อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 241
CF:บทที่ 241 เข้าโจมตีกองทัพ (เสริม 1)
อันที่จริงแล้ว จี้หาข้อมูลแบบนี้ได้ง่ายมาก ตราบใดที่พวกเขายังใช้วิธีการส่งต่อข้อมูลและใช้ดาวเทียม จี้ก็จะรู้ไปด้วย
แน่นอนว่า สิ่งนี้ทำให้ประเทศใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทบางตัวเพื่อจับตามอง
ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ อู๋ ฮ่าวเหรินจะไม่ให้จี้ทำอะไรแบบนั้น
“ถูกต้อง ตัวคุณเอง ที่เป็นเป้าหมายของพวกเขา”
อู๋ ฮ่าวเหริน มองไปที่พวกเขาซึ่งมีอยู่ไม่มาก กองกำลังหกทั้งหกดำเนินการตามแผนสำเร็จ รวมถึงกลุ่มทหารรับจ้างด้วย
“ถ้างั้น ให้พวกเขาถอนกองกำลังออกมาจากประเทศนั้น แล้วนายก็เข้าไปควบคุมการสื่อสารโดยตรง อย่าให้พวกเขาจับได้ล่ะ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่นดูก่อน แล้วจากนั้นเราค่อยหาที่ดีๆไว้โจมตีพวกมัน”
สถานที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ที่หายาก และเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง รัฐบาลออสเตรเลียจึงได้ส่งกองทัพเข้ามาด้วย
หลังจากที่ได้ศึกษาและครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงได้โทรหาหวังหลานพลางอธิบายเรื่องที่ว่าให้เธอฟังว่าเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาจะต้องมุ่งตรงไปยังสถานที่จัดการแข่งขันได้เลย ไม่ออกไปนอกเส้นทาง
“ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวแล้ว” จี้เตือนเขา
อู๋ ฮ่าวเหรินมองดูเหตุการณ์ นี่น่าจะเป็นเพราะสายลับแน่ๆ ต้องบอกหวังหลานเรื่องเส้นทางของพวกเขาไปยังคนที่อยู่ที่โน่น
“เอาล่ะ บอกพวกเขาไป มีอีกเรื่อง ช่วยเพิ่มข้อความไปด้วยว่า ฉันเองก็ไปที่นั่น แผนปฏิบัติการของพวกเขาเปลี่ยนแล้ว พวกเขาจะต้องโจมตีและลักพาตัวฉันไป”
กลุ่มคนที่ปฏิบัติภารกิจและตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของอู๋ ฮ่าวเหริน นั้นก็เริ่มที่จะโอนถ่ายข้อมูลที่ได้รับมา
พวกเขาไม่รู้อะไรเลย นอกจากนี้ สิ่งที่พวกเขาติดต่อสื่อสารด้วยในตอนนี้ไม่ใช่สำนักงานใหญ่อีกต่อไป แต่เป็นจี้ที่กำลังสื่อสารกับพวกเขา
นายพลสตีฟเข้าไปจัดระเบียบทหารในกองทัพที่ตั้งอยู่ เพื่อความปลอดภัยของการแข่งขัน เขาจึงส่งทหารไปไม่กี่นายเพื่อให้เป็นการตรวจสอบแค่เชิงสัญลักษณ์
แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ในตอนนี้มีใครบางคนหาญกล้าที่จะเข้ามาที่นี่ ถ้าอีกฝ่ายเตรียมการที่จะลงมือมาแล้วล่ะก็ เตรียมถูกขยี้เป็นผุยผงได้เลย
หลังจากหวังหลานและคนของเธอลงจากเครื่องบิน พวกเธอได้เดินตามพนักงานต้อนรับที่รัฐบาลออสเตรเลียส่งมาเพื่อตรงไปยังโรงแรมถัดจากถนน
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บริหารถึงบอกไม่ให้พาใครต่อใครเดินแถวๆนี้เมื่อเธอมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงทำตามคำสั่งของอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างเคร่งครัด
เฉินเจิ้งหนิงเองก็อยากจะไปทะเล แต่ก็ถูกบังคับให้อยู่ในโรงแรม ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้ไปทะเล
ท้องฟ้าในประเทศออสเตรเลียเริ่มจะมืดลงแล้ว
กลุ่มคนต่างเดินย่องไปที่สถานีซึ่งอยู่ไม่ห่างจากถนน
ตอนนี้ บรรดาทหารในค่ายต่างพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสงครามปัญญาประดิษฐ์ไม่ก็สาวๆ
“ท่านนายพลครับ มีพวกคนแปลกๆอยู่ข้างนอกครับ”
“หา คนแปลกๆงั้นหรือ เตือนทหาร ไปดูว่าพวกเขาเป็นใคร”
ไม่ช้า สีหน้าของนายพลสตีฟเริ่มดูแย่ลงเพราะพวกนั้นคือกลุ่มคนที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ พวกเขาอาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายที่ตั้งใจจะเข้ามาในค่ายนี้และพร้อมที่จะเข้าจู่โจมอย่างเห็นได้ชัด
“บ้าเอ้ย ไอ้คนพวกนั้นมันบ้าไปแล้ว พวกนั้นต้องการจะเข้าโจมตีค่ายเรา แจ้งไปที่ทุกคนให้เตรียมพร้อมสู้ อย่าปล่อยให้พวกมันเหลือรอด ฉันต้องการให้พวกมันได้รู้ว่าถ้าคิดจะทำอะไรแบบนี้ ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต”
กลุ่มคนดังกล่าวไม่รู้เลยว่าพวกตนกำลังเดินเข้าสู่กับดักแห่งความตาย พวกเขาคิดเพียงแค่ว่าหลังจากจับตัวอู๋ ฮ่าวเหริน ได้แล้ว ก็สามารถไปพักผ่อน เที่ยววันหยุดได้
ช่วงเวลาตีสอง กลุ่มคนเริ่มมีการเคลื่อนไหวและว่องไวมากในฐานะที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการบุคคลในเวลานี้ และเพื่อเป็นการยืนยันว่าภารกิจนี้จะสำเร็จ คนที่ได้รับเลือกจึงล้วนแล้วแต่เป็นพวกหัวกะทิ
โชคร้ายที่พวกเขาไม่รู้ตัว นายพลสตีฟยกพลมารวมตัวกันที่ค่ายพร้อมกับเหล่าทหารที่ยืนรออยู่ด้านนอก
ทันทีที่พวกนั้นบุกเข้ามาในค่าย เหล่าทหารก็ไม่ต้องการให้ใครเหลือรอดออกไป
“ผู้กอง ผมคิดว่านี่มันไม่ใช่ มันเงียบเกินไป บางทีอาจมีฝ่ายอื่นกำลังปฏิบัติภารกิจเหมือนกับพวกเราอยู่ด้วย”
“เข้าไปข้างใน ไปดูกันเถอะ ถ้าเป็นความเข้าใจผิด ก็ไม่ต้องสนใจเป้าหมาย แค่ออกไปจากที่นี่”
ผู้นำเองยังรู้สึกว่านี่มันผิดปกติ เพียงแต่ว่าถ้าเจอสถานการณ์ที่เป็นอันตรายนั้น พวกเขาก็ควรจะหนีไปแม้จะยังไม่ได้จัดการกับเป้าหมาย
“ท่านนายพลครับ มีการยืนยันแล้วว่าทุกคนเข้าไปในพื้นที่แล้ว”
“จัดการ ฆ่าพวกมันมาให้ฉัน” นายพลสตีฟกล่าวขึ้น สีหน้าดูหมองคล้ำ
เขาคิดว่านี่เป็นแค่เหตุบังเอิญ แต่ไม่คิดถึงขั้นว่าผู้คนจะเข้าโจมตีที่อยู่อาศัยของเขาจริงๆ และถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ในตอนนี้ ทหารของเขาจะต้องถูกฆ่าตายในคืนนี้อย่างแน่นอน
“เวรแล้ว หนีเร็ว มีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นกับข้อมูล ที่นี่คือฐานทัพ เราถูกหลอก”
แต่ช่างโชคร้ายที่มันสายเกินไปเสียแล้ว ข้างนอกมีเสียงยิงปืนดังขึ้น แสงไฟที่ฉายมาทำให้พวกเขาต้องเข้าไปหลบใต้เงาของตัวตึก
เมื่อได้ยินเสียงใบพัดที่ดังอยู่บนหัว พวกเขาจึงได้รู้ว่าภารกิจล้มเหลวแล้ว และถ้าหนีไปได้ พวกเขาก็จะกลับไปฆ่าคนที่รายงาน
ผู้รุกรานบางคนก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบนท้องฟ้า พวกเขาก็ต่างชะงักงัน
จากนั้น พวกเขาก็เริ่มวิ่งหนีเอาตัวรอดเพราะนี่คือหนทางเดียว และตัวตนของพวกเขาก็ถูกกำหนดมาว่าไม่สามารถเปิดเผยได้
หลังจากเห็นว่ามีทหารบางส่วนได้รับบาดเจ็บ นายพลสตีฟจึงมีคำสั่งโดยตรงให้ฆ่าพวกเขาและไม่มีการจับเป็น
เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธที่ไม่ได้ออกปฏิบัติการก็เข้าร่วมด้วย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีทางอากาศ ก็ไม่มีความหมายที่จะต้องโต้กลับกับคนพวกนี้ พวกเขาไม่มีแม้แต่อาวุธหนักที่จะทำให้ภารกิจนี้บรรลุ
ไม่มีใครรอดชีวิต หรือไม่เช่นนั้น พวกเขาก็เลือกที่จะฆ่าตัวตายก่อนถูกจับ
การต่อสู้ที่ไม่มีฝ่ายไหนรู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนั้นจบลงด้วยความยุ่งเหยิงพร้อมกับชัยชนะของกองทัพออสเตรเลีย
ก่อนที่นักข่าวจะมาถึง ทางกองทัพได้จัดการให้สนามรบดูเรียบร้อย ศพต่างถูกขนออกไปในเที่ยวแรก
เพราะตอนนี้นายพลสตีฟอยู่ ตัวตนของศพนั้นมีความพิเศษเล็กน้อยแต่อย่าให้พวกนักข่าวถ่ายรูปไปจะดีกว่า
เมื่อประเทศเหล่านั้นได้ข่าว พวกเขาก็ถึงกับมืดแปดด้าน และพวกเขาบางคนก็มองไปที่ฝ่ายข้อมูลซึ่งถูกส่งมาจากแผนกข้อมูลอย่างไม่อยากเชื่อ
“มีใครบอกฉันได้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึงไม่ทำตามแผน แถมยังโจมตีทหารของออสเตรเลียอีก ไหนบอกซิ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ผมไม่ทราบ เราไม่ได้ข้อมูลใดๆที่บอกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแผนเลย และดูเหมือนว่าพวกเขาเลยตัดสินใจโจมตีที่นั่นชั่วคราว”
“ไม่มีทางหรอก จะต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่นั่นแน่ๆ และแม้ว่าเราจะเปลี่ยนแผนแค่ชั่วคราว แล้วประเทศอื่นๆล่ะ เขาเปลี่ยนแผนแค่ชั่วคราวบ้างไหม”
เมื่อมองไปที่ข้อมูลจากแผนกข้อมูล สีหน้าทุกคนดูแย่ลงไปถนัด พวกเขาต่างเดาผิด
“แผนการถูกเปิดโปง เราส่งข้อมูลผิดๆให้กัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแผนถูกเปิดเผย ไม่ใช่แค่เรา แต่เป็นทั้งประเทศที่พร้อมจะล่มสลาย”
จากมุมมองของฝ่ายข้อมูล แม้เขาจะไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้รู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
และเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียจะประกาศว่าเป็นเพียงการซ้อมรบชั่วคราวเท่านั้น
แม้ว่าพวกนักข่าวจะรู้สึกประหลาดใจ แต่พวกเขาก็เห็นเหล่าทหาร เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธ พวกเขารู้สึกว่าคงไม่มีหน้าโง่คนไหนเข้าจู่โจมกองทัพหรอก จากนั้นพวกนักข่าวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก
เพราะนี่เลยเวลาตีสองไปมากแล้ว การต่อสู้เองก็ยุติไปเมื่อไม่นานอีกทั้งยังไม่ได้มีใครสนใจมากนัก
กว่าอู๋ ฮ่าวเหริน จะรู้เรื่องนี้จากจี้ ก็เป็นเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว ที่ซิดนีย์ การแข่งขันปัญญาประดิษฐ์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
——————-
คอมเม้นต์