อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 257
CF:บทที่ 257 วิกฤติการณ์พลาสติก
ด้วยการพัฒนารูปแบบที่หลากหลายของวัสดุเส้นใยพืช โดยฉพาะอย่างยิ่งด้านราคาที่เป็นที่ถูกอกถูกใจ บางประเทศที่ไม่ได้มีผลกระทบมากนักก็ได้แสดงวัสดุเส้นใยพืชเป็นอย่างแรก เมื่อเห็นว่าวัสดุชิ้นนี้เหมือนกับที่รัฐบาลจีนโฆษณาไว้เป๊ะๆ วัสดุพลาสติกที่เดิมทีซื้อจากประเทศอื่นๆก็เริ่มมีการนำเข้าจากจีนหลังจากได้รับข้อตกลงจากรัฐบาลจีน
วัสดุดังกล่าวที่มีราคาแสนถูก รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นได้เป็นที่รู้จักในอีกไม่ช้าจากผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกบางรายในตลาดนานาชาติ
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้ได้รับผลกระทบเป็นรายแรกคือ จีอีซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โรงงานบางแห่งนั้นแรกเริ่มเดิมทีนั้นนำเข้าวัสดุพลาสติกจากที่นี่โดยตรงก็เริ่มที่จะนำเข้าวัสดุเส้นใยพืชจากจีนแทน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อัตราการผลิตขนาดใหญ่จากโรงงานพลาสติกนั้นตกลงอย่างมาก ถ้าพวกเราไม่หาทางแก้ปัญหานี้ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อวัสดุเส้นใยพืชเป็นที่ยอมรับ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะสูญเสียตลาดการค้าพลาสติกไป
ในตอนนี้ เมื่อรัฐบาลอเมริกาได้เห็นคำขอวัสดุเส้นใยพืช ก็เกิดความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ถ้านำวัสดุเหล่านั้นเข้ามาในประเทศ บริษัทพลาสติกเหล่านั้นก็จะต้องปิดตัวลงในไม่ช้า
“เราควรจะทำยังไงดี เราจะต้องยอมแพ้การตลาดขนาดใหญ่แบบนี้ให้กับจีนใช่ไหม”
“ไม่มีทางแล้วนี่ พอวัสดุตัวใหม่นี้เข้ามา เราก็ไม่มีหนทางอะไรแล้ว”
“นั่นน่ะสิ ข้อห้ามพวกนี้ไม่เห็นจะดีเลยสักนิด พอหมดวัน นักสิ่งแวดล้อมพวกนั้นก็จะต้องออกมาพูดแน่นอน”
ในตอนนี้ พวกเขาสามารถผ่านลิงค์การตรวจสอบเพื่อกันเวลาเข้าของวัสดุตัวนี้
แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้อยู่ตลอดเวลา
“ถ้าไม่มีหนทางที่จะได้เทคโนโลยีการผลิตวัสดุตัวนี้ เราก็คงได้แต่มองตลาดที่มีแต่วัสดุตัวนี้เต็มไปหมด”
“ไม่จริงเลยสักนิด นายควรเข้าใจให้ชัดเจนเกี่ยวกับผลกำไรที่ตลาดพลาสติกนำมาให้ทุกๆปีสิ”
“เจ้าหน้าที่ถึงกับนั่งไม่ติด ครอบครัวของเขานั้นมีกิจการอุตสาหกรรมพลาสติกมากมาย ถ้าเกิดรัฐบาลจีนเข้ามายุ่งจริงๆล่ะก็ ครอบครัวของเขาคงเป็นอันจบสิ้น
ช่วงสุดท้ายของการพูดคุยกันนั้น ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้เกี่ยวกับทางเลือกพลาสติกแบบใหม่ตัวนี้
ราคาไม่ใช่ข้อดี การผลิตวัสดุนั้นเป็นมากกว่าฟางธรรมดา ไม่ต้องพูดถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมเลย
สำหรับตอนนี้ ในตลาดนานาชาติ ราคาวัสดุพลาสติกแบบดั้งเดิมยังคงตกลงอย่างต่อเนื่องเหตุเพราะการเข้ามาของวัสดุเส้นใยพืช
วัสดุเส้นใยพืชบางตัวก็มีรายชื่ออยู่ในบริษัทอุตสาหกรรมพลาสติก
