อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 259
CF:บทที่ 259 สร้างฐานทัพบนเกาะ
สำหรับเรื่องนี้แล้ว การจัดการดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หลังจากประชุมกันแล้ว ฝ่ายทหารรวมถึงสถาบันวิจัยอีกหลายแห่งก็เริ่มแผนจัดการ
ในขณะเดียวกัน อู๋ ฮ่าวเหรินอยู่ในห้องทดลองของตัวเองและกำลังพูดคุยกับจี้เรื่องกองกำลังติดอาวุธบนเกาะ
“จี้ นี่คือแผนที่งานบนเกาะตอนนี้ ฉันยังไม่เห็นที่ที่พิเศษๆที่ไหนเลยเหมือนกันนะ”
จากในแผนที่ นอกเหนือจากท่าเรือที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งไม่ได้ใหญ่มากนักแล้วนั้น ยังมีบ้านของผู้คนอีกหลายหลัง บนเกาะนี้ไม่มีตรงไหนที่ดูพิเศษจริงๆ
“ระบบอาวุธถูกเก็บซ่อนไว้ ไม่ได้เปิดเผยให้ผู้ใด”
หลังจากที่จี้ตอบกลับไป สายตาที่อู๋ ฮ่าวเหริน มองเกาะนี้ก็เปลี่ยนไป บางสถานที่ที่ดูไม่มีอะไรกำลังจะกลายเป็นที่แสดงหลุมและกระบอกปืน
“ตอนนี้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นั่นเชื่องช้าเอามากๆ ดังนั้น พวกเราจึงสร้างปืนต่อสู้อากาศยานไว้บ้าง แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับเรือรบระดับประเทศก็เถอะ และไม่น่าจะมีปัญหากับพวกโจรสลัดคนอื่นๆด้วย”
อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้า ในตอนนี้ เกาะนั้นยังไม่เป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก นอกจากนี้แล้ว ที่ตั้งอยู่ห่างไกลผู้คน กองกำลังป้องกันอันแข็งแกร่งจึงไม่มีความจำเป็น
“นี่คืออะไร”
บนหน้าจอที่ อู๋ ฮ่าวเหรินกดขึ้นมานั้น หุ่นยนต์กำลังส่งทรายกับหินออกมา
ไม่นาน ภาพก็เปลี่ยนไป เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินเห็นตรงกลางเกาะและสถานการณ์ในตึกใหญ่ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
“เพราะถ้าเอาเทคโนโลยีอยู่บนพื้นดินจะเป็นที่เห็นชัดเกินไป เราจึงต้องสร้างโรงงานไว้ใต้ดิน”
รูปที่ออกแบบมาถูกฉายขึ้นบนจอ เมื่อได้เห็นการออกแบบของจี้ อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกเหมือนตนกำลังดูหนังแนววิทยาศาสตร์
จากการออกแบบได้อย่างเฉียบคมนี้ จะเรียกว่าใต้ดินก็ไม่ถูก แต่ควรเรียกว่าโรงงานใต้น้ำมากกว่า ภายใต้เกาะทั้งเกาะ มีเพียงชั้นหินชั้นเดียวที่เหลือไว้ ข้างในเจาะรูเข้าไป หลังจากเสริมด้วยเหล็กกล้าสังเคราะห์แล้วนั้น ก็ได้สร้างชั้นต่างๆในโรงงานขึ้นมา
“จากการคำนวณในเบื้องต้นนั้น โรงงานจะอยู่ลึกจากใต้ทะเลไปห้าพันเมตร แล้วจากนั้นจึงจะสร้างเทคโนโลยีที่นี่ บางตัวก็หาใช้บนดินไม่ได้ครับ”
“เป็นความคิดที่ดีเลย อยู่ในพื้นทะเลแบบนี้”
อู๋ ฮ่าวเหรินต้องการที่จะสร้างฐานทัพใต้ดินแบบนี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาเคยกลัวว่ามันจะไม่ได้สร้าง แต่สิ่งตรงหน้าทำให้เขาได้ค้นพบว่า
ต้องสร้างฐานทัพเช่นนี้ไว้ใต้มหาสมุทร
จี้ซื้อวัสดุบางตัวมาได้ด้วยวิธีการบางอย่าง หลังจากนั้น เขาจึงค่อยกู้ของที่จมอยู่ก้นมหาสมุทร
ในอนาคต ถ้าพวกเราต้องการสร้างกลุ่มที่นี่ ปัญหาอย่างแรกคือเรื่องวัสดุจะเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ เพราะถ้าเขาซื้อของเหมือนจี้ คนเบื้องบนอาจจะลงมาตรวจสอบเขาได้
