อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 231
CF:บทที่ 231 ขโมยซีน
ฝูงชนไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน พวกเขามัวแต่จัดการเกี่ยวกับสองงานเพื่อที่จะคว้าผลสำเร็จมาให้ได้
ทั้งๆ ที่เก๋าเล่ยและเหยายู่ค่ายคิดว่ามันโอเคแล้ว แต่กลุ่มเซียนคอมพิวเตอร์ยังไม่เห็นด้วยและยืนยันที่จะปรับเพิ่มอีกสักหน่อย คนทั้งสองมองดูบรรยากาศในการทำงาน ไม่อาจจะร้องไห้หรือหัวเราะได้เลย พวกเขาทำงานอย่างกับเป็นการทดลองผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขาเลยทีเดียว
“ถ้าเจ้านี่เผยแพร่ออกไปนะ ฉันกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ ปล่อยให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยพวกเราปรับการ์ตูนและอนิเมชั่นให้จะดีกว่านะ” เก๋าเล่อนั่งลงตรงนั้นและมองดูกลุ่มคนที่กำลังง่วนอยู่กับงาน
เหยายู่ค่ายรับเครื่องดื่มมาดื่มและกล่าวว่า “ถ้ามีใครรู้นะ คนพวกนั้นต้องพูดว่าคนพวกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แน่ๆ อย่างไรก็ตาม มันช่างดีเหลือเกินที่ได้เห็นอะไรแบบนี้”
ในตอนนี้ ฉันได้ยินหวังจี้พูดขึ้นว่า “โอเค โอเค ในตอนนี้ พวกเราประสบความสำเร็จมาถึงระดับนี้แล้ว คุณทั้งสองคนพอใจหรือไม่? ถ้ายังมีตรงไหนที่ยังไม่เป็นที่พอใจ พวกเราจะได้เปรียบเทียบข้อมูลเพิ่มให้อีก”
ได้ยินดังนี้ ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พอใจแล้ว พอใจมากเลย ไม่มีอะไรต้องปรับอีกแล้วล่ะ”
จากนั้นพวกเขาก็ตรงมาที่คอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วสูงสุดและเริ่มทำการคัดลอกงานที่ปรับแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรที่ไม่พอใจ พวกเขาตัดสินใจที่จะนำงานกลับไปแก้ไขอยู่ดี
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินเข้ามาที่บริษัทในตอนเช้า เขาก็ได้เห็นงานหนังสือการ์ตูนและการ์ตูนถูกนำมาให้โดยหวังหลาน ตอนนี้พวกเขาช่างแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง เทคนิคพิเศษและการสร้างฉากภายในได้เปลี่ยนไปแล้ว
“คนพวกนี้ทำงานอย่างหนัก พวกเขาใช้เวลาอย่างมากและพวกเขาก็มีโปรแกรมพิเศษที่สามารถจัดการกับงานทั้งสองอย่างนี้ได้”
เขาดูภาพยนต์อนิเมชั่นอยู่ชั่วครู่ และรู้สึกว่ามันไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ฉากต่างๆ ในนั้นดูเหมือนจริงมากๆ
เทคนิคพิเศษและบางอย่างที่ดูขัดตาก็ได้ถูกจัดการแล้ว มันดูดีมากเลยทีเดียว
“หวังหลาน เข้ามาสิ”
“ท่านประธาน มีอะไรหรือคะ?”
“บอกพวกเขาว่าเอฟเฟกต์แบบนี้มันโอเคแล้ว ให้พวกเขาเผยแพร่บนเว็บไซต์หลักได้เลยนะ”
“ได้ค่ะ ฉันจะบอกพวกเขาให้”
เมื่อทราบผลว่า อู๋ฮ่าวเหรินได้เห็นชอบกับการทดลองแล้ว กลุ่มคนที่รอฟังคำตอบอยู่ก็พากันโล่งใจในที่ที่สุด
“จากนี้ พวกคุณสองคนต้องไปที่แผนกวิจัยคอมพิวเตอร์ ให้พวกเขาเปิดโปรแกรมให้เรา พวกเราจะไม่ไปหาเขาแต่เราจะใช้โปรแกรมของพวกเขาทำงานนี้”
ชายสองคนที่ทำหน้าที่ด้านเทคนิคพิเศษพยักหน้า พวกเขารู้เพียงว่าในเช้าวันนี้มีกลุ่มคนมาศึกษาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ที่บริษัท
“เจ้านายครับ คุณอยากจะเพิ่มปัญญาประดิษฐ์ลงไปในการสร้างเทคนิคพิเศษหรือเปล่าครับ?”