หลายวันมานี้ ราคาหุ้นเองก็ตกแล้วตกอีก คนหลายคนถึงเข้าใจถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของวัสดุเส้นใยพืช
ผลิตภัณฑ์พลาสติกบางตัวก็มีผลิตภัณฑ์เส้นใยพืชมาแทน
เมื่อต้องพบเจอผลกระทบจากตัววัสดุดังกล่าว บริษัทส่งออกพลาสติกหลายแห่งซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุดั้งเดิมก็ไม่มีคำสั่งให้พวกตนผลิตอีก
ที่บริษัทพลาสติกจีอี ผู้จัดการทั่วไปมองคำสั่งที่เข้ามาเพียงอันเดียว บางคนในนั้นก็นั่งอยู่ด้วยใจห่อเหี่ยว
“แล้ว เราจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี”
“แก้ไม่ได้ เพราะเราไม่มีผลประโยชน์อะไรกับวัสดุตัวนั้นยกเว้นแต่วัสดุพลาสติกแบบพิเศษ ถ้าเรายังเดินแบบนี้ต่อไป ผลสุดท้ายวัสดุตัวใหม่ก็จะต้องมาแทนที่เรา”
“หรือถ้าจะให้พูด เราไม่ทางไปแล้วสิ ใช่ไหม”
เมื่อได้เห็นสีหน้าของผู้จัดการทั่วไป ตัวผู้จัดการฝ่ายขายจึงผงกหัวก่อนจะพูดขึ้น “แล้วตอนนี้ สาขาของเราในประเทศจีนก็ไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาแล้ว พวกเขาถามว่าพวกเราจะเอายังไงต่อ”
“ให้พวกช่างออกมาและปิดสาขานั้นซะ”
“แต่…”
“แล้วจะให้ฉันพูดอะไรอย่างอื่นได้อีกเหรอ”
“นี่เป็นข้อมูลที่ผมได้มา เพียงแค่สัปดาห์เดียว เรื่องพวกนี้ก็เต็มไปหมด บริษัทลูกอีก 37 สาขาในต่างประเทศก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้รวมถึงไม่ได้รับคำสั่งซื้อใดๆเข้ามาเลย”
ผู้จัดการฝ่ายขายอยากจะพูดเรื่องนี้ จากแนวโน้มที่เป็นเช่นนี้ การผลิตพลาสติกแบบเดิมต้องเผชิญกับการไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามา
จากการวิเคราะห์ของเขาเกี่ยวกับเรื่องของวัสดุเส้นใยพืช การที่จะให้พลาสติกธรรมดาไปสู้กับวัสดุแบบใหม่เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
การแข่งขันเช่นนี้ช่างโหดร้าย จากสถานการณ์ในปัจจุบัน จีอีพลาสติกมีแนวโน้มที่จะยอมถอยในตลาดพลาสติกแล้ว
วิกฤติการพลาสติกได้เกิดขึ้นแล้วเนื่องจากการเข้ามาของวัสดุเส้นใยพืชในตลาดพลาสติกระดับนานาชาติ ผู้จัดจำหน่ายวัสดุรู้สึกตัวเองไม่รู้อะไรเลย
เพื่อที่จะฟื้นฟูราคา ผู้ผลิตวัสดุบางรายจึงยังคงลดราคาพลาสติกธรรมดาอยู่
ถ้าไม่มีจีน ผู้ผลิตพลาสติกรายใหญ่ และวัสดุเส้นใยพืชในบริษัทที่ผลิตพลาสติกจะเป็นตัวเลือกให้ผู้ผลิตพลาสติกในประเทศเล็กๆบางประเทศเท่านั้น และตัววัสดุอาจจะขายไม่ได้
ในตอนนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินนั่งอยู่ในห้องทดลองพลางดูข่าวต่างประเทศ พร้อมกับฟังผลกระทบที่มาจากเชาว์ปัญญาของเขาเรื่องวัสดุเส้นใยพืช
เพราะเป็นวัสดุเส้นใยพืช เขาควรจะต้องเข้าร่วมสู้ในเรื่องนี้ด้วย แต่ตอนนี้มีประเทศเป็นคนออกหน้า เขาจึงไม่รู้สึกกังวลอะไร
“หรือประเทศพวกนั้นทำอะไรกันไม่ได้แล้ว”
“สำหรับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแทนที่ของที่เหนือกว่าอย่างวัสดุเส้นใยพืชกับวัสดุอื่นๆก่อนที่เทคโนโลยีใหม่ๆจะเข้าไปเปลี่ยนแปลง”
