อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 151
CF:บทที่ 151 ไร้วิชามีด
ตอนที่นักข่าวกำลังหาตัวอู๋ ฮ่าวเหรินอยู่นั้น เขาก็นั่งอยู่ในรถนานสามชั่วโมงและมาถึงหลู่เซียน สถานที่ที่ลุงชาวจีนบอก
เห็นความแห้งแล้งของเขตเล็กๆนี้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดว่ามันเป็นที่ๆเหมาะสมสำหรับผู้เชี่ยวชาญอู่หลินจะมาซ่อนตัวอยู่ เขาเริ่มสอบถามข้อมูลอย่างกระตือรือร้น และเพราะมีคนอยู่ไม่กี่คน จึงสอบถามได้อย่างสะดวก
“พี่ใหญ่ พี่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่ชื่อว่าไป๋โม่ หนิวผู้ที่สามารถใช้มีดบ้างไหม?”
“ไป๋โม่ หนิว? ไม่เคยได้ยินนะ นี่มันยุคไหนแล้ว ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยมีดงั้นรึ? นายคงดูหนังศิลปะการต่อสู้เยอะเกินไปแล้ว! น้องชาย นายต้องแยกแยะภาพมายากับความจริงออกจากกันนะ อย่าเอาแต่คิดเรื่องนี้ทั้งวัน”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เขาก็ต้องมาถูกคนอื่นสั่งสอนอีก
“เอ่อ พี่ใหญ่ พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรียนศิลปะการต่อสู้ ผมแค่ได้ฟังมาจากคนอื่นและถูกถามเกี่ยวกับชายคนนี้”
เขาไม่เชื่อเรื่องที่พูดในตอนแรก อู๋ ฮ่าวเหรินออกมาจากร้านค้าเงียบๆและไปถามหาข้อมูลต่อไป
“จี้ ได้ผลการตรวจสอบของนายแล้วรึยัง?”
“ผมยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับชายคนนี้ในปัจจุบัน ถ้ามีรูปถ่ายบางทีผมอาจจะหาข้อมูลได้”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่า ถ้ามีรูปถ่ายมันคงไม่เป็นปัญหามากขนาดนี้
หลังจากเดินไปสักพัก เขาก็เห็นชายแก่สองคนกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าบางทีชายแก่สองคนนี้อาจจะรู้ข้อมูลอะไรบ้างก็ได้
“ลุงที่เล่นหมากรุกอยู่ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“อะไรล่ะ? ว่ามาเลย”
“มีชายที่ชื่อว่าไป๋โม่ หนิวอยู่ใกล้ๆที่นี่หรือเปล่า? คนที่ใช้มีดเป็นน่ะ ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยใช่ไหม?”
“ไป๋โม่ หนิว? มีนามสกุลแบบนี้อยู่ในระแวกนี้ด้วยรึ?”
“ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ฉันอยู่ที่นี่มาเป็นสิบๆปีแล้ว และไม่เคยได้ยินชื่อหรือสกุลอย่างไป๋โม่ หนิวเลย พ่อหนุ่ม ข้อมูลของนายคงมีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะ”
“ถ้างั้น มีคนที่ฝึกศิลปะป้องกันตัวและใช้มีดได้อย่างชำนาญรึเปล่า?”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดกับชื่อแน่นอน แต่เขาก็ต้องการจะหาใครสักคนที่สามารถใช้มีดและฝึกศิลปะป้องตัวโดยตรง ซึ่งนั่นจะถูกต้องกว่า
“เราก็มีฝึกศิลปะป้องกันตัวในเขตหลู่เซียนนะ อยู่บนภูเขาตรงนั้นไง แต่เป็นนักพรตเต๋าที่ใช้หมัดไม่ใช่มีดหรอกนะ และชื่อของเขาก็คือฮง เต๋าผู้เป็นอมตะ”
“ผมไม่รู้หรอกว่าฮง เต๋าฝึกศิลปะป้องกันตัวภูยอดเขานั่นจริงไหม แต่ผมก็อยากจะไปถามเขา บางทีผมอาจจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าคนที่ฝึกศิลปะป้องกันตัวจะต้องมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน การตามหาฮง เต๋าผู้เป็นอมตะผู้นี้ก็ไม่ไกลไปจากการตามหาบรรพบุรุษของลุงชาวจีน
“มันตั้งอยู่บนเขาเสี่ยวโซวตรงนั้น นายสามารถนั่งรถเมล์และไปถึงที่นั่นได้ภายในสิบนาที”
“ขอบคุณครับ”
มันเป็นเรื่องง่ายหากมีเชือกที่แข็งแรง ก่อนอื่นก็ไปหานักพรตเต๋าที่ฝึกศิลปะป้องกันตัว
อู๋ ฮ่าวเหรินได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เขาหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นสายจากที่บ้าน
“ลูกชาย ลูกไม่ได้ไปที่ลั่วหยาง แล้วไปที่นั่นได้ยังไง?”
