อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 152

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 152 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 152 ขุดหลุมฝังตัวเอง
บนรถไฟ อู๋ ฮ่าวเหรินแต่งตัวเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครจำเขาได้ เขาใส่หูฟังเพื่อที่จะได้คุยกับจี้อย่างสะดวก
“ฉันเพิ่งพบว่ามีบางคนกำลังตรวจสอบสถานการณ์ลงทุนของการลงทะเบียนจากต่างประเทศ เขาให้ความสนใจที่จะซื้อเกาะ พวกเขาดูเหมือนจะสงสัยว่าเทคโนโลยีของคุณมาจากสถานการณ์นี้”
“ก็นะ เมื่ออะไรๆมันเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าคนเบื้องบนคงจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ นายพร้อมจะเริ่มรึยัง? จัดการถมควันใส่พวกเขาแล้วไปปรากฎตัว สร้างความประทับใจปลอมๆขึ้นมา ถ้าข้อมูลบางอย่างของสินค้าของฉันมาจากที่นั่นจริง มันจะดีกว่าที่จะสร้างสถาบันวิจัยขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลังสถาบันการลงทุน”
เขาไม่อยากจะตรวจสอบมัน จึงให้จี้ตรวจสอบมันไปอย่างช้าๆ ยิ่งข้อมูลแปลกยิ่งขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่าบางคนจะต้องสงสัย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตจะถูกจี้ดัดแปลงตามใจตัวเองได้
“ถ้าคุณทำ นายก็ควรจะติดอาวุธสักอย่างไว้บนเกาะด้วย ซึ่งมันจะทำให้เชื่อได้ง่ายขึ้น”
“อาวุธงั้นหรือ? เรายังผลิตมันไม่ได้ในตอนนี้หรอก มันต้องใช้วัตถุดิบพิเศษ หลังจากนี้สักพัก ฉันจะไปถามชายในอวกาศว่าฉันจะขอวัตถุดิบสักหน่อยได้หรือไม่”
“แล้วก็ยังมีข่าวเกี่ยวกับโครงการวิจัยที่คุณขายให้ญี่ปุ่นด้วย พวกเขาดูเหมือว่าจะได้ผลการวิจัยแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนทดลอง”
“โอ้ พวกเขาเร็วมากๆ แต่ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาอัดเงินไปเท่าไหร่? เมื่อเวลามาถึง ฉันจะส่งเทคโนโลยีนั้นให้พวกเขาสักหน่อย”
เขาเข้าสู่ระบบซองแดงแล้วพบว่าทุกคนในกลุ่มระดับแรกกำลังพูดคุยกันเรื่องคอนเสิร์ตของหลินหยิ่งอยู่
“คอนเสิร์ตจบแล้วรึยัง?”
“…”
“ฉันเป็นพี่ใหญ่ของพ่อค้าของเก่า ไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก ดูสายตาที่คนอื่นมองมาที่ฉันสิ หยั่งกับหมาป่าเลย พ่อค้าของเก่าเป็นคนดีจริงๆนะ”
“ทันทีที่ฉันออกจากคุก ฉันก็ถูกพ่อค้าของเก่าเล่นงาน ให้ตายเถอะ เราอยากจะไล่ตามเขา แต่พวกเขาไม่สนใจ พ่อค้าของเก่าก็ไม่สนใจ แล้วเทพธิดาก็ไล่กลับอีก!”
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ?”
“เมื่อครู่ มิสเตอร์เรดาร์บอกว่าเทพธิดากำลังตามหาเขา และก็กำลังเกลียดเขาอยู่”
ถ้าเป็นแบบนี้ก็หมายความว่าหลินหยิ่งมีเวลาว่างมาเข้าระบบซองแดงด้วย
“คุยกันไปก่อน ฉันจะไปดูอาหารที่ทำไว้”
“บอกหน่อยสิว่าสองคนนี้พัฒนาได้ในระดับไหน?”
“ใครจะรู้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือเทพธิดาจะไล่กลับไป ปล่อยให้หนุ่มหล่อไร้เพื่อนเช่นนี้ต้องทนเจ็บหนัก เทพธิดามองแต่เขาไม่มองฉันได้อย่างไร?”
