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า, ตอนที่พวกเขาตายนั้น, หลิงเมิ่งเสวี่ยก็ได้ประสบอุบัติเหตุในเวลาเดียวกันด้วย, ซึ่งทำให้กลายมาเป็นแบบเช่นทุกวันนี้”
อู๋ฮ่าวเหรินพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ: “ด่วน, ด่วนเลยจี้, คำนวณช่วงเวลาให้หน่อย, ว่ามันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เทพสงครามถูกโจมตีหรือเปล่า?”
“ความบังเอิญของช่วงเวลาทั้งสองไม่สามารถยืนยันได้ อาจเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น สถานการณ์ของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสองนั้นต่างก็ไม่ชัดเจนทั้งคู่ จึงทำให้ไม่สามารถยืนยันอย่างแม่นยำได้ค่ะ”
จากเรื่องนี้, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นเริ่มสงสัยเรื่องเกี่ยวกับการตายของทั้งสองคนนี้มากขึ้นไปอีก เขาคิดว่าเรื่องการตายของทั้งสองคนนั้นเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในเรื่องข้อมูลเท่านั้น แต่ตอนนี้, ดูเหมือนว่าจะไม่น่าใช่เพราะข้อมูลผิดพลาดซะแล้ว, จากในจุดนั้นทำให้เขาคิดว่า, จะต้องมี “ผีเสื้อ” ที่เหมือนกับเขาอยู่แน่
เพราะถ้าไม่มีผีเสื้อตัวนี้เกิดขึ้น, เรื่องราวต่างจะต้องตรงตามข้อมูลที่หลิงหยิ่งได้ให้เขาไว้ และวิถีของโลกจะต้องไม่ถูกเปลี่ยนไปเช่นกัน
ตอนนี้เขาคิดถึงในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ได้พูดถึงไว้, พวกอารยธรรมพาลอส, การทดลองก้าวข้ามกาลเวล, การรุกรานของกองทัพแมลง, และการตายที่น่าประหลาดของทั้งสองคน
เป็นไปได้ว่าอารยธรรมพาลอสนั้นได้นำเอาเทพสงครามมาทดลองก้าวข้ามการเวลาของพวกเขา อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ได้บอกไว้, ตราบเท่าที่มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งมากพอ, และจิตวิญญาณของคนล้านคนนั้นรวมเข้าด้วยกัน, มันก็น่าจะเพียงพอ
และถ้าการทดลองก้าวข้ามเวลาของพวกอารยธรรมพาลอสนี้เกิดขึ้นจริง เทพสงครามอาจจะคือ “ผีเสื้อ” ตัวที่ว่า และหลิงเมิ่งเสวี่ยก็จะไม่มีตัวตนเกิดขึ้น และคู่รักทั้งสองคนก็จะยังมีชีวิตอยู่
อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มรู้สึกว่าตัวตนของหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นเหมือนกับบัคของโปรแกรม ซึ่งเกิดจากปัญหาบางอย่าง บางทีเขานั้นอาจจะต้องขอบคุณพวกอารยธรรมพาลอสสำหรับระบบ “ผีเสื้อ” ของพวกเขา, ซึ่งทำให้ระบบซองแดงนั้นปรากฏขึ้นมา
“จี้, มีความเป็นไปได้มั๊ยว่าหลิงหยิ่งนั้นจะคือหลิงเมิ่งเสวี่ยตอนนี้?”
“เป็นศูนย์ค่ะ”
“แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ ตามในข้อมูลพวกนี้ ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกนั้นได้ถูกทำให้เกิดโดยหลิงเมิ่งเสวี่ย เธอนั้นถูกพาตัวไปที่โลกอนาคตและกลายมาเป็นหลิงหยิ่ง ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของช่องว่างกาลเวลามากนัก แต่จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ หลิงเมิ่งเสวี่ยไม่ได้ถูกพาตัวไป, และพ่อแม่ของเธอที่ควรจะต้องมีชีวิตอยู่กลับตาย”
“มันไม่สมเหตุสมผลค่ะ หลิงหยิ่งในปัจจุบันจะมีตัวตนขึ้นมาได้อย่างไร? บ้ามากค่ะ, ลืมเรื่องมิติคู่ขนานไปได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ที่แต่ละช่องว่างกาลเวลานั้นมันจะมีช่องว่างกาลเวลาเป็นของตัวเองได้”
“……”
จี้นั้นทำให้อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก แน่นอนว่า, มันเปล่าประโยชน์ที่จะถามเธอในเรื่องแบบนี้ เธอเป็นเพียงแค่ระบบสมองกลที่มีต้นแบบจำลองมาจากสมองของมนุษย์เท่านั้น
อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มรู้สึกว่าเธอนั้นคงจะมีปัญหาบ้าง, เพราะคนนับไม่ถ้วนต่างก็คิดถึงเรื่องนี้กัน, แม้แต่พวกอารยธรรมสูงส่งก็ยังศึกษาเรื่องนี้ ถ้าเธอเข้าใจพวกเขา, เขาคงไม่ต้องยืนมึนแบบนี้
————————-
คอมเม้นต์