อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 179
CF:บทที่ 179 ทำเงินได้มากเท่าไร?
มองดูการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบในตลาดระหว่างประเทศ, เหล่าผู้ค้าวัตถุดิบในประเทศนั้น ต่างก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมทางประเทศจึงได้มาเปลี่ยนแปลงตลาดวัตถุดิบในหลายวันก่อน
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป, ที่ไม่ต้องการที่จะให้ขายวัตถุดิบออกสู่ต่างประเทศในช่วงเวลานั้น
ทำให้บางคนถึงกับละอายใจ, เพราะตอนนั้น, เขานึกว่ารัฐบาลนั้นได้เปลี่ยนแปลงตลาดเพื่อเอาคืนเรื่องในครั้งนั้น
แต่กลับไม่ใช่เหตุผลนั้น, แต่เพื่อปกป้องพวกเขาและหลีกเลี่ยงการขายวัตถุดิบในราคาที่ต่ำออกไป
เมื่อเทียบกับผู้ค้าวัตถุดิบต่างประเทศพวกนั้น, พวกเขาถือว่าโชคดีมาก ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ขายวัตถุดิบพวกนั้นออกไป, พวกเขาย่อมทำเงินได้มากมายทีหลังแน่นอน
เว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ปในเวลานี้, ทุกคนต่างกำลังถกเถียงกันอย่างครึกครื้น พวกเขาทั้งหมดต่างถกกันในเรื่องเดียวกัน จะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นหลังจากที่ผลิตภัณฑ์นี้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปออกสู่สายตาชาวโลก
“คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต, ถ้าพวกเราซึ้อเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าจากความร้อนคนละเครื่อง, พวกเราก็จะไม่จำเป็นต้องใช้ไฟจากทางรัฐงั้นเหรอ?”
“คิดหน่อย ผมเพิ่งอ่านข้อมูลของผลิตภัณฑ์นี้มา บอกว่าคุณสามารถใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟต่ำๆเท่านั้น, แต่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟสูงๆ คุณอาจจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ขนาดเท่าระเบียงบ้านถึงจะให้ไฟฟ้าได้เพียงพอ”
“ฉันคิดว่าการปรากฏของเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้านี่, จะต้องทำให้แบตเตอรี่แบบชาร์จหายไปแน่ๆ”
“มันก็จริงอยู่ที่ว่าเครื่องผลิตไฟฟ้าแบบนี้มันมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องโซลาร์เซลล์ ตราบเท่าที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ, มันจะสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้เรื่อยๆ แต่ว่านะ, เจ้าเครื่องนี้ดูเหมือนจะยุ่งยากมากกว่าโซลาร์เซลล์ มันจำเป็นต้องปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายมากกว่านี้”
“ผมรู้สึกว่าอู๋ฮ่าวเหริน ประธานบริษัทของฟิวเจอร์กรุ๊ปเนี่ย ช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆเลยนะ ขณะที่เขากำลังวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดอยู่, เขาก็ค้นพบเจ้าเครื่องนี้ขึ้นมา สงสัยจังเลยว่าเจ้าผลิตภัณฑ์นี้จะทำเงินได้เท่าไรให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปกันนะ”
“ตอนนี้ไม่มีใครเขาสนใจว่าพวกเขาจะทำเงินได้เท่าไรกันแล้ว ลำพังแค่ค่าสิทธิบัตรของเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ก็ทำเงินได้มหาศาลแล้ว พวกต่างประเทศต่างก็ต้องยอมจ่ายค่าสิทธิบัตรเพื่อผลิตเจ้าสิ่งนี้แน่นอน”
“ในที่สุดก็มีบริษัทที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกอยู่ในประเทศของเราบ้างแล้ว, แล้วรางวัลโนเบลปีนี้, พวกเขาจะมอบรางวัลให้แก่นักประดิษฐ์ที่มากความสามารถคนนี้กี่รางวัลกันนะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา, หลายๆคนในเว็บบอร์ดต่างก็เงียบกันไป, ซึ่้งมันเป็นเรื่องยากมากที่จะให้คำตอบได้
ไม่ว่าจะอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยาและฟิสิกข์, และเจ้าผลิตภัณฑ์นี้ที่ดูเหมือนน่าจะเกี่ยวข้องกับฟิสิกข์และเคมี, แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่น่าจะหลุดไปจากสาขายาและฟิสิกข์แน่ๆ
“ฉันได้ยินมาว่าทางบริษัทได้นำเข้าวัตถุดิบเข้ามาจำนวนหลายร้อยพันล้านหยวน ก่อนที่เรื่องของการวิจัยครั้งนี้จะประกาศออกมา, ตอนนี้ในตลาดระหว่างประเทศ
ราคาของวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งราคาของวัตถุดิบที่แพงที่สุด ราคาเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า”
“อันนี้เพื่อนของฉันส่งมาให้จากเมืองนอก ดูนี่สิ, พวกบริษัทที่เกี่ยวของกับวัตถุดิบพวกนี้ หุ้นของบริษัทพวกนั้นเป็นที่นิยมมาก จากสถานการณ์นี้, ถ้าเรารู้ข่าวนี้แต่เนิ่นๆแล้วซื้อวัตถุดิบพวกนี้กักตุนเอาไว้ตอนราคายังถูก, ป่านนี้พวกเราคงเป็นเศรษฐีกันไปแล้ว”
ตอนนี้ในเว็บบอร์ดต่างก็ถกกันถึงเรื่องของข่าวนี้ ซึ่งทำให้คนจำนวนมากถึงกับเสียดาย, ถ้าพวกเขาได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ก่อนที่ข่าวจะถูกปล่อยออกมา, พวกเขาอาจจะได้ผลกำไรจากเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว, ในตอนนี้ราคาวัตถุดิบเหล่านั้นได้คงตัวแล้ว, และราคาก็ถีบตัวขึ้นไปจนสูงสุดแล้ว
ในหลายประเทศตอนนี้ต่างก็รู้สึกแย่กับเรื่องคราวนี้มาก, พวกเขานั้นไม่สนใจเรื่องของการซื้อวัตถุดิบโดยบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป ปัญหาคือรัฐบาลจีนต่างหากที่ได้เชือดพวกเขาอย่างสาหัสในครั้งนี้ ซึ่งทำให้พวกเขานั้นเจ็บปวดมาก
ในเวลานี้, นอกเหนือจากวัตถุดิบที่ทางบริษัทได้ใช้ไปแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินได้ทำการเทขายวัตถุดิบเหล่านี้เป็นจำนวนมาก
แต่ก็เท่าที่เพียงพอจะฟื้นคืนเงินทุนของบริษัทกลับคืนมา ซึ่งขายออกไปจำนวนหนึ่งในสามของวัตถุดิบที่มีทั้งหมด ซึ่งยังไม่ได้รวมวัตถุดิบที่ส่งคืนกลับไป
มีบางบริษัทในต่างประเทศได้ลงทุนจ่ายเงินเพื่อซื้อวัตถุดิบทั้งหมดที่พวกเขาขายให้กลับคืน แต่ในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 ถึง 4 เท่าตัว
อู๋ฮ่าวเหรินรู้ดีว่า อีกไม่นาน, จะต้องมีบางประเทศที่จะมาหาและจ่ายค่าสิทธิบัตรให้กับเขา
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ต้องการที่จะสิทธิบัตรเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เขานั้นตั้งใจที่จะขายสิทธิบัตรให้ต่างประเทศในราคาที่ถูกมาก โดยที่เขาจะไม่เอ่ยปากขออะไรอีก
บางครั้ง เขาก็ไม่ได้อยากทำตัวโหดร้ายไปตลอด เขาเองก็ต้องการที่จะสร้างความประทับใจดีๆ ให้ผู้อื่นบ้าง
ในเวลานี้่, ผอ.ของสถาบันวิจัยของกองทัพได้ให้คนในสังกัด คำนวนหาเงินที่พวกเขาทำได้ในคราวนี้
ถึงแม้ว่าทางรัฐจะได้มอบเงินจำนวนมากให้กับทางสถาบันวิจัยทุกปี, แต่ด้วยโครงการมากมายที่พวกเขากำลังวิจัยกันอยู่, ซึ่งมีโครงการใหญ่หลายโครงการที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก, ทำให้เงินทุนของสถาบันอยู่ในสภาพที่แย่เสมอ
ในตอนนี้, พวกเขาได้ทำตามที่อู๋ฮ่าวเหรินบอกและทำกำไรกลับมาได้ ผู้อำนวยการที่ตอนนี้ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย ซึ่งเขานั้นไม่ต้องขอพวกคนที่เหมือนกับหลานชายเขาให้ช่วยเจียดเงินมาหาเขาอีก
“ผอ.ครับ, เชื่อผม ตอนนี้พวกเราน่าจะมีเงินเพียงพอไปอีกพักใหญ่ๆเลยล่ะครับ” จื่อหยงพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม
ผอ.ตบไหล่ของจื่อหยงเบาๆและพูดอย่างมีความสุข “คุณทำเพื่อสถาบันของเราได้ดีมากในคราวนี้, เป็นเรื่องดีจริงๆที่คุณย้ายมาจากกองทัพมาที่สถาบันในตอนนั้น, ผมหวังว่าในอนาคต, คุณจะมีข่าวแบบนี้มาให้ผมอีกนะ แล้วผมจะตบโบนัสให้คุณแน่นอน”
“ไม่เป็นไรครับ, ผมไม่ได้ต้องการโบนัสครับ ผู้อำนวยการครับเรื่องในคราวนี้เป็นเพราะผมรู้ล่วงหน้ามาก่อน ผมคงบอกได้อย่างเดียวว่า อย่าได้ส่งผมไปขึ้นศาลทหารก็พอแล้วครับ แต่ว่านะครับ, ตราบเท่าที่เราให้ความสนใจกับฟิวเจอร์กรุ๊ป, พวกเราน่าจะไม่ขาดแคลนเงินแน่ๆ ตอนที่ผมได้ยินจำนวนเงินที่เขาใช้ไปในตอนนั้นแล้ว ผมล่ะอยากจะปล้นเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆ”
ผู้อำนวยการหรี่ตาลง เขาไม่รู้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไรที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นทำได้, แต่จากเหตุการณ์ในครั้งนี้, เขารู้ว่าบริษัทนั้นจะต้องทำเงินได้มากอย่างแน่นอน
“จริงสิ, คุณช่วยไปถามเขาให้หน่อย, ว่าเขาไม่ต้องการที่จะสร้างเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเพื่อแก้ไขปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนบ้างเหรอ พวกเราสามารถช่วยเขาได้นะ”
จื่อหยงรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าที่ผู้อำนวยการพูดหมายถึงอะไร ทำไมสถาบันวิจัยอาวุธของพวกเขาถ้าไปร่วมกับโปรเจคของคนอื่น”
“ผอ.ครับ, ผมว่ามันจะไม่เหมาะสมนะครับ, พวกเราเป็นสถาบันวิจัยอาวุธนะครับ ไม่ใช่กรมสรรพาวุธ”
“คุณสับสนอะไรหรือเปล่า? ผมไม่ได้บอกว่าจะให้นักวิจัยของเราทั้งหมดไป แต่พวกเราจะส่งช่างเทคนิคไปต่างหาก ยังไงพวกคนจากแผนกประกอบก็ไม่ค่อยมีงานเท่าไรอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้ให้พวกเขาไปทำงานฟรีๆ พวกเขาจะได้หาเงินพิเศษเพิ่มได้ด้วย”
จื่อหยงก็คิดขึ้นว่านี่อาจจะเป็นความคิดที่ดี เงินที่พวกเขาหาได้จะไม่มารวมกับเงินทุนวิจัย แต่จะเป็นเงินพิเศษที่พวกเขาหาได้แทน
ยิ่งไปกว่านั้น, ถ้าเป็นโครงการที่เกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วคงไม่มีใครห้ามพวกเขาอยู่แล้ว
แต่ผู้อำนวยการไม่ได้แบบนั้น ในเมื่อเทคโนโลยีนี้คิดค้นโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะให้ลูกน้องของเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ แล้วพอมีโครงการระดับชาติมา ก็จะหาคนที่มีฝีมือเทียบพวกเขาไม่ได้
แน่นอนว่า, นี่คือความต่างระหว่างทหารหนุ่มกับชายชรา ความคิดของจื่อหยงจะออกไปทางพัฒนาคุณภาพชีวิต ในขณะที่ความคิดของผู้อำนวยการจะมองไปไกลกว่านั้น, และมีความคิดที่จะทำโครงการระดับชาติ
ในอีกด้านหนึ่ง, พวกนักข่าวก็ได้ขุดพบความลับบางอย่างของฟิวเจอร์กรุ๊ปในเรื่องนี้ แต่เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับประเทศ พวกเขาจึงไม่สามารถรายงานข่าวนี้ได้
แต่ทว่า, ก็มีข่าวหนึ่งที่ทางสื่อรู้สึกได้ว่าจะต้องเป็นประเด็นร้อนแน่นอน นั่นคือข่าวเรื่องฟิวเจอร์กรุ๊ปสามารถทำเงินได้เท่าไรจากการขายวัตถุดิบที่พวกเขามี?
หลังจากที่ข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไป, บนอินเตอร์เนทก็กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะต้องทำงานได้มหาศาล แต่ทำได้เท่าไรนั้นยังคงเป็นปริศนา
ในตอนนี้, ปริศนานี้ก็ได้ไขกระจ่างแล้ว ตราบเท่าที่คุณรู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้นำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้เป็นจำนวนมากเท่าใด, คุณก็จะสามารถรู้ได้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะสามารถทำเงินได้เท่าไร
ไม่ว่าจะเว็บบอร์ดในหรือนอกประเทศ, ต่างก็เต็มไปด้วยข้อมูลเรื่องของวัตถุดิบที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปหามาได้
แต่ทว่า, ท่ามกลางการถกเถียงของผู้คนนั้น, ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกไปนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของวัตถุดิบที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปหามาได้เท่านั้น
ในตอนนี้, จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถคำนวนหาเงินที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะทำได้ในขณะนี้
—————————–
คอมเม้นต์