“แม่ ผมมีอะไรบางอย่างที่ต้องจัดการที่นี่ ผมจะกลับไปในเร็วๆนี้”
“งั้นก็รีบเลย มีใครบางคนมาตามหาลูกที่นี่”
“หืม ใครตามหาผม?”
“ไว้ตอนที่ลูกกลับมาแล้วกัน มันอธิบายไม่ชัดเจนผ่านโทรศัพท์หรอก ถ้างั้นแม่วางสายก่อนนะ”
“อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกแปลกเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเสียงของแม่วันนี้แปลกไป มันเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป
“มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่บ้านรึเปล่าจี้?”
“ไม่มี”
เมื่อพวกเขามาถึงภูเขาเสี่ยวโซว อู๋ ฮ่าวเหรินก็พบว่าสภาพแวดล้อมนั้นไม่เลวเลย อย่างน้อยก็มีสีเขียว
หลังจากที่ตรงไปในภูเขาอีกกว่าสิบนาที เขาก็เห็นวัดของนักพรตเต๋าที่พวกเขาเล่าให้ฟังตั้งอยู่
ที่หน้าวัดมีชายวัยกลางคนที่หน้าเป็นสีแดงและอยู่ในชุดฝึกกำลังตั้งท่าม้าอยู่
“ขอโทษนะครับ คุณคือฮง เต๋าใช่หรือเปล่า?”
ได้ยินอู๋ ฮ่าวเหรินพูด ชายวัยกลางคนก็สูดหายใจและยืนขึ้น
“ฉันคือฮง เต๋า แล้วนายเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่?”
สีหน้าของอู๋ ฮ่าวเหรินสว่างขึ้นและรีบพูดขึ้นว่า “นักพรตเต๋า เขากล่าวกันว่าคุณคือผู้ใช้ศิลปะป้องกันตัว ผมอยากจะถามคุณเกี่ยวกับคนที่ชื่อว่าไป๋โม่ หนิว ผมได้ยินมาว่าวิชามีดของเขานั้นทรงพลัง”
“ไป๋โม่ หนิว? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของชายคนนี้มาก่อนเลย”
“แล้วคุณพอจะรู้ว่ามีใครใกล้ตัวที่ใช้มีดบ้างไหม?”
“ไม่เลย คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดเรียนจากฉันทั้งนั้น ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนที่ฝึกใช้มีดด้วย”
ในตอนที่อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังผิดหวัง จู่ๆนักพรตเต๋าก็พูดขึ้นมาว่า “อย่างไรก็ตาม ที่นายพูดถึงเกี่ยวกับไป๋โม่ หนิวมันทำให้ฉันนึกถึงชายคนหนึ่ง โม่ ซันเต๋าในเมืองที่อยู่ตรงตีนเขา แต่เขาไม่ใช่ผู้ฝึกศิลปะป้องกันตัวหรอกนะ เป็นพ่อค้าเนื้อที่ฆ่าวัวขายน่ะ”
พ่อค้าเนื้อที่ใช้มีดสามเล่ม? อู๋ ฮ่าวเหรินมึนงงไปชั่วขณะและคิดถึงประโยคนั้นขึ้นมาทันที
มันคือวิธีที่ดีที่สุดในการฆ่าคน
“นักพรตเต๋า เขาใช้มีดสามเล่มในการฆ่าวัวรึเปล่า?”
