อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 174
CF:บทที่ 174 บังคับปฏิรูปการพยาบาล
หยางเหวินฉิ่งนั่งลงอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์, จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์, มองดูสัญลักษณ์ที่ขึ้นมาทางขวาล่างของจอ, และเผยยิ้มที่มุมปากของเขาออกมา
เมื่อเขากลับมาจากที่ทำงาน, เขาทราบมาว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้เปิดรับหมอที่มีใบอนุญาตวิชาชีพ ในฐานะหมอแล้ว, เขารู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปผลิตนั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงใด
ในหลายวันมานี้, เขาพบผู้ป่วยจำนวนมากมายที่ใช้เจ้าเครื่องนั้น, และเขาเองก็ไม่พบข้อผิดพลาดของผลวินิจฉัยด้วย ยิ่งไปกว่านั้น, ผลวินิจฉัยพวกนั้นทำให้เขาสามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วด้วย
แต่ด้วยกฏเกณฑ์บางอย่างของโรงพยาบาลทำให้เขาต้องรู้สึกปวดหัว, แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำตามกฏของโรงพยาบาล
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาที่บ้าน, เขาก็พบว่าเขาสอบผ่าน ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าบททดสอบของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะยากมาก สำหรับหมอที่มีประสบการณ์ถึง 10 ปีอย่างเขา ยังตอบถูกได้เพียง 80% เท่านั้น
จากความสำเร็จในการสอบผ่าน, เขาก็ได้ตรวจคนไข้ไป 8 คน, ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาแค่เล็กๆน้อย, ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการทานยาเท่านั้น
แต่คนไข้ทั้ง 8 คนนี้, ก็ได้ทำให้เขาได้เงินถึง 80 หยวน เป็นค่าตรวจรักษาโรค แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้เขาจะยังไม่ได้รับจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน, เมื่อผลการตอบรับของผู้ป่วยดี
“คุณไม่ชอบเล่นคอมพิวเตอร์มาก่อนนี่นา ทำไมวันนี้คุณถึงมานั่งอยู่หน้าคอมพ์ขณะที่ถือชามข้าวเย็นในมือล่ะคะ”
“ฮ่า ฮ่า, ที่รักมาดูนี่สิ ผมสามารถทำเงินได้เกือบถึง 100 หยวนโดยใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเองนะที่รัก”
หยวนเสี่ยวหงรู้สึกงงๆเล็กน้อย เธอคิดว่าสามีของเธอกำลังโดนโกงเงินอยู่หรือเปล่า แต่เมื่อเธอมองดู เธอก็พบว่ามันเป็นเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งเธอได้เข้าไปดูอยู่ทุกวันเพื่อสั่งจองอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดสำหรับใช้ในครอบครัว
“คุณได้เป็นหมอประจำเว็บบอร์ดเหรอคะ?”
“ใช่แล้วที่รัก, เมื่อผมได้ยินข่าวนี้ ผมก็ได้กลับมาลองดู ผมไม่คิดว่ามันจะสามารถทำเงินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น, การตรวจวินิจฉัยโรคที่นี่ก็เร็วกว่าที่ทำในโรงพยาบาลมาก”
หยวนเสี่ยวหงมองดูบันทึกการตรวจโรคของสามีของเธอและพบว่าคนไข้ทั้ง 8 คนนั้นมีอาการเล็กน้อยทั้งนั้น ในตอนนั้นเองมีข้อมูลผู้ป่วยเพิ่มเข้ามาอีก
“มาแล้วๆ คนไข้มาแล้ว ตอนนี้ยังมีหมอน้อยกว่าจำนวนของคนไข้ ผมต้องตรวจโรคอีกหน่อยละ เพื่อให้ระดับการประเมินผลของผมอยู่ในระดับสูงในอาทิตย์นี้, เพื่อที่ค่าการตรวจรักษาของผมจะได้เพิ่มมากขึ้น”
แน่นอนว่า, ยังมีหมอมากมายอย่างหยางเหวินฉิ่ง ซึ่งพวกเขานั้นต่างก็นั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ และจ้องมองที่หน้าจอราวกับว่าจะมีคนไข้มาที่หน้า”ประตู”
และเพื่อเป็นการทำให้ผู้คนเชื่อใจในความสามารถของหมอ, จึงมีหมอบางคนที่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบางอย่างให้คนอื่นได้เห็น
ในตอนนี้, ก็ได้มีปรากฏการณ์แปลกๆขึ้นมา ที่พวกหมอตรวจโรคพวกนี้จะไม่สั่งจ่ายยาราคาแพงให้คนไข้ ซึ่งจริงๆแล้ว, ก็ไม่สำคัญหรอกว่าว่าจะสั่งจ่ายยาราคาแพงหรือไม่, มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวของกับพวกเขา
และถ้าหากว่าอาการนั้นสามารถรักษาได้ด้วยยาราคาถูก, พวกเขาก็จะไม่สั่งจ่ายยาราคาแพงให้ และถ้าคนไข้สามารถรักษาได้ด้วยยาราคาถูกที่พวกเขาสั่งจ่าย, คนไข้เหล่านั้นก็ย่อมที่จะกลายมาเป็นลูกค้าขาประจำในอนาคต, และพวกเขาก็จะได้ความนิยมและชื่อเสียงที่ดีขึ้น
เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน, กระทรวงสาธารณสุขก็ได้จัดการประชุมขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้า, และพวกเขาก็ได้ผลสรุปออกมา เนื่องด้วยความนิยมของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด คลีนิครักษาออนไลน์จะมาแทนที่คลีนิคการรักษาที่โรงพยาบาล
สำหรับอาการเจ็บปวดเล็กน้อย, ไม่มีใครต้องการจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปรักษาอีก ยิ่งไปกว่านั้น, ระบบการรักษาแบบออนไลน์นี้จะกำจัดหมอที่มีความสามารถแย่จำนวนมากได้
จริงๆแล้วพวกเขาต้องการที่จะผ่านกฏบังคับให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปหยุดทำการรักษาแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้, ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการที่จะปฏิรูปการพยาบาล, แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าเมื่อใดมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นมา พวกเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิรูปการพยาบาลในครั้งนี้
“รายงานสถานการณ์, ศึกษาและประชุมกันใหม่, และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการปฏิรูปการพยาบาล”
คนพวกนี้คิดว่าเป็นวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว, หลังจากที่มีคนจำนวนมากโพสท์ผลของการรักษาลงในเว็บบอร์ด
ผลกระทบนี้ส่งผลอย่างมาก, โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการซื้อยามารักษา, และผลการรักษาก็แสดงออกมาด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดหลังจากที่พวกเขาได้ทานยาเข้าไป
ถ้าพวกเขานั้นไม่ปฏิรูปการพยาบาล และรอจนกระทั่งทุกคนหันไปใช้อุปกรณ์ชีวภาพกันหมดแล้ว, เมื่อนั้นระยะห่างระหว่างคนไข้กับโรงพยาบาลก็พังลงในทันที
ซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้รู้เลยว่าการตันสินใจของเขาในครั้งนี้นั้นจะบังคับให้พวกคนใหญ่คนโตต้องมาปฏิรูปการพยาบาล
ในตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ศูนย์วิจัยและทดลองคอมพิวเตอร์แห่งชาติในหลีฉุ่ย, ล้อมรอบด้วยกลุ่มชายชราอายุคราวปู่ของเขา, ที่กำลังศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้ให้พวกเขาไว้
“อย่างนั้นสินะครับ, อาจารย์น้อย”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูชายชราที่กำลังทำตัวเหมือนกับเด็กประถมและเต็มไปด้วยความสงสัย เขาคงละอายแก่ใจอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเขาก็เรียนรู้ได้เยอะมากในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
ถ้าเป็นแบบนี้, พวกเขาน่าจะวิจัยกันได้วันนี้แหละ ฉันเองก็ไม่คิดว่าพวกคนกลุ่มนี้นั้นจะความสามารถในการเรียนรู้และวิจัยพื้นฐานส่วนใหญ่ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์นิรนัยได้เร็วขนาดนี้”
“ใช่แล้ว, คุณแค่ต้องการผสมข้อมูลเหล่านี้เข้าไป ก็จะแสดงผลในแบบที่คุณต้องการ”
“ขอผมลองหน่อยครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ให้ซอร์ซโค้ดแก่พวกเขา แต่ถึงอย่างนั้น, ต่อให้พวกเขาไม่เข้าใจมัน พวกเขาก็พอที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดเองได้แล้วตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น, ถึงแม้ข้อมูลพวกนั้นจะถูกเปิดเผยออกมา, และมันก็เปล่าประโยชน์สำหรับประเทศอื่นที่จะเอาไปด้วย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่แฮกซอร์ซโค้ดพวกนี้ได้ ดังนั้นต่อให้ข้อมูลดั่งกล่าวโดนขโมยไป, มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
“น้องอู๋, บอกผมมาตามตรง, คุณกำลังวิจัยหุ่นยนต์อยู่ใช่ไหม?” จื่อหยงมองดูอู๋ฮ่าวเหรินแล้วถาม
นี่คงจะเป็นเหตุผลที่เขามาที่นี่ตอนนี้สินะ ตอนนี้ได้สำเร็จการวิจัยเรื่องของปัญญาประดิษฐ์แล้ว, ฉันก็หวังว่าพวกเขาจะสามารถวิจัยการสร้างหุ่นยนต์ได้
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูเขาอย่างดูหมิ่น, แล้วพูดขึ้น, “คุณส่งคนมาที่โรงงานชั่วคราวของผมเพื่อมาดูแล้วนี่ ตอนนี้คุณจะยังมีหน้ามาถามผมอีกเหรอว่า ผมมีหุ่นยนต์ให้คุณไปชำแหละวิจัยไหม?”
