อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 154
CF:บทที่ 154 ความลับของเทพสงคราม
คุณหลิงคิดอยู่สักพักแล้วจึงพูดด้วยเสียงเศร้าว่า “ที่จริง จนถึงตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าฉี่กวงและชิ่วหยูเสียชีวิตแล้วหรือไม่ เนื่องจากไม่พบศพของพวกเขาเลย”
“ฉันจำได้ ตอนเช้าของเมื่อยี่สิบปีก่อน เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อกล่าวอรุณสวัสดิ์ พวกเขาก็พาเมิ่งเสวี่ยไปที่สวนบนภูเขาหมาง พวกอยากขอนักพรตเต๋าให้ช่วยเมิ่งเสวี่ยดูสุขภาพให้พวกเขา แต่มันกลายเป็นการจากลา ตอนนั้นตอนที่พวกเขาเข้าใกล้สวนบนภูเขาหมาง จู่ๆท้องฟ้าก็มืดราวกับพายุเข้า”
“นักพรตเต๋าเพิ่งจะออกมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ในสวน ตอนนั้นท้องผ้าก็มืดและมีฟ้าผ่าหนักราวกับเป็นความเกรี้ยวกราดของพระเจ้า นักพรตเต๋าบอกว่ามันแปลกมาก มันมีเสียงแปลกๆดังอยู่ในท้องฟ้า และสัตว์ประหลาดบางอย่างก็ปรากฏตัวขึ้นในหมู่เมฆสีดำ”
ในขณะนี้ นักพรตเต๋าก็เข้ามาหาทันที ก่อนจะนั่งลงและพูดขึ้นว่า “ให้ฉันได้พูดเถิด ที่จริงฉันก็กำลังสงสัยว่าสัตว์ประหลาดแบบไหนกันที่ปรากฎบนท้องฟ้าในวันนั้น และมิติเหมือนจะแยกออกจากกัน ภาพเช่นนั้นปรากฏให้เห็นอยู่สามวินาที และในสามวินาทีนั้นก็มีลำแสงแปลกๆอื่นด้วย ซึ่งมันทำให้ทั้งคู่หายไป เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็มีคำตอบในใจเขาแล้ว เหมือนว่าการคาดเดานั้นอาจจะถูกต้อง
“ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือตอนที่ฉันไปถึงที่เกิดเหตุ ฉันเห็นเมิ่งเสวี่ยนอนกองอยู่บนพื้น มันเหมือนว่าใครบางคนได้หายไปจากข้างๆเธอ และฉันก็พูดโกหกต่อคนอื่น ”เพื่อรอโอกาส” น่าเสียดายที่ฉันไปช้าไป ฉันคิดมาเสมอว่ามันเป็นสิ่งปาฏิหาริย์จนกระทั่งนายปรากฏตัวขึ้นมา”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก เขาคือสิ่งที่เรียกได้ว่าโอกาสจริงๆงั้นหรือ? เขาคิดว่ามันผิด สมมุติว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศึกทำลายล้างของการสังหารเทพสงครามจริงๆงั้นหรือ? ตอนที่เขาปรากฏตัวในระบบซองแดง เทพสงครามน่าจะมาหาเขาแทนที่ผีสาวเพื่อมาตรวจสอบ
มันไม่ใช่โอกาส โอกาสอะไรกัน? มีโอกาสอื่นด้วยหรือ?
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่ามันก็เป็นไปได้ ว่าตามคนพวกนั้น งานแสดงของเทียนยูกรุ๊ป จะทำไม่ได้เลยหากขาดการสนับสนุนจากเทพสงคราม
ถ้าเทพสงครามอยากจะทำลายมิติเวลา เขาก็ต้องศึกษามิติเวลาด้วย
ตรงนั้นที่เป็นปัญหา มันเกี่ยวอะไรกับหลิงหยิ่ง? มันต้องมีอะไรผิดพลาดกับตัวตนของเธอแน่
อู๋ ฮ่าวเหรินปวดหัว ตัวตนของเทพสงครามฝั่งนั้นเป็นตัวตนที่พิเศษมาก เขาไม่สามารถปล่อยให้คนในกลุ่มซองแดงช่วยเขาตรวจสอบได้ แน่นอนว่าเทพสงครามก็น่าจะเก็บความลับไว้ตลอดเวลา มันอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารก็ได้
ไม่สำคัญว่าความลับนั้นจะเป็นอะไร ตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินก็ได้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบหลิงหยิ่งแล้ว
“พวกคุณ ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์บ้างแล้ว มันยังมีสิ่งลึกลับหลายอย่างที่อธิบายไม่ได้ในโลก ผมไม่สามารถอธิบายมันได้ แต่ผมสามารถสัญญาว่าจะดูแลเธอได้ ถึงผมจะไม่แน่ใจว่าจะสามารถดูและเธอได้ดีพอหรือไม่”
หญิงชราไม่รู้เลยตอนที่เธอมาที่นี่ พอได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วเธอจึงพูดอย่างมีความสุขว่า “นายเต็มใจที่จะดูแลเมิ่งเสวี่ยของเรา ฉันได้ซื้อบ้านตรงข้ามไว้แล้วและจากนั้นเราก็จะอาศัยอยู่กับเหมิ่งเสวี่ยที่นี่ด้วย”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะตกลงหรือไม่ เขาก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี คนอื่นได้ตัดสินใจให้เขาไปแล้ว
เขามองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยที่เล่นอยู่ตรงนั้น เพียงแค่ถ้าเธอนั่งเงียบๆล่ะก็ ผู้ที่สวยเช่นนี้ เขาคงจะหลงไปแล้ว
แต่พอเขาคิดถึงIQของเธอ เขาก็คิดว่านั่นมันเลวร้ายเกินไป
เหมือนกับว่าเขาต้องหาทางเข้าใจจากวิญาณมืดว่าเทพสงครามกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น
มันตัดสินแล้วว่าไม่มีใครจากทั้งสองฝั่งพูดถึงการหมั้นเลย
โชคไม่ดีที่อะไรๆก็ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ ผู้คนในหมู่บ้านซุยฉุยได้รู้ว่าสาวสวยในสวนของอู๋ ฮ่าวเหรินคือลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับหลิง เมิ่งเสวี่ย
ดังนั้นข่าวจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในอินเตอร์เน็ต ตอนที่สถานการ์ของอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ถูกต้องมันก็สายเกินไปแล้ว
ในตอนเย็น อู๋ ฮ่าวเหรินอยากจะเข้าไปในซองแดงเพื่อจะทำการสอบสวนลับ แต่ก็ถูกขัดโดยสายโทรเข้าอย่างกะทันหัน
ทุกคนในบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาโทรมาถามเกี่ยวกับภรรยาของประธาน
ในตอนแรก อู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่ได้สนใจ เขาคิดว่ามันคงเป็นเพียงนักข่าวที่มีข้อมูลน้อยแล้วไปมั่วลงในอินเตอร์เน็ต
แต่ยิ่งมีสายโทรเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็เริ่มแสดงความยินดีให้เขา ถามเขาว่าจะจัดงานเลี้ยงเมื่อไหร่ ตอนที่แม้แต่ซู หยง,หลี เหวินหัวและคนจากเบื้องบนคนอื่นๆโทรมาแสดงความยินดีกับเขา เขาถึงจะรู้ความจริงจังของเรื่องนี้
เมื่อจี้ค้นหาบนอินเตอร์เน็ต อู๋ ฮ่าวเหรินก็อยากจะร้องไห้ ทุกช่องข่าวกำลังให้ความสนใจกับเขา โดยเฉพาะข่าวซุบซิบ ซึ่งระดับการนินทานี้ก็มาจากหมู่บ้านซุยฉุยเอง
ข่าวที่ว่าเศรษฐีผู้ที่มีแนวโน้มว่าอายุน้อยที่สุดในโลกกำลังโสดอยู่ แต่จู่ๆก็มีคู่หมั้นคู่หมายปรากฎตัวขึ้นซึ่งเป็นกระแสและเป็นที่จับตามองอย่างชัดเจน
ดังนั้น เมื่อไม่มีความเห็นจากตัวอู๋ ฮ่าวเหริน หลิงเมิ่งเสวี่ยก็เลยเป็นคู่หมั้นของเขาในข่าว
ซึ่งในข่าวแพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสแก้ตัว หรือโอกาสที่เขาจะได้พูดความจริง
แต่เขาก็ไม่สามารถจะโทษใครได้ เพราะการหมั้นของหลิงเมิ่งเสวี่ยกับเขาถูกประกาศโดยแม่และยายของเขาเอง
ถ้าสภาพของหลิงเมิ่งเสวี่ยเป็นที่รู้กันแล้วจะมีข่าวอะไรออกมาอีก? อู๋ ฮ่าวเหรินกลัวที่จะคิดถึงมัน
“จี้ ตอนนี้ฉันทำอะไรได้บ้าง?”
“ประกาศไปตรงๆเลยว่านั่นเป็นข่าวปลอม และทำให้มันกระจ่างในตอนนี้เลย แต่คุณก็ควรเตรียมตัวถูกประนามถูกด่าทอไว้ด้วย ถ้าคุณไม่ไปทำให้มันกระจ่างก็รักษาเธอ มันอาจจะเป็นผลดีกับคุณก็ได้ และมันยังช่วยคุณปกปิดความลับบางอย่างได้ด้วย อย่างเช่นอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัด”
“มันเป็นไปได้ที่จะรักษาเธอได้หรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้”
“เอาล่ะ งานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ นักข่าวพวกนั้นคงมีคำถามเยอะยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ”
อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกถึงพายุที่จะโหมเข้ามาในงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้
เขาโอนถ่ายข้อมูลของตระกูลหลิงไว้ดูใหม่อีกครั้ง ตอนนี้มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ภูมิหลังของตระกูลนี้พิเศษมากๆ มันเคยเป็นถึงตระกูลใหญ่ในช่วงสงคราม หลายคนได้ตายจากไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในยุคนั้นตระกูลนี้ได้ช่วยกองทัพซื้ออาวุธจำนวนมากจากนอกประเทศและได้ให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขให้กับกองทัพในตอนนั้น
แม้ว่าจะไม่มีใครเป็นราชการหลังจากที่ปลดปล่อยตระกูลของพวกเขา ตัวตนก็พวกเขาก็ยังพิเศษมากอยู่ดี โดยเฉพาะนักพรตเต๋า ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแขกผู้มีเกียรติ ความสามารถทางการแพทย์ของเขานั้นทรงพลังมาก ได้รักษาหลายชีวิตไว้ได้
แม้ว่าไม่มีใครอยู่ในกองทัพ ตระกูลนี้ก็มีความสัมพันธ์พิเศษกับนายพลหลายคนที่เข้ามาในปีสงคราม ดังนั้นพวกเขาก็มีเส้นสายพิเศษกับกองทัพอยู่บ้างในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ธุรกิจของตระกูลหลิงก็คืออุตสาหกรรมทหาร
ตอนนี้สำหรับอู๋ ฮ่าวเหริน ตระกูลนี้พิเศษจริง จากเอกสารสำคัญที่ประทับตราโดยรัฐบาล มันชัดเจนว่ารัฐบาลจะช่วยศึกษาการหายตัวไปของทั้งสองคนนั้น แต่ในท้ายสุดมันก็ไม่ได้ผลอะไร
ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเบื้องบนถึงไม่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ มันไม่ผิดที่พวกเขาจะไม่ข่วยคนอื่น
ถ้าเขาสามารถรักษาหลิงเมิ่งเสวี่ยและแต่งงานกับหลิงเมิ่งเสวี่ย มันก็เป็นผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
———————
คอมเม้นต์