“พ่อหนุ่ม นายกำลังพูดเหลวไหลอยู่นะ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มีดเพียงสามเล่มในการฆ่าวัว เอาล่ะ อย่าขัดจังหวะฉันฝึกเลย คนหนุ่มสมัยนี้ ถ้าดูหนังศิลปะการต่อสู้เยอะเกินไป พวกเขาก็คงสับสน” นักพรตเต๋าเลิกสนใจอู๋ ฮ่าวเหริน
ดูนักพรตเต๋ากลับไปตั้งท่าม้าต่อแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็กลับออกไปเพื่อหาโม่ ซันเด๋าในเมือง
เมื่อเขาไปถึงเมือง ไม่ช้าอู๋ ฮ่าวเหรินก็ได้รู้ว่าบ้านของโม่ ซันเต๋าอยู่ที่นี่ เขามีชื่อเสียงมาในเมือง พ่อค้าเนื้อที่ฆ่าวัวขายเป็นแน่นอนว่าเป็นครอบครัวของเขา
อู๋ ฮ่าวเหรินมาที่ประตู เขาพบว่าประตูถูกเปิดทิ้งไว้ มันเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังสับอะไรสักอย่างอยู่ข้างใน เขาเดินเข้าไปอย่างสุภาพเพื่อดูว่ามีดสามเล่มทรงพลังในตำนานเป็นเช่นไร
เมื่อเดินเข้าไปในลาน เขาเห็นพ่อค้าเนื้อที่หน้าแดงคอหนา กำลังถือบังตอ กำลังตัดวัวครึ่งตัวอยู่ ทว่าอู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่พร้อมจะเห็นเทคนิคการใช้มีดของลุงชาวจีน ก็ต้องผิดหวังโดยเทคนิคการใช้มีดฟันวัวของคนขายเนื้อ
จากนั้น สีหน้าของอู๋ ฮ่าวเหรินก็มุ่งมั่นขึ้น หรือว่าคนๆนี้คือบรรพบุรุษของลุงชาวจีนหน้าก็เหมือนกับลุงชาวจีนมากๆเลย
“นายคือ?”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้จะตอบว่าอะไร เขาคงพูดออกไปไม่ได้ว่าเขาเป็นเพื่อนของลูกหลานของคุณที่คุณไม่รู้จักในอนาคต และมาเพื่อดูวิชาการใช้มีดอันยอดเยี่ยมของคุณ
ถ้าบอกแบบนั้น หลังจากนี้เขาคงจะถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้าแน่นอน
สีหน้าของอู๋ ฮ่าวเหรินมีเปลี่ยนไปและพูดว่า “ผมได้ยินมาว่า มีผู้ฝึกศิลปะป้องกันตัวและฝึกใช้มีดที่นี่ด้วย ผมเลยมาดู”
“ฝึกใช้การใช้มีด? ผู้ใช้ศิลปะป้องกันตัวที่ใช้วิชามีดได้ด้วยเนี่ยนะ พ่อหนุ่มดูหนังเยอะไปแล้ว ฉันเป็นเพียงพ่อค้าเนื้อที่ฆ่าวัวเองนะ ฉันมีชื่อเดียวคือคือโม่ ซันเต๋า”
“โอ้ ต้องขอโทษด้วยลุง ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดไป”
มองดูสภาพของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว โม่ ซันเต๋าก็พูดว่า “ดูนายสิ คงขับรถมาไกลสินะ เข้ามานั่งข้างในก่อน เดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้กิน”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ปฏิเสธ เขาก็อยากจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรพบุรุษของลุงชาวจีนและใครเป็นคนเรียนวิชาการใช้มีด
เมื่อเข้าไปในห้อง อู๋ ฮ่าวเหรินก็พบว่ามีโครงกระดูกของวัวอยู่มากมาย ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วคงจะเป็นฝีมือของลุงเอง
“มันรกหน่อยนะ ปกติแล้วฉันไม่ค่อยได้เก็บกวาดเท่าไหร่”
“ลุงอยู่บ้านคนเดียวหรือ?”
“ไม่ๆ ภรรยาของฉันอยู่ในเขต กำลังพาลูกไปโรงเรียน“ โม่ซันเต๋าพูดอย่างภูมิใจ
ไม่ช้า อู๋ ฮ่าวเหรินก็เข้าใจว่าบรรพบุรุษของลุงชาวจีนไม่สามารถใช้วิชามีดได้เลย หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เขาเพียงแค่ฆ่าวัวและสับมันมาเป็นเวลานานจนเขามีความสามารถและพละกำลังเท่านั้น
หลังจากดื่มซุปกระดูกวัวจนหมดถ้วยแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็กลับไปโดยไม่ได้พูดคุยอะไรกับลุงที่กระตือรือร้นมากนัก
เพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นานจะมีใครบางคนมาที่นี่เพื่อตรวจสอบ
มันต้องมีคนจำนวนมากแน่ๆที่สับสนกับการเดินทางของเขาและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในขณะเดียวกัน การกระทำแปลกๆนี้ก็เพื่อที่จะทำให้พวกเขาสับสนและทำให้พวกเขาคิดอย่างช้าๆ
“ลาก่อนลุง ซุปกระดูกวัวของลุงอร่อยมาก ไว้ผมจะกลับมาใหม่”
หลังจากลาลุงคนนั้นแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็ขับรถตรงไปที่เมือง การเดินทางครั้งนี้จบลงแล้ว
ถึงจะผิดหวังไปบ้าง วิชาการใช้มีดของลุงชาวจีนน่าจะมาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง นั่นคือประวัติศาสตร์ของอนาคตกับปัจจุบันไม่จำเป็นจะต้องตรงกันเสมอไป
————————-
คอมเม้นต์