อู๋ ฮ่าวเหริน รู้ว่าสิ่งที่จะเปลี่ยนไปในอนาคตนั้นคืออะไร นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวัสดุเช่นนี้จึงไม่สามารถได้รับการแสดงได้เพราะนิทรรศการณ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะนำไปสู่การล้มล้างอันสมบูรณ์แบบของผลิตภัณฑ์พลาสติก
“ตอนนี้ ผู้ผลิตพลาสติกคงจะเกลียดฉันน่าดู วิธีนี้ จากที่พวกของตัวเคยเป็นฝ่ายที่ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและขายของให้กับเรา แต่คราวนี้ถึงทีที่พวกเขาจะได้ลิ้มรสขีดจำกัดของเทคโนโลยีบ้าง”
เมื่อได้เห็นรายงานของวัสดุเส้นใยพืชในข่าวและมีการกล่าวถึงเขา อู๋ ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว หลังจากนี้อิทธิพลของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะแผ่ขยายออกไปในเร็ววัน
“จี้ เตรียมตัวให้พร้อม เราจะใช้สถานการณ์ในตอนนี้ให้เป็นประโยชน์และเผยแพร่ข้อมูลของแหล่งพลังงาน”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าประเทศจีนสร้างแหล่งพลังงานดีๆไม่ได้ งานวิจัยของเขาเรื่องแหล่งพลังงานที่เขาคิดขึ้นมาด้วยปัญญาของตนได้รับการปล่อยออกไป ก็ถึงเวลาแล้วที่ประเทศพวกนั้นต้องมาคิดเรื่องที่จะเรียนเทคโนโลยีจากจีน
อู๋ ฮ่าวเหรินออกแบบแหล่งพลังงานมากกว่าสามอย่าง บนพื้นฐานของสิ่งที่มีมาแต่เดิม แต่ต่างด้วยวิธีการแสดงออก
เหตุผลหลักก็คือถ้าสิ่งนี้นำไปใช้กับรถยนต์ แหล่งพลังงานบางอย่างของหุ่นยนต์จะมากเกินไปที่จะใส่เข้าไปในรถ ดังนั้น เขากับจี้จึงได้แก้ไขแหล่งพลังงานดังกล่าว เพิ่มการทำงานของระบบและลดพลังของแรงดังกล่าว
เมื่อผู้คนไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ข้อมูลบางส่วนที่น่าจะก่อใก้เกิดความตื่นเต้นก็ได้รับการเผยแพร่ออกไปเงียบๆจากอู๋ ฮ่าวเหรินบนหน้าของเทคโนโลยีอนาคตเพื่อรอเปิดตัว
นอกจากนี้ เขาเองก็กำลังคิดว่าจะบริหารบริษัทผลิตรถยนต์ด้วยตัวเขาเองหรือจับมือกับรัฐบาลดี
ปัญหาหลักๆก็คือ อู๋ ฮ่าวเหรินอาจจะเจอกับปัญหาถ้าเขาดำเนินการบริหารด้วยตัวเอง จึงต้องหาคนมาสมัครในตำแหน่งช่างและผู้จัดการ
แต่ถ้าจับมือกับทางรัฐ เราก็สามารถร่วมมือกับบริษัทยานยนต์ของกองทัพเพื่อขอช่างและผู้จัดการมาได้ แต่ตอนนี้ตัวเองกลับคิดแค่เพียงเรื่องเทคโนโลยี
“จี้ นายคิดว่าฉันควรจะเปิดบริษัทของฉันเองหรือขอความร่วมมือจากรัฐบาลดี”
“ไม่ต้องคิดถึงขนาดนั้นหรอก มันออกจะเกินไปด้วยซ้ำ”
จี้ฉายภาพประวัติศาสตร์ของการแสดงยานยนต์ อู๋ ฮ่าวเหริน มองรถยนต์ลอยฟ้าที่ฉายขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ใช่แล้ว เขาอาจจะต้องคิดถึงเรื่องนี้สักหน่อย อาจจะใช้เวลาสองหรือสามปี จนเทคโนโลยีพวกนั้นถูกเขากำจัดทิ้งไป
“คัดลอกข้อมูลของแหล่งพลังงาน แล้วเลือกรูปรถยนต์ที่เราออกแบบขึ้นมาง่ายๆ ถ้านายอยากทำ ก็ไม่ต้องออมมือ ทำให้พวกเขาประหลาดใจไปเลย”
หลังจากคิดเรื่องนี้ อู๋ก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากนัก เทคโนโลยีที่มากเกินไป สำหรับเขา ก็มีให้ใช้ได้ไม่มากแล้ว
คอมเม้นต์