อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 148
CF:บทที่ 148 โรคกาล-อวกาศ
อู๋ฮ่าวเหริน, ผู้ซึ่งออกมาหาอะไรทานข้างนอกโรงแรม, มองดูท้องฟ้า, ก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่และรีบกลับไปที่โรงแรม
ในขณะเดียวกันที่หมางชาน, สองชายชรา หนึ่งหญิงชรา และหนึ่งชายหนุ่มกำลังล้อมรอบ หลิงเมิ่งเสวี่ยที่กำลังทำตัวเหมือนเด็กอยู่นั้น
“ข้อมูลออกมาแล้ว”
“ว่าอย่างไรบ้าง?” ผู้เฒ่าทั้งสามคนจ้องไปที่หลิงเหยาและถามอย่างร้อนใจ
จากการทดลองในตอนบ่ายนั้นทำให้พวกเขาได้รู้ถึงประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ซึ่งไม่ว่าจะทดลองกับพวกเขาหรือพวกข้ารับใช้, ข้อมูลทั้งหมดที่ออกมาล้วนแต่ถูกต้อง
เพราะแบบนี้, ผู้เฒ่าทั้งสามคนจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้อุปกรณ์นี้กับหลิงเมิ่งเสวี่ย พวกเขานั้นอยากรู้ผลการวินิจฉัยโรคของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด เพื่อที่จะได้รู้ว่าหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นเป็นอะไรกันแน่
“ผลที่ออกมานั้นแปลกมาก ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร? สุขภาพร่างกายของน้องสาวนั้นปกติดี เธอแข็งแรงมาก อาจจะแข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกันกับเธอซะอีก มันมีคำอธิบายถึงเรื่องของอาการทางจิตอยู่ด้วย, ท่านนักพรตครับ คุณช่วยมาดูตรงนี้หน่อยครับ ผมไม่เข้าใจเลยครับ”
นักพรตเต๋าจับข้อมือของหลิงเมิ่งเสวี่ยและมองไปที่อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด เขาสามารถเข้าใจคำอธิบายของเจ้าเครื่องนี้ได้ในทันที
ในขณะเดียวกันนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินที่เพิ่งทานอาหารเสร็จได้เดินทางกลับไปยังห้องพักของเขาที่โรงแรม
“อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดได้ถูกใช้ตรวจวินิจฉัยหลิงเมิ่งเสวี่ยแล้วค่ะ นี่คือผลการวินิจฉัยที่ได้รับมาค่ะ”
“ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องการวินิจฉัยสุขภาพ ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปเสียอีก ดูเหมือนจะมีคนที่มีความรู้ด้านการแพทย์ค่อยดูแลเธออยู่สินะ บางทีอาจจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตแบบเต๋าก็ได้ แต่นะ, ข้อมูลตรงนี้คืออะไร? ผมก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าเธอมีปัญหาทางจิต, แต่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร หรือว่าจะเป็นอาการทางจิตที่ไม่สามารถรักษาได้ หรือสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการพิเศษงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่มีข้อมูลแบบนั้นในฐานข้อมูลของฉัน คุณน่าจะเข้าไปในระบบซองแดงเพื่อสอบถามดูนะคะ มันอาจจะเป็นอาการที่จิตที่พิเศษก็เป็นได้ค่ะ”
ดูเหมือนเขาจะต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญการแพทย์จริงๆเสียแล้ว, แต่อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกว่าเขากำลังอยู่ไม่ไกลจากความคำตอบแล้ว
“ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้เชี่ยวชาญ, ผมกลับมาแล้วและอยากจะถามปัญหาเรื่องการแพทย์กับคุณหน่อย”
“ได้, รอแปบนึงนะ, ขอฉันปิดเครื่องตรวจรักษาอนุภาคก่อนนะ มันค่อนข้างกินพลังงานเยอะ ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องหาตัวจ่ายพลังงานมาต่อเพิ่มซะแล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก อะไรคือเครื่องตรวจรักษาอนุภาคกันล่ะนั่นน่ะ? แค่ได้ยินชื่อ มันต้องสุดยอดมากแน่ๆ
“เอาล่ะ, มีปัญหาอะไรจะถามรึ?”
“คุณพอจะรู้จักอาการทางจิตนี้มั๊ย?”
“จิตวิญญาณแยกออกจากกัน!”