หลังจากดูภาพวาดที่ออกแบบมาอยู่สักพัก อู๋ ฮ่าวเหริน จึงเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามจี้ “จี้ นายคิดว่าถ้าพวกเราจะสร้างอุโมงค์ใต้น้ำจากที่นี่ไปหมู่บ้านซุยฉุยโดยตรงเลยจะได้ไหม”
ไม่นาน จี้ก็คำนวณแผนการที่จะสร้างอุโมงค์ได้ตามความคิดแปลกๆของอู๋ ฮ่าวเหรินออกมาได้สำเร็จ
“สร้างอุโมงค์แบบนั้น ทำได้ไม่ยากหรอกครับ เมื่อโรงงานใต้ทะเลสร้างเสร็จ เราก็สร้างแค่รถขุดเจาะเหมืองใต้ทะเล ส่วนปัญหาทรัพยากรพวกเราสามารถแก้ไขกันได้เอง”
เมื่อได้เห็นข้อมูลที่จี้ส่งมา ดวงตาของ อู๋ ฮ่าวเหรินก็เป็นประกาย ถ้าเราไม่เอาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเกินไปออกมาเสีย ก็อาจจะก่อปัญหาใหญ่ได้ รวมถึงวิวัฒนาการที่จะดำเนินไปได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
เพื่อที่แสดงเทคโนโลยีอะไรสักอย่าง เขาจึงต้องทยอยเอาออกมาทีละน้อยๆแทนที่จะเอาออกมาเลยพรวดเดียว
แน่นอนว่า อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ต้องการสร้างกองกำลังติดอาวุธ แต่ปัญหาก็คือการตัดผ่านประเทศเพื่อทำเรื่องแบบนั้นคงเป็นไปไม่ได้
“จะต้องมีหุ่นยนต์เพิ่มอีก”
เพื่อที่จะทำให้แผนสำเร็จ พวกเราจะต้องมีกลุ่มหุ่นยนต์จำนวนมาก แต่ทว่ากลับไม่มีหุ่นยนต์ที่เขาสร้างตัวไหนใช้งานในโครงการนี้ในตอนนี้ได้เลย
พลังงานเองก็เป็นปัญหาใหญ่ เทคโนโลยีของเขาสร้างเทคโนโลยีนิวเคลียร์ได้ไม่ยาก แต่ปัญหาก็คือวัสดุของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไม่สามารถหาได้ก่อนการขุดเจาะเหมืองใต้ทะเล และยังผิดกฏหมายอีกด้วย
เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขในระบบซองแดง ซึ่งนี่ทำให้ อู๋ ฮ่าวเหริน รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาสร้างหุ่นยนต์เกรดต่ำให้เขา
ปัญหาอยู่ที่ระดับเช่นกัน ถ้าเป็นระดับห้า ปัญหาของห่นยนต์จะได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด บางที พวกเราอาจจะได้หุ่นยนต์สู้รบของจริงจากสุดหล่อโคตรเจ๋งก็ได้
เขากับจี้ต่างศึกษาเรื่องนี้กันครึ่งค่อนวัน ถ้าพวกเขาไม่พัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เสียก่อน พวกเขาก็จะจับได้แค่พลังงานจากซองแดงเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนพลังงานกลับเป็นปัญหา และเขาจะต้องหาทางแก้ไขซึ่งต้องเป็นที่เทคโนโลยีที่ไม่เหนือไปกว่าปัจจุบัน
ในตอนท้าย อู๋ ฮ่าวเหรินจึงพร้อมที่จะแสดงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของเขา เพราะในภายภาคหน้านั้น อุปกรณ์หลายๆตัวในโรงงานใต้น้ำต่างต้องใช้พลังงานไฟฟ้า ส่วนพลังงานหินจะไม่เอามาใช้
หลังจากแผนการจัดการได้รับการยืนยันแล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินจึงได้ถามจี้เพื่อที่จะสร้างโรงงานใต้น้ำเป็นอย่างแรก
แต่ในทางกลับกัน บริษัทยานยนต์ของทหารทั้งสี่เหล่าทัพในประเทศต่างได้รับคำแจ้งเตือนดังกล่าวที่ขอให้พวกเขาส่งช่างมาเข้าร่วมในโครงการการวิจัยยานยนต์ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลกับฟิวเจอร์กรุ๊ป