“น่าขยะแขยง”
“เจ้าอัปลักษณ์ไร้เพื่อน”
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินเข้ามาในกลุ่มซองแดง เขาก็พบว่าหลินหยิ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสที่นี่
ดูการกระทำของผู้คนที่มีต่อเธอแล้ว ให้ตายเถอะกลุ่มพ่อครัวปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นเจ้าหญิง พวกเขาส่งอาหารเลิศรสทุกแบบให้เธอ เขาไม่อยากจะนับวัตถุดิบที่ใช้ทั้งหมดเลย โชคดีที่พวกเขาจำกัดให้เพียงผู้ที่ฉกซองแดงไปเท่านั้นถึงจะดูได้ ดังนั้นคนอื่นๆจึงไม่สามารถตรวจสอบได้
“โอ้! พี่พ่อค้าของเก่ามาแล้ว พวกลุงๆกำลังคุยกับน้องสาวของนายอยู่เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นข้อมูลสอบถามที่เธอส่งมาแล้วจึงพูดว่า “มันชัดเจนดีนะ แต่มันยังมีข้อมูลที่แตกต่างกันอยู่ เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลไปให้”
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะตอบสนองแบบไหนเมื่อเธอรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้ว
โดยไม่ปิดบังอะไร ทั้งคู่ไม่ได้ใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานเช่นนี้เพื่อที่จะตาย และมันไม่มีข้อมูลของหลิงเม๋งซูเขียนใส่ไว้เลย แน่นอนว่าเขาไม่ได้เขียนเกี่ยวกับหลิงเม๋งซูตรงๆให้เธอ เพราะเขาคิดว่าเทพสงครามนั้นมีความลับ หรือคนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับมัน
ผ่านไปสักพัก เมื่อหลินหยิ่งอ่านข้อมูลเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้บอกข้อมูลอะไรให้เขาเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เขาสับสน
“เป็นอะไรไปหรือ?”
“ฉันขอตัวก่อนนะ ถ้าเธอต้องการให้ฉันช่วยอะไรก็ไปบอกมิสเตอร์เรดาร์นะ เดี๋ยวเขาจะมาบอกฉันเอง”
เห็นว่าจู่ๆ หลินหยิ่งก็ออฟไลน์ไป อู๋ ฮ่าวเหรินจึงสับสน เขารู้สึกว่าเขาตัดสินใจผิดไป
ช่างมันเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตราบเท่าที่มันไม่ใช่ระบบซองแดง
เมื่อเห็นพ่อครัวจีนออนไลน์ อู๋ ฮ่าวเหรินนึกถึงเรื่องบรรพบุรุษของลุงจึงถามไปว่า “ลุงชาวจีน ลุงได้รับสืบทอดวิชามีดจากบรรพบุรุษในช่วงโลกโบราณเลยรึเปล่า?”
“จะเป็นไปได้ยังไง? วิชามีดนี้มีการปลูกฝังจากรากฐานที่แข็งแรงเท่านั้น ศิลปะป้องกันตัวจากยุคโลกโบราณส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องแต่งขึ้น นักรบที่แท้จริงจะเสริมแกร่งร่างกายตนเองเสมอและปล่อยให้ร่างกายวิวัตฒนาการ บรรพบุรุษของฉันก็ศึกษาเรื่องการเสริมแกร่งร่างกายก่อนที่พวกเขาจะพัฒนาไป๋โม่ เต๋าขึ้นมา ซึ่งแรกเริ่มก็ใช้ในการฆ่าวัว”
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าสมองเขาได้รับการกระทบกระเทือน มันช่างโง่เสียจริงที่ไปหาบรรพบุรุษของลุงก่อนที่จะถามให้ชัดเจนเสียก่อน
หลังจากเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวจากลุงอย่างละเอียดแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันจะต้องใช้ผสมผสานกับร่างกายที่แข็งแรงด้วย ในเวลานั้น ทุกคนได้เสริมแกร่งร่างกายกันแล้ว บางคนยังเสริมแกร่งร่ายกายไปถึงสิบครั้ง มันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายอยู่ดี
ออกจากสถานณีรถไฟแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดว่าเขาคงจะทำอะไรๆได้ง่ายในโลกอนาคต ซึ่งเขาเกรงว่ามันคงไม่มีโอกาส
โบกแท็กซี่แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็ตรงกลับไปที่บ้าน
“พ่อหนุ่มจะไปหมู่บ้านซุยฉุย เพื่อไปดูบ้านเกิดของประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปสินะ?”