ฟังดูแล้วไม่ใช่อะไรที่หมอจะพูดออกมาเลยนะ, แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ก็ได้พูดออกมาแล้ว
“ทำไมคุณถึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา? คุณรู้จักใครที่มีอาการแบบนี้อย่างงั้นเหรอ? อาการแบบนี้มันค่อนข้างจะเกิดขึ้นและพบได้ยากมากเลยนะ”
ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์อธิบายต่อ: “มันถูกค้นพบโดยนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์อวกาศ อาการแบบนี้คนทั่วไปเรียกว่าจิตวิญญาณแยกออกจากกัน ส่วนทางการแพทย์เรียกมันว่าโรคกาล-อวกาศ”
“โรคกาล-อวกาศ! คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“มันคืออาการที่ร่างวิญญาณ หรือจิตวิญญาณ ได้รับประสบการณ์การเปลี่ยนของช่วงกาล-อวกาศ, และทำให้เกิดอาการนี้ขึ้น มีนักวิจัยได้กล่าวไว้, อาการกาล-อวกาศนี้ ไม่ง่ายที่จะเกิดขึ้น มันจะเกิดได้ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษเฉพาะจริงๆเท่านั้น”
ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์อธิบายต่อ “มีอยู่หลายล้านคนบนจักรวาลนี้ ได้เคยได้รับประสบการณ์คล้ายๆกันแบบนี้, แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่มีชีวิตรอดได้”
“ถ้าอย่างงั้น, พอจะมีเคสของคนที่มีประสบการณ์พิเศษแบบที่คุณว่ามา, แต่ว่าจิตวิญญาณถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน, ครึ่งหนึ่งมีความคิดความอ่านเท่าเดิมตลอด, แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับเติบโตในอีกคนหนึ่งได้ไหม?”
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ดั่งเช่นในตำนานโบราณที่เล่าถึงผีสางและพระเจ้า ถ้าเกิดสูญเสียวิญญาณไปแค่ 3-7 ส่วน, มันก็จะมีอาการเป็นแบบที่คุณว่า เรื่องของจิตวิญญาณนั้นยังเป็นปริศนาอยู่ ถึงแม้จะมีการค้นพบแล้วว่ามันมีตัวตนจริง, แต่ก็ไม่มีข้อมูลวิจัยที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณ, แม้แต่ในอารยธรรมชั้นสูงก็ตาม”
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นยังไม่ได้คำตอบที่เขาต้องการ
มันไม่มีทางที่จะรักษาอาการนี้ได้ จากที่ผู้เชี่ยวชาญว่ามา, เคสแบบนี้ถือว่าหายากมาก, และคนที่พบเจอสถานการณ์แบบที่ว่าส่วนใหญ่ก็จะตายในทันที
อย่างไรก็ตาม, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญมา ซึ่งเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิงเมิ่งเสวี่ยและหลิงหยิ่งนั้นเกิดขึ้นได้จริง
และอารยธรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้, อารยธรรมพาลอส บางทีพวกนั้นอาจจะกุมความลับอะไรอยู่ก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้น, จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับระบบซองแดงในตอนนี้, บางทีเทียนหยูกรุ๊ปอาจจะรู้เรื่องพวกนี้บ้างก็เป็นได้
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ไปมากกว่านี้, ซึ่งมันจะต้องก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่ในตอนเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ เพื่อไปตามหาต้นตระกูลของลุงชาวจีนต่อ
อีกทางด้านหนึ่ง, เมื่อนักพรตเต๋าได้มองเห็นการวินิจฉัยอาการของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดแล้ว, เขาก็นิ่งไปชั่วขณะ ซึ่งเขาไม่ได้เห็นข้อมูลในแบบที่อู๋ฮ่าวเหรินเห็น มันบอกแต่เพียงอาการของหลิงเมิ่งเสวี่ยเท่านั้น
“พี่หมิง, เธอเป็นอะไรกันแน่?”
“สูญเสียจิตวิญญาณ, สูญเสียจิตวิญญาณจริงๆด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มันจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดซะแล้ว”
หลิงหยวนเจี่ยรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าเธอสูญเสียจิตวิญญาณไป เขาเองก็ได้เรียนศาสตร์ของเต๋ามาเยอะมาก แน่นอนว่า, เขาเข้าใจความหมายของคำว่าสูญเสียจิตวิญญาณดี
“มันเป็นไปได้อย่างไร! พี่หมิง, คุณไม่ได้เข้าใจผิดอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ผิดหรอก, เมื่อก่อนข้าก็เคยคิดแบบนั้น, แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่พอข้าได้เห็นผลการวินิจฉัยนี้แล้ว มันจึงยืนยันในสิ่งที่ข้าคิดได้ เรื่องแบบนี้มันมีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณกาลแล้ว, ในทางเต๋าของเราเรียกว่า “การถอดจิต” ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเพียงการปลดเปลื้องสิ่งลวงตาออกจากจิตเท่านั้น, แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเสี่ยวเมิ่งเสวี่ยได้”
ในตอนนี้, หญิงชราก็รีบถามขึ้นอย่างเร่งรีบ, “พอจะมีทางช่วยไหม?”