จื่อหยงรู้สึกอายนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะมาที่ หัวหน้ากรมสรรพาวุธได้บอกเขามาว่า ว่าให้เขาช่วยไปคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินเรื่องนี้ให้หน่อย ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นมีหุ่นยนต์, แต่ทางรัฐก็ไม่สามารถขโมยได้, แค่ขโมยเท่านั้นน่ะนะ
“ฮะฮะ, ก็มันช่วยไม่ได้นี่ คุณบอกเองว่าไม่มี แต่หัวหน้ากรมสรรพาวุธกลับบอกว่าเห็นเมื่อคราวที่แล้ว คุณซ่อนมันต่อไปไม่ได้แล้วน่า ต่อให้คุณต้องการก็เถอะ”
“ก็ได้, ก็ได้, ผมรู้แล้วว่าคุณต้องการอะไร ก่อนจะกลับไป, ก็แวะไปที่โรงงานชั่วคราวแล้วก็เอาอะไรที่คุณอยากเอาไปเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินแอบหัวเราะอยู่ในใจ เขากำลังคิดอยู่ว่า เขาควรที่จะบอกจื่อหยงดีไหมว่า คนพวกนี้นี่แหละที่จะช่วยจื่อหยงไขปัญหาเรื่องหุ่นยนต์
หุ่นยนต์พวกนี้เป็นหุ่นยนต์พื้นฐานมากๆ ต้องอาศัยจี้คอยควบคุม, ซึ่งก็คล้ายๆกับหุ่นยนต์โรงงานทั่วไป
บางทีสิ่งที่มีค่าจริงๆน่าจะเป็นระบบพลังงานข้างในมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีนั้นน่าจะดีกว่าระบบไฟฟ้าในปัจจุบันของประเทศ
“พอเถอะ ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะขอเปล่าๆซะที่ไหน นี่คือหนังสืออนุมัติพิเศษสำหรับคุณ ในอนาคต, ตราบเท่าที่ไม่ใช่วัตถุดิบที่พิเศษมาก, บริษัทของคุณจะไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนในการสั่งซื้ออีก”
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้เห็นเอกสารนี้, เขาไม่คิดว่าทางรัฐจะยอมให้นโยบายแบบนี้กับเขาจริงๆ ถ้าเขาคิดที่จะสร้างบางสิ่งขึ้นมาในอนาคต ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องลำบากเรื่องวัตถุดิบอีก
“แล้วก็, ถ้าปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่คุณว่า, ทางเราจะเริ่มดำเนินการวางแผนเรื่องเดินไฟฟ้าให้บริษัทของคุณ”
“จะไม่มีปัญหาเหรอ?”
“ไม่มีหรอก, คุณเองก็น่าจะรู้เรื่องของแผนวัสดุเส้นใยพืชอยู่แล้ว ในปัจจุบัน, หลีฉุ่ยนั้นถูกใช้เป็นฐานการผลิตตัวกลาง อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณรออีกแค่สองเดือน, หลีฉุ่ยจะแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าให้คุณได้”
“จะว่าไป, แผนการผลิตวัสดุเส้นใยพืชของประเทศไปถึงไหนแล้ว?” อู๋ฮ่าวเหรินพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
“พวกเรากำลังปฏิรูปตลาดพลาสติกในประเทศอยู่ พวกโรงงานเองก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย อีกสองเดือน, พวกเราจะเริ่มแผนการผลิตวัสดุเส้นใยพืช ในตอนนั้น, เงินของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแน่นอน คุณรู้มั๊ย, ตอนนี้สถาบันวิจัยของเรากำลังขาดแคลนเงินอย่างหนัก คุณพอที่จะสนุบสนุนเงินทุนหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าคุณกล้าขอ ผมก็กล้าให้”
ในตอนนี้เอง, ที่การวิจัยของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ และทำให้การสนทนาของทั้งสองคนนั้นถูกขัด
————————–
คอมเม้นต์