อู๋ ฮ่าวเหรินชะงักไปครู่หนึ่งและถามว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากที่อื่น ผมได้ยินมาว่ามีคนดังในหมู่บ้านซุยฉุย ช่วงนี้ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็เขาว่ากันว่ากองทัพได้จากไปแล้ว ถ้าไม่ใช่คนจากหมู่บ้านจะถูกห้ามเข้าไป ถ้าจะเข้าไปก็ต้องยืนยันตัวตนเสียก่อน ลูกสาวฉันก็สมัครเข้าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย แต่ก่อนเธออยากเข้าเมืองนะ แต่เดี๋ยวนี้เธออยากเข้าเพียงแต่บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น ซึ่งงานดีกว่าเป็นข้าราชการ”
ลุงคนขับรถเป็นคนช่างพูดอย่างเห็นได้ชัด ตลอดทางเขาไม่หยุดพูดเลย อู๋ ฮ่าวเหรินก็สนใจที่จะฟังความเห็นของลุงที่มีต่อเขาและบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นอย่างมากเช่นกัน
“ให้ตายเถอะ เจ้าพวกอเมริกาเฮงซวยไม่ส่งเครื่องบินมาสอดแนมพวกเราก็ส่งเรือมาในเขตทะเลของประเทศเรา พวกเขาจะไม่ยิงขีปนาวุธได้อย่างไร ให้สอยเครื่องบินหรือไปจมเรือของพวกเขางั้นหรือ”
ข่าวสั้นๆเกี่ยวกับการบุกรุกและตรวจสอบของเครื่องบินสอดแนมของอเมริกาทำให้ลุงคนขับรถสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด และทำให้เขาพูดน้อยลงในทันที
“ให้ตายเถอะ การทหารของเรายังแกร่งไม่พอ”
อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้มและปลอบใจว่า “มันจะแข็งแกร่งขึ้น ประเทศจีนกำลังพัฒนา และสักวันหนึ่งจีนจะกลายเป็นประเทศที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก ให้พวกที่มาท้าทายเราต้องชดใช้ ฮ่าๆ บางทีอีกไม่กี่วันเครื่องบินของพวกเขาจะร่วงลงมาจากเขาเที๋ยนชานก็ได้”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดถึงการวิจัยของญี่ปุ่น หรือว่าเขาอาจจะใช้พวกเขาทำอะไรสักอย่าง เช่นไปยิงเครื่องบินสอดแนมของอเมริกา แล้วก็โทษพวกเขา เขามองดูเหล่าของไร้ประโยชน์ในช่องเก็บของระบบซองแดง
“ฮ่าๆ นั่นสินะ ฉันหวังว่าจะได้เห็นวันนั้นนะ”
เมื่อรถจอดลงที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านซุยฉุย มันไม่สามารถเข้าไปจนถึงหน้าหมู่บ้านได้เพราะมีรถของทหารมาจอดขวางไว้ และยังมีทหารติดอาวุธอีกสองนายประจำที่อยู่ราวกับเป็นเทพเฝ้าประตู ที่เฝ้าระวังพวกนักข่าวที่กำลังมองหาโอกาส
“ลาก่อนนะลุง ยินดีที่ได้นั่งรถลุงมานะ ผมเชื่อว่ามันคงอีกไม่นานหรอกที่การทหารของจีนจะแข็งแกร่งขึ้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินเดินไปอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้พวกนักข่าวได้มีโอกาสตอบสนองเลย หลี เหวินหัวได้รอเขาอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นทหารให้อู๋ ฮ่าวเหรินผ่านเข้ามาได้ พวกนักข่าวจึงตอบสนอง
“เฮ้ยๆ นั่นอู๋ ฮ่าวเหรินประธานของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนี่ จะเป็นใครไปได้อีก?”
“อู๋ ฮ่าวเหริน? โอ้! ใช่จริงด้วย ประธานอู๋ๆ คุณพอจะให้เราสัมภาษณ์ได้ไหม? เรามารออยู่ที่นี่เป็นเวลาสองวันแล้ว ถ้าคุณพอจะมีความสงสารให้พวกเราอยู่บ้าง ก็ขอให้พวกเราได้สัมภาษณ์สักสองสามนาทีเถอะ!”
พวกเขามองอู๋ ฮ่าวเหรินที่พยักหน้า เขาถอดแว่นกันแดด วางกล่องลงก่อนจะหันมาและพูดว่า “เอ่อ ผมเพิ่งจะกลับมาเองนะ สัมภาษณ์ตอนนี้ไม่ดีอย่างแน่นอน พรุ่งนี้ผมจะจัดงานแถลงข่าวพิเศษเพื่อจะได้ตอบคำถามของพวกคุณ ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน ผมหวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจนะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินจากไปแล้ว แม้ว่าจะทำให้นักข่าวต้องผิดหวังอยู่บ้าง แต่พอได้ยินว่าพรุ่งนี้จะมีการจัดงานแถลงข่าวพิเศษ พวกเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมา ในที่สุดก็ไม่ต้องรอแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
อู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่เพิ่งจะกลับถึงบ้าน รู้สึกว่าบรรยากาศนั้นผิดปกติ เพื่อนบ้านข้างๆก็มองเขาด้วยสายตาแปลกๆและเขาก็รู้สึกไม่ดี
เมื่อเขาเปิดประตูรั้วไปและเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในลานบ้าน เขาก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ในบ้านผม?”
——————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด