อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 195
CF:บทที่ 195 เข้าใจผิด
กลุ่มผู้คนได้ทำการโอนข้อมูลของพนักงานทั้งหมดในฟิวเจอร์กรุ๊ปและครอบครัวของอู๋ฮ่าวเหริน แล้วตรวจสอบทีละคนๆ เพื่อตามหาคนที่จะช่วยพาพวกเขา เข้าไปถึงตัวอู๋ฮ่าวเหรินได้
“สมิธ, ผมคิดว่าพวกเราควรจะเริ่มจากคนเหล่านี้ก่อน ดูพวกคนกลุ่มนี้สิ, พวกเขาคือกลุ่มคนที่เข้าทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ตอนที่บริษัทตั้งใหม่ๆ โดยเฉพาะคนชื่อหลิวเมย์หรู ผู้ที่รับผิดชอบด้านการเงินของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดแล้ว”
“ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะเริ่มจากครอบครัวของเขา นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ง่ายกว่า”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านเล็กๆนั่น มีการคุ้มกันที่แน่นหนาอยู่ พวกเราเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่”
“เอางี้สิ ไหนๆพวกเราแต่ละคนก็มีแผนของตัวเองอยู่แล้ว, งั้นพวกเราก็แยกย้ายไปทำตามที่ตัวเองคิด แบบนั้นจะทำให้พวกเรามีโอกาสสำเร็จมากขึ้นนะ”
“งั้นก็เริ่มปฏิบัติการกันเถอะ”
บางทีคนพวกนี้จะพูดอะไรที่กำกวมมากไปหน่อย ทำให้คนที่คอยจับตาดูพวกเขาอยู่เกิดความเข้าใจผิด
“ผู้กอง, ผู้กองครับ นี่ผมเสี่ยวเฮย์นะครับ มีบางอย่างผิดปกติกับพวกคนที่ผมจับตาดูอยู่ครับ พวกเขามาที่นี่ไม่ได้แล้วไม่ได้เจอกับอู๋ฮ่าวเหริน พวกเขาจึงคิดที่จะลักพาตัวอู๋ฮ่าวเหรินครับ”
“อะไรนะ ลักพาตัว! คุณไม่ได้เข้าใจผิดแน่นะ ยืนยันตัวตนของพวกเขารึยัง? พวกเขากล้าที่จะลักพาตัวกันอย่างโจ่งแจ้งเลยงั้นรึ?”
“ในปัจจุบันยังไม่ชัดเจนครับ แต่นี่คือบทสนทนาของพวกเขาที่ผมบันทึกเอาไว้ ผู้กองลองฟังดูนะครับ”
หลังจากที่ผู้กองได้ฟัง, เขาก็ยังสงสัยอยู่ เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนเหล่านี้ได้เลย แต่พอจะบอกได้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างนั้นแบบโจ่งแจ้งได้แน่ แล้วพวกเขาจะทำอะไรกันแน่ล่ะ?
“จับตาดูพวกเขาเอาไว้, ถ้ามีอะไรผิดสังเกต ก็ให้พาตัวพวกเขากลับมาได้เลย”
“เข้าใจแล้วครับ, ผู้กอง”
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าที่คนเหล่านี้จะสงสัยพวกเขา, เพราะตั้งแต่ที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เริ่มที่สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอู๋ฮ่าวเหริน และตามสืบคนรอบตัวและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขา
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรม ก็ได้มีบางคนได้นั่งรถเดินทางไปยังหมู่บ้านซุยฉุ่ย มีบางคนนั่งรถไปยังสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป และก็มีบางคนที่ออกไปติดต่อกับพนักงานที่ออกมาทำงานอยู่ข้างนอกบริษัท
คนพวกนี้ดูเหมือนจะรู้การเคลื่อนไหวของบุคลากรของฟิวเจอร์กรุ๊ปชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้พวกคนที่คอยจับตาดูพวกเขานั้นเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก
“บ้าจริง, ไอ้พวกต่างชาติพวกนี้ พวกมันช่างกล้านัก ไม่เห็นหัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย”
“ใช่แล้ว,
ดูหมอนั่นสิ ขนาดอยู่ในที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ ต่อหน้าต่อตาพวกเรา ยังกล้าที่จะติดต่อผู้คนแบบนี้ได้อีกนะ, จะว่าไป ผู้กองยังไม่อนุมัติการจับคนพวกนี้อีกเหรอ?”
“พวกเขาไม่ต้องการให้พวกเราจัดการกับคนพวกนี้ พวกเขาได้ส่งคนที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับสายลับมาคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว หน้าที่ของพวกเราตอนนี้คือคุ้มครองคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“ฉันล่ะไม่ชอบพวกเขาเลยจริงๆ ปล่อยให้พวกเขามาทำยุ่มย่ามในประเทศของเราได้ทุกวันแบบนี้ คนพวกนี้มันน่าจะถูกจับแล้วฆ่าทิ้งให้หมดจริงๆ”
แน่นอนว่า กลุ่มคนที่สายลับกลุ่มนี้จับตาดูเป็นเพียงแค่บุคลากรระดับล่าง แน่นอนว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องถูกจับตาดูอยู่ หลังจากที่ภารกิจนี้เสร็จสิ้น พวกเขาก็พร้อมที่จะกลับประเทศ
วันนี้ พนักงานที่เพิ่งเลิกงานนั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ พวกเธอรู้สึกว่าเหมือนมีคนแปลกๆอยู่รอบๆตัวพวกเขาอยู่
“คุณรู้สึกมั่งไหมว่าช่วงนี้มีคนต่างชาติเยอะผิดปกตินะวันนี้ ดูนั่นสิเขาจ้องมองมาทางพวกเราตลอดเลย” ทั้งสองคนที่ทำงานอยู่แผนกการเงินกำลังทานอาหารอยู่ในโรงแรม ซึ่งพวกเธอทั้งสองคนก็พบว่ามีชาวต่างชาติกำลังมองมาทางพวกเธออยู่ตลอดเวลา
“ดูเหมือนจะจริงนะ วันนี้มีคนมาโรงแรมนี้เยอะจัง มันไม่เงียบสงบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คราวหน้าย้ายร้านดีกว่าไหม?”
อีกทางด้านหนึ่ง หลิวเมย์หรูกำลังมองดูรถที่จอดอยู่ที่หน้าประตูของบ้านเธอ ซึ่งทำให้เธอสงสัย เพราะเธอจำไม่ได้ว่าในครอบครัวของเธอนั้น มีใครที่ซื้อรถแบบนี้
“สวัสดีครับ, คุณหลิวเมย์หรู ผมชื่อไมค์ ลองแมน ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลอังกฤษครับ”
“สวัสดีค่ะ, มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ?” หลิวเมย์หรูก็ยื่นมือของเธอออกไปหมายที่จะจับมืออย่างสุภาพ
เมื่อไมค์เห็นท่าทางของหลิวเมย์หรูแล้ว เขาก็รู้ดีว่าเขาจะต้องแสดงการให้เกียรติต่อหลิวเมย์หรู พวกจึงได้จับมือของเธอและก้มลงจูบที่มือของเธอ
แต่นั้นก็ทำให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น โรคคุณนายสะอาดของหลิวเมย์หรูก็ทำงานขึ้นมาทันทีทันใด เธอรีบชักมือของเธอกลับมาแล้วเตะไปข้างหน้าเต็มแรง
เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาคอยคุ้มครองนั้น เมื่อได้เห็นเหตุการณ์แล้ว พวกเขานั้นคิดว่าไมค์นั้นได้เริ่มลงมือแล้ว จึงได้รีบออกมาจากรถกันทันที
ไมค์นั้นลงไปนอนกองปวดไข่ ส่วนหลิวเมย์หรูไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่ไมค์จะถูกจับกดลงไปนอนกับพื้นโดยพวกเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“คุณหลิวเมย์หรูครับ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เองครับ ขอให้คุณเข้าไปทำใจให้สงบในบ้านก่อนนะครับ”
หลิวเมย์กรูมองดูคนพวกนี้และยื่นสมุดเล็กๆออกมาโชว์ ซึ่งก็ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจสถานการณ์อยู่ดี
และไมค์ที่นอนกองอยู่กับพื้นนั้น เพราะอาการปวดที่ไข่ ทำให้เขาไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เขาจึงถูกคนพวกนั้นพาตัวไปขึ้นรถ
ยังไม่ทันที่จะหมดวัน หลังจากที่คนพวกนั้นพาตัวไมค์ขึ้นรถไป และให้คนนึงพาเธอเข้าไปส่งในบ้าน เธอจึงคืนสติได้ขึ้นมา
“ไม่ใช่เมื่อกี้นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกเหรอ?”
หลิวเมย์หรูมองดูที่มือของเธอและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงเธอจะไม่มั่นใจเท่าไร แต่น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ
คนอเมริกาที่ชื่อสมิธซึ่งได้ขับรถไปที่หมู่บ้านซุยฉุ่ยนั้น ต้องเจอกับโศกนาฏกรรมยิ่งกว่าอีก ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจอดรถไว้กลางทาง แล้วเดินอ้อมเขาเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้านซุยฉุ่ย
บางทีเขาอาจจะต้องการหลีกเลี่ยงการคุ้มกัน แล้วเดินอ้อมเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ทว่าเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านซุยฉุยนั้นมีตระกูลหลิงอาศัยอยู่ด้วย นอกจากครอบครัวของอู๋ฮ่าวเหริน
แน่นอนว่า ฐานะของตระกูลหลิงในกองทัพนั้น ถือว่าเป็นตัวตนที่พิเศษมาก, และผลก็คือ คนๆนี้ถูกจับโดยทหารที่ออกลาดตระเวณอยู่บนเขา
เมื่อตอนที่เขาถูกส่งให้พวกเจ้าหน้าที่ๆคอยจับตาดูเขานั้น ดูเหมือนไมค์จะโดนซ้อมโดยทหารพวกนั้นเพื่อสอบสวนจนสลบไป
หลังจากที่กลุ่มคนพวกนั้นถูกส่งมาที่สถานีตำรวจในอำเภอหยุนหลง มีเพียงไม่กี่คนที่โชคดีรอดไปได้ นอกนั้นถูกจับหมด
“ผู้กองครับ, ดูเหมือนพวกเราจะทำอะไรผิดไปรึเปล่าครับ?”
“หมายความว่าอย่างไรรึ?”
“ผมได้สอบสวนคนพวกนี้แล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือเข้าพบประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะปัญหาอะไรบางอย่าง คุณอู๋ฮ่าวเหรินปฏิเสธที่จะพบพวกเขาครับ พวกเขาเลยต้องการที่จะเข้าพบคุณอู๋ฮ่าวเหรินด้วยวิธีนี้”
ผมจะฟ้องพวกคุณ พวกคุณละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากอเมริกา พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะมาขังผมไว้แบบนี้”
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากอังกฤษนะ ผมเข้าประเทศของคุณอย่างถูกกฏหมาย พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะมาจับผม”
ฟังคนพวกนี้ตะโกนออกมาจากด้านใน ผู้กองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา บางทีเรื่องคราวนี้เขาอาจจะทำผิดพลาดจริงๆก็ได้
“ขอผมรายงานสถานการณ์ให้เบื้องบนก่อนละกัน พวกคุณก็คอยจับตาดูคนพวกนี้ไว้ บางทีพวกเขาอาจจะติดต่อกับพวกสายลับก็ได้
แต่ถ้าคนพวกนี้ไม่ติดต่อกับพวกสายลับเลย พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับคนพวกนี้ได้ ซึ่งมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากในการจัดการกับคนพวกนี้
แต่ถ้าคนพวกนี้ลักลอบติดต่อกับสายลับ ก็เป็นข้ออ้างให้พวกเขาจัดการกับคนพวกนี้ได้ โดยไม่ต้องสนว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม ซึ่งใช้เป็นเหตุผลในการจับกุมคนเหล่านี้ได้
ในช่วงที่ผ่านมานี้ มีสายลับมากมายจากประเทศต่าง, มาเพราะเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ทำให้คนพวกนี้หลั่งไหลเข้ามาที่อำเภอเล็กๆแห่งนี้
ทุกๆวัน จะต้องมีสายลับไม่ต่ำกว่า 50 คน ที่เข้ามาเพื่อยืนยันเรื่องข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปจากพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปเอง
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินทราบข่าว เขาก็รู้สึกแปลกๆ เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะเข้ามาหาเขาด้วยวิธีการนี้
อู๋ฮ่าวเหรินได้แจ้งอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขาไม่ต้องการที่จะพบกับพวกเขาในช่วงนี้ สำหรับคนพวกนี้แล้ว เขาตั้งใจที่จะกดดันพวกเขาให้ถึงที่สุด
ที่เขาไม่พบกับคนพวกนี้เป็นเพราะว่ารัฐบาลของพวกเขานั้นได้ละเลยที่จะทำตามสัญญาของเขา แล้วคนพวกนี้ก็ยังมาก่อปัญหาอีก เขาคงจะต้องรอจนกว่าคนพวกนี้จะลดความถือดีของตัวเองลง
เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงจะไม่ต่อรองในสัญญาอีกแล้ว
————————-
คอมเม้นต์