นักพรตเต๋าส่ายหัวและมองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยที่กำลังหลับอยู่ สีหน้าของเขาเป็นทุกข์มาก เขาเคยคิดว่าด้วยความรู้ทางการแพทย์ของเขา, เขาน่าจะช่วยรักษาเธอให้ดีขึ้นอย่างช้าๆได้, แต่ตอนนี้ความหวังนั้นได้ถูกพังทลายยับเยินแล้ว
หญิงชราไม่ได้ร้องไห้ออกมา, แต่มองดูหลิงเมิ่งเสวี่นยด้วยสีหน้าที่เศร้าและสงสาร, และลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร ขอเพียงเมิ่งเสวี่ยแข็งแรงก็พอแล้ว ย่าคนนี้จะดูแลเจ้าเอง เสี่ยวเหยาเจ้าจงสาบานกับย่า ถ้าเมื่อใดที่ย่าและปู่ของเจ้าเสียชีวิตแล้ว, เจ้าจะต้องดูแลน้องสาวของเจ้าไปจนกว่าจะสิ้นชีวิตของเจ้าและจะไม่ปล่อยให้เธอต้องลำบากแม้แต่น้อย”
“ท่านย่าครับ, ไม่ต้องกังวลไปครับ ผมขอสาบานว่าต่อให้ผมจะต้องอดอยากก็ตาม, ผมก็จะไม่ปล่อยให้น้องต้องเป็นลำบากแม้แต่นิดเดียว ผมจะทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเองครับ”
ในตอนนั้นเอง, หลิงหยวนเจี่ยก็พูดขึ้นมา, “พี่หมิง, คุณคิดไหมว่าถ้าเจ้าเครื่องนี้สามารถวินิจฉัยอาการของเมิ่งเสวี่ยได้, เจ้าหนุ่มคนนั้นอาจจะรักษาเธอได้ก็ได้?”
“ก็พูดยากอยู่นะ, เพราะข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล”
“ท่านปู่ครับ, หรือเราจะโทรศัพท์ไปถามเขาดีครับ บางทีเขาอาจจะมีหนทางรักษาก็ได้”
“ดี, ถามเขาเลย”
แน่นอนว่า, เขาได้ฝากความหวังไว้ที่อู๋ฮ่าวเหริน, ผู้ซึ่งมาตามหาพวกเขาเอง และได้ทิ้งอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงเอาไว้
แต่ทว่า, พวกเขาก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อได้ฟังจากอู๋ฮ่าวเหริน, พวกเขาก็พบว่าผลเหมือนกันและวิธีการรักษาก็ไม่มี
“ท่านปู่ครับ, ผมรู้สึกว่า? เขานั้นไม่ได้ต้องการที่จะรักษาน้องสาวของผม ในตอนแรกเขาเหมือนจะประหม่า และน้ำเสียงของเขาก็เหมือนจะมีอะไรไม่ถูกต้อง”
“นั่นสินะ ฟังจากที่เจ้าเล่าแล้ว ถึงพวกเราจะไม่ได้ยิน แต่ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ มันน่าแปลกมากที่น้องสาวของเจ้าและพ่อแม่ของเจ้าประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน พวกเราเองก็ได้ทำพิธีทางวิญญาณมาแล้วหลายปี ดูเหมือนเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่แน่”
“ถ้าเขาไม่ต้องการจะมารักษาเมิ่งเสวี่ยให้เรา, เราก็จะไปหาเขาเอง เสี่ยวเหยา, ค้นหาที่อยู่ของเจ้าหนุ่มนั่น ข้าจะพาเมิ่งเสวี่ยไปที่บ้านของเขาพรุ่งนี้” ทันใดนั้นหญิงชราก็พูดขึ้น, ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น, ราวกับว่าเธอมีหนทางที่จะปราบอู๋ฮ่าวเหริน
“ท่านย่าครับ, เรื่องนี้ง่ายมากครับ ตอนนี้บนอินเตอร์เนทมีข้อมูลของเขาอยู่เต็มไปหมด หมู่บ้านซุยฉุ่ย, อำเภอหยุนหลง, จังหวัดหลีฉุ่ย ดูสิครับ, มีแม้แต่รูปบ้านของเขาด้วย”
อู๋ฮ่าวเหรินจัดกระเป๋าตลอดคืน, เขาซื้อตั๋วเครื่องบินและเตรียมพร้อมที่จะไปจากที่นี่ เขารู้สึกคิดผิดที่มาที่นี่และก็รู้สึกว่าเขาได้สร้างปัญหาใหญ่เอาไว้เสียแล้ว
———————-
คอมเม้นต์