ในห้องประชุมของบริษัท ตงเฟิง มอเตอร์ ผู้คนกลุ่มนั้นต่างดูการแจ้งเตือนจากข้างบน บางคนก็รู้สึกสับสน
“ท่านประธานซ่ง นี่มันหมายความว่ายังไงกันครับ” ใครคนหนึ่งที่ทีรูปร่างอ้วนและหน้ากลมราวกับก้อนแป้งถามขึ้นพลางจ้องมอง
หน้าของเกาซือเปี่ยมด้วยพลังขึ้นมาเล็กน้อยและ ซ่ง ป๋อที่สวมชุดสูท ส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คำแจ้งเตือนก็เพิ่งมาวันนี้ ต้องตามดูสถานการณ์ต่อไป นี่อาจจะเป็นฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลเพื่อผลิตยานยนต์ก็ได้”
“ในฟิวเจอร์กรุ๊ป แม้กระทั่งเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและอุปกรณ์พลังงานอุณหภูมิของพวกเขาจะล้วนของที่ใช้งานได้ดีมาก แต่พวกเขาก็ต้องการผลิตรถยนต์และเราจะต้องส่งคนไปให้พวกเขา ไม่คิดว่านี่มันตลกไปหน่อยหรือ”
“นั่นน่ะสิ พวกเขาไม่ได้มีบริษัทผลิตรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังอยากจะทำ พวกเขาคิดอะไรกันอยู่ และยังให้พวกเราดึงช่างที่ดีที่สุดไปเข้าร่วมโครงการนี้อีก”
“ช่างที่เราทำงานด้วยล้วนขยันและมีความรู้ แต่ต้องเอาไปให้พวกเขาแบบนี้เนี่ยนะ ฮึ่ม”
ซ่ง ป๋อตบโต๊ะดังปังก่อนจะกล่าวขึ้น “บ่นได้แต่พวกนายก็ต้องส่งช่างไปอยู่ดี นี่คือภารกิจจากเบื้องบน แน่ล่ะว่า ฉันไม่สนว่าพวกนายจะโทรหาใคร แต่ฉันจะต้องรวบรวมจำนวนคนที่จะไปงานนี้”
หลังจากได้ยินที่สิ่งที่ซ่งป๋อพูด ผู้คนก็ดูจะเข้าใจและยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย ใช่แล้ว พวกนั้นขอให้พวกเราส่งช่างที่ดีที่สุดไปให้ ใครกันที่ดีที่สุด ไม่มีคำตัดสินสุดท้ายมานี่
กรณีแบบนี้ยังมีอีกที่บริษัทสามแห่ง พวกเขาได้รับการแจ้ง ขอให้ส่งช่างที่ดีที่สุดไปยังบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นคู่แข่งของพวกตน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเบื้องบนจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
มีคำสั่งลงมาแล้วรวมถึงคำตัดสินสุดท้าย
ในสถาบันวิจัยส่วนใหญ่ ผู้อำนวยการยังคงดำเนินการเคลื่อนไหวบางอย่างหลังจากกลับมาแล้ว
“ผ.อ. ครับ ท่านแน่ใจใช่ไหมครับว่าเมื่อเราไปถึงที่นั่น เราจะได้เรียนไม่ใช่ถูกไล่ออกมา”
“ไร้สาระน่า ถ้าฉันไม่ไปที่สถาบันวิจัย สุดท้ายฉันก็ต้องไปอยู่ดี ฉันอยากจะบอกกับนายว่าภารกิจในครั้งนี้คือเข้าไปเรียนเทคโนโลยีนั่นและอย่าทำให้สถาบันเราเสียหน้าล่ะ ตอนนี้ ไม่ใช่แค่สถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวที่จะไปสมทบ แต่จะยังมีอีกหลายคนที่จะถูกส่งตัวไป”
เขาจ้องอย่างไม่นึกเชื่อ ผู้อำนวยการจึงพูดต่อ “ถ้านายไม่อยากไป ฉันจะเปลี่ยนคนตอนนี้เลย แต่ถ้ามานึกเสียใจทีหลัง ก็ไม่ต้องมาหาฉันนะ”
“ผ.อ. ครับ ผมไม่ได้เสียใจ ผมแค่อยากจะอยู่ในสถาบันวิจัยนี่ เป็นคนอื่นไปได้ไหมครับ”
“มีอะไรที่ทำให้นายไม่อยากไปล่ะ แต่ว่าตอนนี้นายก็เลยเลือกที่จะอยู่ได้นะ”
เห็นได้ชัดว่า มีอีกหลายคนที่ไม่อยากไป ซึ่งนั่นทำให้ผู้อำนวยการรู้สึกกดดัน พวกเขาต่างปฏิเสธของดีกันเสียอย่างนั้น
———————-
คอมเม้นต์