“ใส่สิ หนังสือการ์ตูนก็ใส่ลงไปด้วย จะได้ดูมีอะไรซึ่งเป็นการปรับโดยปัญญาประดิษฐ์”
“นี่มันไม่ใช่แล้วนะ ต้องถามเจ้านายก่อนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์? ดูเหมือนว่าบริษัทจะยังไม่ประกาศนะว่าบริษัทมีปัญญาประดิษฐ์แล้ว”
“เสี่ยวเฉียน คุณช่วยถามคุณเลขา หวังหลานให้ที”
ไม่นานนักก็มีตอบกลับมาว่า “ไม่มีปัญญา เจ้านายเห็นด้วยแล้ว”
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใดตั้งแต่เปิดตัวหุ่นยนต์ เพียงแค่บริษัทยังไม่ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
พวกเขาได้สร้างหน้าเพจเพื่อการเปิดตัวบนเว็บไซต์หลักแล้ว ตอนนี้พวกเขาเพียงแต่ต้องอัพโหลดงานขึ้นไปเท่านั้น
ผู้คนบนกระดานสนทนา จริงๆ แล้ว พวกเขาได้เปิดหมวดบันเทิงไปเรียบร้อยแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ
ดังนั้นหลังจากที่อัพโหลดงานขึ้นไปแล้ว มันยังค่อยได้รับความสนใจนักในตอนแรก จนกระทั่ง ลิวหมิงเยว่ปรากฏตัวขึ้นมา เธอได้ทิ้งข้อความไว้ที่กระดานข่าวของบริษัท
จากนั้นกลุ่มผู้สื่อข่าวจึงกลายเป็นแกนนำ ด้วยความคิดที่ว่าตราบใดก็ตามข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างไรเสียก็คือข่าวใหญ่ พวกเขาเข้าไปที่เว็บไซต์และดูผลงานนั้น แล้วพวกนักข่าวก็ตกหลุมพรางนี้ เมื่อพวเขาได้อ่านประเด็นแรกของการ์ตูนและอนิเมชั่นพวกเขาก็ผุดไอเดีย และได้ทิ้งข้อความไว้ด้านล่าง
“ดูตรงคำว่าผู้สร้างที่อยู่ด้านล่างสิ ปัญญาประดิษฐ์นี่เป็นชื่อคนหรือ?”
“ปัญญาประดิษฐ์!”
“ฉันรู้มาว่าข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปช่างเป็นข่าวที่ใหญ่จริงๆ”
ไม่นานนักพวกนักข่าวก็หายไป พวกเขากำลังเร่งรีบเกี่ยวกับเนื้อหาข่าวกันอยู่ เพื่อที่ว่าพวกเขาก็จะได้เผยแพร่ข่าวได้ก่อนคนอื่นๆ
เกือบสามสิบนาทีต่อมา ข่าวส่วนใหญ่จะพาดหัวข่าวว่า “การวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป” ปรากฏอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต
ผู้คนบนกระดานข่าวได้เห็นข่าวพวกนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ข่าวที่พวกเขาพูดถึงปรากฏนั่นคือการ์ตูนและภาพยนต์อนิเมชั่นที่อยู่ในหมวดบันเทิง
“เข้าไปดูสิ พวกเขาใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างอนิเมชั่นและการ์ตูน นี่แหละคือสิ่งที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปทำ”
“ยังไงก็ตาม เงินก็เป็นตัวการสำคัญ ไม่นานมานี้กูเกิ้ลเองก็เคยทดสอบการใช้ปัญญาประดิษฐ์ โดยทดสอบความสามารถด้านตรรกะการใช้เหตุผลของปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งพูดได้เลยว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว ในอนาคตการวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์จะสามารถนำมาใช้ได้จริง”
ในตอนนี้บางคนที่ได้เห็นผลงานนั้นตางพากันเข้ามาที่กระดานข่าวเพื่อแสดงความคิดเห็น
“ผลิตภัณฑ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป คุณภาพดีจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ตูนและอนิเมชั่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เป็นผลงานที่มีมโนธรรมมาก ดูดีมาก”
“มันเท่มากเลยสำหรับประเทศของเราที่สามารถสร้างภาพยนต์อนิเมชั่นที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ได้”
“นี่มันไม่เห่ยเลย คุณไม่จำเป็นต้องดูที่การวิจัยปัญญาประดิษฐ์หรอก ว่าจะราคาสักเท่าไร ถ้าเราไม่สามารถสร้างสรรค์งานที่เปี่ยมไปด้วยมโนธรรมเช่นนี้ได้นะ พวกผู้สร้างก็สมควรถูกฆ่าแล้วล่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดก็มีภาพยนต์อนิเมชั่นที่ดีในประเทศซะที ฉันหวังว่าบริษัทจะสร้างอนิเมชั่นดีๆ แบบนี้อีกในอนาคตนะ”
“ฉันอยากรู้เกี่ยวกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์โดยฟิวเจอร์กรุ๊ป เมื่อเปรียบเทียบกับกูเกิ้ล ปัญญาประดิษฐ์ของใครจะทรงพลังมากกว่ากัน?”
“ใช่เลย ฉันไม่ได้คาดหวังในฟิวเจอร์กรุ๊ปเลย ว่าบริษัทนี้จะศึกษาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ มีคนพูดกันว่าที่ถูกแฮคเกอร์โจมตีครั้งล่าสุดนี่ก็ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการป้องกันใช่หรือเปล่านะ?”
“ฉันเชื่อว่าท่านปรธานเป็นอัจฉริยะตัวร้าย”
“อย่าลืมสิว่าหุ่นยนต์ถูกผลิตออกมาไม่นานมานี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เข้าสู่ขั้นการใช้งานได้แล้ว”
หลายคนคิดว่ารูปที่ปรากฏออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วิดีโดแต่จากคำอธิบายของพนักงานในฟิวเจอร์กรุ๊ป หุ่นยนต์นั้นทรงพลังมาก
ผู้สร้างการ์ตูนและอนิเมชั่นต่างพากันดีใจที่ได้เห็นคะแนนประเมินที่ปรากฏอยู่ใต้ผลงานของพวกเขา นานนับชั่วโมง ยอดวิวก็เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านวิ และจำนวนก็เพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งหมื่นวิวทุกนาที โดยเฉพาะยอดการติดตาม คนส่วนมากรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เรตติ้งแย่ๆ ก็ไม่ปรากฏอีกเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อดูที่พื้นที่การอภิปราย พวกเขาก็มีความกดดันเล็กน้อย จากคอมเม้นท์เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ คอมเม้นท์ด้านล่างส่วนมากถามพวกเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มีเพียงไม่กี่คนที่พูดคุยเกี่ยวกับตัวผลงานของพวกเขา แต่โดยส่วนมากแล้ววงสนทนาจะเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ มันช่างเป็นสิ่งที่น่ากดดัน ถึงแม้ว่าผลงานจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่ผู้ชนะที่แท้จริงดูเหมือนจะเป็นเหล่าคนที่สร้างปัญญาประดิษฐ์
“เก๋าเล่อ นี่พวกเราชนะหรือว่าแพ้กันแน่? ถ้าไม่มีข้อความเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ มันก็คงไม่มีคนมาดูผลงานของเราเยอะขนาดนี้”
“ก็ต้องยกประโยชน์ให้นะ ถึงแม้ว่าจะถูกขโมยซีนก็ตาม ยังไงปัญญาประดิษฐ์ก็มีอิทธิพลมากกว่า คนนี้พวกแน่นอนว่าใช้ผลงานของพวกเราเพื่อประชาสัมพันธ์ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา บางคนแทบจะไม่ได้มองเห็นผลงานของพวกเราเลยด้วยซ้ำเพราะว่าเหตุผลนั่นก็คือปัญญาประดิษฐ์ที่ดูโดดเด่นกว่านั่นเอง”
เมื่อผู้คนคิดเช่นนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะคิดถูกเลยทีเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานของพวกเขาแล้วอิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ก็ยังคงเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้พวกเขาได้สร้างไว้บนประวัติศาสตร์
——————-
คอมเม้นต์